มีลักษณะเป็นพระร่วงนั่งทรงมงกุฆเทริด (หรือเทริดขนนก) เนื้อตะกั่วสนิมแดง สถานที่พบคือ กรุบ้านดงเชือก อำเภอหนองหญ้าไซ จังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งมีเขตติดต่อกับอำเภอด่านช้าง เป็นพื้นที่ของชาวนาคนหนึ่งที่มีพื้นนาและจอมปลวกปะปนกันไป พื้นนาเป็นดินทราย ซึ่งปรากฏว่าเจ้าของนาปลูกข้าวแล้วข้าวไม่งอกงามเป็นเวลาหลายปี บริเวณที่พบพระหรือที่พระแตกกรุนั้น คือหน้าบ้านของชาวนานั่นเอง ห่างจากบ้านประมาณ 20 เมตร ซึ่งสันนิษฐานว่า บริเวณที่พระขึ้นนี้เป็นบริเวณของหนองน้ำ โดยมีคันคูหรือคันคลองเก่าสมัยโบราณ บริเวณที่ขุดพบมีหินและศิลาแลงใหญ่ๆ และเศษโลหะที่เป็นสำริด ที่ถูกรถไถนาแตกหักชำรุด เป็นจำนวนมาก ปัจจุบันมีผู้ที่จะเข้าไปทำการตรวจค้นหาหลายราย เจ้าของนาไม่ยินยอมหรืออนุญาตให้ทำการตรวจ ซึ่งมีการคาดคะเนว่าอาจจะพบพระอีกเป็นจำนวนมากนั่นเอง
มีผู้แสวงโชคได้ติดตาต่อผ่านกำนัน ผู้ใหญ่บ้านหลายราย เจ้าของที่นาก็ไม่ยินยอมเด็ดขาดพระที่แตกกรุเป็นพระร่วงนั่ง มีเต่าสำริด 1 ตัว เส้นผ่าศูนย์กลางไม่เกิน 3 นิ้วและปรากฏว่า มีพระร่วงยืนร่วมด้วยไม่มากนัก
พระร่วงกรุดงเชือก พบทั้งหมดประมาณ 197 องค์ คนขุดพบคนแรกนำเอาพระที่แบ่งกับเจ้าของนำมาจำหน่ายให้กับคนเมืองกาญจนบุรี คนกาญจนบุรีนำมาจำหน่ายให้กับชาวกรุงเทพฯได้เงินประมาณ 1 ล้านบาทเศษ เจ้าของนาได้ 20,000 บาท เท่านั้น ผู้ที่รับช่วงเช่าไว้ ในราคาองค์ละ 20,000 บาท ถึง 30,000 บาท การแบ่งพระระหว่างเจ้าของนากับคนขุดแบ่งออกเป็น 3 กอง เหลือจากแบ่งนอกนั้นคนขุดรับไปคนเดียว
พระกรุดงเชือก แทบจะทุกองค์มีสนิมผิวคล้ายเปลือกมังคุดสุก หรือผิวคล้ายกับลูกหว้าสุกสนิมไม่เน่ามีคราบไขมันหรือคราบไขวัวจับเกาะบ้างเป็นบางองค์ บางองค์จะแลเห็นรอยระเบิดเล็กน้อย บางองค์ไม่มีเลย ใครจะเช่าหาต้องพิจารณาให้ดี