ขั้นตอนการแสดงหนังใหญ่
การแสดงหนังใหญ่เป็นการแสดงชั้นครู หากมีการแสดงอื่น จะต้องให้หนังใหญ่ได้แสดงก่อน โดยมีขั้นตอนการแสดง ดังนี้
๑. เริ่มจากบทไหว้ครู
๒. การเล่นเบิกโรงชุด จับลิงหัวค่ำ
๓. จับเรื่อง เป็นเรื่องรามเกียรติ ตอนศึกทศกัณฐ์
การไหว้ครูก่อนการแสดง การแสดงหนังใหญ่ถือว่าการไหว้ครูเป็นเรื่องสำคัญมาก ทุกครั้งที่มีการแสดงจะต้องทำพิธีไหว้ครู โดยตั้งเครื่องบัดพลีถวายตามโบราณเพื่อสวัสดิมงคลของผู้แสดงหนังใหญ่ พิธีไหว้ครูเริ่มด้วยการเชิญหนังครู ๓ ตัว คือ ตัวฤๅษีอยู่กลางระหว่างพระนารายณ์และพระอิศวร วางไว้หน้าจอ นำพวงมาลัยคล้องที่ตัวหนัง เตรียมเครื่องบัดพลี ซึ่ประกอบด้วยมะพร้าวอ่อน ๑ ลูก ขนมต้มแดงขนมต้มขาว ๑ จาน กล้วย ๑ หวี บายศรีปากชาม ๑ คู่ เหล้าขาว ๑ ขวด และค่ากำนล ๖ บาท ขันน้ำมนต์ ๑ ขัน
ภาพฤๅษีจะสลักเป็นภาพฤๅษี ถือไม่เท้า ภาพพระอิศวรและภาพพระนารายณ์เป็นภาพท่าแผลงศร ซึ่งเรียกว่า “หนังแผลง” หนังทั้ง ๓ ตัวนี้ใช้บูชาก่อนการแสดงเรียกว่า “เบิกหน้าพระไหว้ครู” หนังพระอิศวรและหนังพระนารายณ์จะต้องทำจากหนังวัวที่ถูกเสือกัดตาย ถูกฟ้าผ่าตาย หรือออกลูกตาย ส่วนตัวฤๅษีนั้น จะต้องหาหนังสือที่มีอำนาจ เช่น หนังสือ หนังหมี ซึ่งถือกันว่าศักดิ์สิทธิ์ พิธีสลักนั้นจะต้องขียนและสลักให้เสร็จภายใน ๑ วัน มีสิ่งของบูชาครูบายศรีปากชาม ๑ เครื่องกระยาบวช ๑ หัวหมู ๑ และเงินค่ากำนัล ๒ สลึงเฟื้องเครื่องไหว้ครู
เมื่อตั้งตัวหนังเตรียมเครื่องบัดพลีและคนเชิดหนังแต่งตัวเรียบร้อยมานั่งบริเวณที่จะกระทำพิธีซึ่งอยู่หน้าจอหนังแล้ว หัวหน้าคณะคือ จะเป็นผู้เริ่มต้นกระทำพิธี พิธีเริ่มด้วย จุดเทียน ๓ ดอก ไปปักที่ตัวหนังครูทั้ง ๓ ตัว และส่งเทียนให้หัวหน้าวงปี่พาทย์ ๑ เล่ม เพื่อให้ไปปักที่ตะโพน จากนั้นหัวหน้าคณะ จะกล่าวเชิญเทพยดาและบริวารที่ประจำทิศทั้งสิบทิศมาสถิตยังบริเวณที่แสดง หลังจากกล่าวเชิญเทพยดาจบ ก็จะโห่ ๓ ครั้ง จากนั้นคนพากย์ก็ว่าบทไหว้ครู ๓ ตอน หรือที่เรียกว่า ๓ ทวย ตอนนี้คนเชิดจะออกมาเชิดหนัง เจ้าทั้ง ๒ องค์ ส่วนตัวฤๅษีจะเชิญกลับไปไว้ที่เตรียมไว้ ซึ่งอยู่หน้าจอหนัง เมื่อคนพากย์ว่าจบทวยหนึ่ง พิณพาทย์ก็ทำเพลงเชิดทีหนึ่ง จนครบ ๓ ทวย
