หนังสือคู่มือการเล่นกีฬาพื้นบ้าน อ.ทุ่งหว้า จ.สตูล จัดทำขึ้นเพื่อการเผยแพร่ให้เยาวชนได้หันมาสนใจ และมีการสืบทอดต่อไปสู่เยาวชนรุ่นหลัง ซึ่งนับวันจะถูกลืมและนำสิ่งใหม่ ๆ ที่ได้รับการถ่ายทอดจากเทคโนโลยีสมัยใหม่มาแทนที่
การเล่นกีฬาพื้นบ้านของคนในสมัยโบราณ เป็นการฝึกทักษะได้ในหลายเรื่องเริ่มตั้งแต่เด็กเล็ก ๆ วัย 3 ขวบ จนกระทั่งเข้าสู่วัยรุ่น เช่น การเล่นจุ้มจี้ หยับโหยง หมากดีด เป็นการฝึกกล้ามเนื้อนิ้ว และมือให้เด็ก ๆ ได้ใช้อย่างชำนาญ เมื่อายุถึงวัยที่จะเข้าโรงเรียนเด็ก ๆ ก็สามารถเข้าเรียนได้เลย โดยไม่จำเป้นต้องผ่านระดับอนุบาล เนื่องจากการละเล่นในขีวิตประจำวันทำให้กล้ามเนื้อในส่วนต่าง ๆ ของร่างกายมีความพร้อมที่จะเรียนรู้เรื่องต่าง ๆ ในัยเรียนได้อย่างดี และเมื่อเติบโตขึ้นเด็ก ๆ ก็จะเริ่มเบ่นกัน้ป็นทีม เริ่มการเรียนรู้สังคม เริ่มมีการช่วยเหลือกัน แสดงออกถึงความสามัคคีกันในหมู่คณะ เป็นผลทำให้ชุมชนมีความรักใคร่กลมเกลียวกันดี และนอกจากนี้กติกต่าง ๆ ของการละเล่นก็จะแฝงไว้ด้วยคุณธรรม จริยธรรม และการเล่นกีฬาบางอย่างจะมีการตกลงกติกากันเป็นพิเศษ ในการเล่นแต่ละครั้งจะสังเกตได้ว่า เด็ก ๆ ในอดีตเมื่อเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ มีน้ำใจ โอบอ้อมอารี จนเป็นที่ประทับใจของชาวต่างชาติ และกลายเป็นวัฒนธรรมที่มีคุณค่ายิ่ง ซึ่งอาจเคยได้ยินจากชาวต่างชาติว่า เขาอยากมาเมืองไทยเพื่อพบกับวัฒนธรรมไทยที่ไม่เหมือนใคร นั้นคือ คนไทยมีความอ่อนน้อม และยิ้มหวาน จนขนานร้อยยิ้มของคนไทยว่า "ยิ้มสยาม" แม้แต่นางงามจักรวาลประจำปี 2548 นางสาวนาตาลี เกลโบวา ก็ประทับใจในวัฒนธรรมไทย และชื่นชมในความเป็นไทยถึงกับให้สัมภาษณ์ในรายการจมูกมด เมื่อเดือนมีนาคม 2549 ว่าเมื่อจบการศึกษาแล้วอยากมาทำงานในประเทศไทย
สำหรับกีฬาพื้น้บานอำเภอทุ่งหว้า ฉบับนี้คณะผู้เขียนขอเสนอเพียง 20 ชนิด ซึ่งถือเป็นเล่มที่ 1 และจะได้รวบรวมการละเล่นที่ยังไม่ได้เขียนในฉบับนี้ จะนำไปเขียนเป็นเล่มที่ 2 หากได้รับงบประมาณสนับสนุนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งในฉบับนี้ขอนำเสนอกีฬาพื้นบ้านอำเภอทุ่งหว้า ดังนี้
1 หมากดีด 2 หมากตัก 3 หมากเก็บ 4 กระโดดยาง 5 หยับโหยง 6 วิ่งเปรี้ยว 7 ตอกลูกยาง 8 ขี่ม้าส่งเมือง 9 ขี่ม้าโยนรับ 10 จุ้มจี้ 11 หมาชิงเสา 12 เดินพรก 13 ลิงราว 14 ลิวโม 15 กระโดดเชือก 16 ตี่จับ 17 เตย 18 เข้ฟักไข่ 19 หอยหมิน 20ราวเดอร์