“หันเซียงจื่อ”หรือ “ฮั่งเซียงจื้อ”(韩湘子) หนึ่งในโป๊ยเซียน มีนามเดิมว่า “หันเซียง”(韩湘) ชื่อรองว่า “หันชิงฟู”(韩清夫) หลักฐานและบันทึกประวัติศาสตร์หลายเล่ม กล่าวตรงกันว่า หันเซียงจื่อมีตัวตนอยู่จริง ๆ เป็นบุคคลที่มีชีวิตอยู่จริงในสมัยราชวงศ์ถัง เป็นหลานชายของหันอวี้ (韩愈) ผู้เป็นนักปราชญ์ในสมัยถัง กล่าวกันว่า ตั้งแต่วัยเยาว์มาแล้ว หันเซียงจื่อมีความสนใจใฝ่เรียนรู้ในลัทธิเต๋าอย่างจริงจัง โดยเฝ้าแต่ศึกษาคำสอนเต๋าเพียงอย่างเดียว ขนาดหันอวี้ผู้เป็นลุงเดินเข้ามาด้านหลังยังไม่รู้ตัว ทำให้หันอวี้ไม่พอใจมาก แต่สุดท้ายต้องยอมแพ้ เพราะ ๗ วันให้หลัง หันเซียงจื่อสามารถ ทำให้ดอกโบตั๋นบานสะพรั่ง และยังเปลี่ยนสีได้ดังใจนึก อีกทั้งในกลีบดอกแต่ละใบยังสลักอักษรเอาไว้อีกด้วย
ต่อมา หันเซียงจื่อไม่ประสงค์จะรับราชการ จึงได้ฝากตัวเป็นศิษย์กับอาจารย์หลี่ว์ฉุนหยาง (吕纯阳) และติดตามเล่าเรียนลัทธิเต๋ากับอาจารย์เรื่อยมา ครั้นเติบใหญ่ได้มีโอกาสพบพานหลี่ว์ต้งปิน (吕洞宾) และได้กราบท่านเป็นอาจารย์และฝึกบำเพ็ญเพียรอย่างจริงจัง จนกระทั่งสำเร็จมรรคผล กลายเป็นเซียนในเวลาต่อมา
บุคลิกลักษณะของหันเซียงจื่อ เป็นบุรุษหนุ่มรูปงาม มีความสามารถพิเศษด้านดนตรี โดยเฉพาะ “ขลุ่ย”มีเรื่องว่า ความไพเราะจากดนตรีในเสียงขลุ่ยของหันเซียงจื่อดังขึ้นคราใด ครานั้นก็จะมีฝูงนกบินเวียนว่อนมาล้อมรอบตัวเขาอยู่เสมอ นอกจากนี้ เสียงขลุ่ยของหันเซียงจื่อยังมีอำนาจวิเศษ สามารถทำให้ต้นไม้เจริญเติบโตงอกงามและดอกไม้ผลิบานสะพรั่งได้ตามใจต้องการ ดังนั้นภาพลักษณ์ของหันเซียงจื่อ ในงานศิลปะทั่วไป จะปรากฏในลักษณะของบุรุษรูปงามผู้มีเสียงขลุ่ยอันไพเราะ จนสามารถสะกดวิญญาณผู้ฟังเคลิบเคลิ้มหลงใหลได้ดุจดั่งใจปรารถนา
ลักษณะประติมากรรม
ประติมากรรมฮั่นเซียงจื้อโจวซือ มีลักษณะเป็นบุรุษหนุ่มรวบผมเรียบร้อย แต่งกายแบบจีนโบราณ ในมือทั้งสองถือขลุ่ย นั่งขัดสมาธิบนก้อนเมฆ