เมื่อคนพากย์ พากย์บทไหว้ครูทั้ง ๓ ทวย จบแล้ว หัวหน้าคณะจะเจิมหนังเจ้า และเชิดหนังไปเก็บไว้ในโรง เป็นอันเสร็จพิธี
การเบิกโรง
ก่อนการเล่นหนังใหญ่ จะต้องมีการเล่นเบิกโรง บทเบิกโรงที่นำมาเล่นคือ บทลิงขาวจับลิงดำ
หรือที่เรียกว่า จับลิงหัวค่ำ โดยสมมุติให้ ลิงดำเป็นตัวเกเร ลิงขาวเป็นลิงดี ลิงขาวกับลิงดำต่อสู้กัน ลิงขาวจับลิงดำได้ พามาหาพระฤๅษี พระฤๅษีสั่งสอนลิงดำและให้ปล่อยตัวไป
สำหรับการแสดงเบิกโรงชุดจับลิงหัวค่ำนั้น ในตอนลิงขาวจับลิงดำ จะจับกันถึง ๓ ครั้ง การจับ ๒ ครั้งแรก จะเป็นการจับหลุด และจะจับได้ใน ครั้งที่ ๓ ขณะที่ลิงขาวกำลังไล่จับลิงดำนั้น เครื่องดนตรีจะใช้เพียงปี่กับกลองเล็ก เป็นช่วงที่แสดงความสามารถของคนเป่าปี่ ทำนองของปี่ในช่วงนี้ คนดูหนังจะได้ยินเสียงว่า “จับได้ตีให้ตาย”
หลังจากที่พระฤๅษีให้ลิงขาวปล่อยลิงดำแล้ว ก็จะมีการซักถามเรื่องและตอน ที่จะนำมาแสดงหนังใหญ่ คนพากย์จะเล่าเรื่องย่อ ๆ ให้ผู้ฟังทราบ จากนั้นจะเริ่มการแสดงก่อนจะแสดงนั้นพระฤๅษีจะขอพร ดังนี้
“ศรีศรีขอให้พรมิ่งสวัสดีมีชัย ไปเล่นที่ไหนให้มีชัยชนะที่นั่น จงปล่อยลิงดำไปยังทิศพายัพ ลิงขาวจงย้อนกลับไปทางทิศบูรพา ฝ่ายองค์พระนักสิทธิฤทธา ก็กลับหลังเข้ายังบรรณศาลา บัดนี้” (พิณพาทย์บรรเลงรัว)
การจับเรื่อง หนังใหญ่วัดสว่างอารมณ์ จะเล่นเรื่องรามเกียรติ์ตอน ศึกทศกัณฐ์ ครั้งที่ ๕ โดยจับเรื่องตั้งแต่การทำสงครามระหว่างพระรามกับทศกัณฐ์ ทั้งสองทำสงครามกันเนื่องจากต้องการที่จะครอบครองนางสีดา ในการนี้ พระรามแผลงศรสังหารทศกัณฐ์ แต่ทศกัณฐ์ไม่ตาย ด้วยความอ่อนล้าของกองทัพทั้งสองฝ่ายและเวลาก็ค่ำลงพระรามจึงเจรจากับทศกัณฐ์ให้หยุดพักการต่อสู้วันรุ่งขึ้นจึงกลับมาทำสงครามต่อ การแสดงจะใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมง แต่สามารถย่อเรื่องได้แต่มักจะจบด้วยการเจรจาหย่าทัพของฝ่ายทศกัณฐ์เพื่อให้พลทหารได้พักผ่อนจาการทำสงคราม