รำโทน เป็นการละเล่นพื้นบ้านที่เล่นกันทั่วไปในกลุ่มจังหวัดภาคกลางรำโทนจะก่อกำเนิดขึ้นในยุคใดสมัยใดไม่ปรากฏ แน่ชัด ทราบแต่เพียงว่าเล่นสืบต่อกันมานานหลายชั่วคน ท่ารำของรำโทนเป็นการรำที่มีลักษณะเรียกว่า “รำใช้บท” หรือ “รำตีบท” ด้วยเหตุที่มีการร้อง และรำเข้ากับจังหวะเสียงโทนจึงเรียกว่า “รำโทน” รูปแบบของการรำโทนในช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 หนุ่มสาวชาวบ้านเมื่อเสร็จจากงานจะมีโอกาสชักชวนกันมาเล่นหาความสนุกสนานด้วยการรำโทนบริเวณลานบ้านตอนกลางคืน ซึ่งเป็นการละเล่นที่เรียบง่ายและเป็นที่นิยมของชาวบ้านภาคกลาง พอมาถึงสมัยรัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงครามซึ่งเป็นช่วงเวลาที่อยู่ในภาวะสงครามได้กำหนดให้มีการควบคุมการละเล่นเพื่อการรื่นเริงครอบคลุมไปถึงการละเล่นพื้นบ้านของท้องถิ่นต้องขออนุญาตก่อนการแสดงแต่สนับสนุนให้มีการเล่นรำโทนแทนจึงทำให้การรำโทนแพร่หลายทั่วไปทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด การรำโทนพื้นบ้านยังมีกลุ่มชาวบ้านที่สืบทอดการรำโทนและ ยังรักษารูปแบบการรำโทนดั้งเดิมหลงเหลืออยู่ ซึ่งเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่น ด้านศิลปะการแสดงของจังหวัดลพบุรีและยังคงเป็นเอกลักษณ์ อยู่ที่บ้านแหลมฟ้าผ่า ตำบลบางพึ่ง อำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี จนถึงปัจจุบัน
นางทิม สำริดเปี่ยม เป็นศิลปินที่มีความสามารถในการแสดงรำโทน เกิดเมื่อวันที่ 1เมษายน พ.ศ.2472ที่อำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี จบการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 สมรสกับนายไว สำริดเปี่ยม มีบุตรธิดา 6คน และเป็นผู้ถ่ายทอดการแสดงรำโทนให้กับนักเรียนในสถานศึกษาของอำเภอบ้านหมี่ นางทิม ได้รับการถ่ายทอดการรำโทนจาก นางตะเคียน เทียนศรี ผู้เป็นมารดา โดยสมัยนั้นได้รวมกลุ่มญาติพี่น้อง และฝึกหัดรำโทน และตั้งเป็นคณะ "แม่ตะเคียน เทียนศรี" และได้ฝึกสอนให้กับนางทิม ได้เริ่มหัดร้องครั้งแรกเมื่อ อายุ 13 ปี เพลงรำโทน ที่นางทิม หรือ ป้าทับทิม ได้รับการถ่ายทอดมาจากมารดา คือ เพลงนารีลอยหน้า
เกียรติคุณที่ได้รับ
พ.ศ.2545ได้รับเกียรติบัตรศิลปินพื้นบ้านดีเด่น สาขาศิลปะการแสดง จากสำนักงานกองทุน เพื่อการลงทุนทางสังคม ธนาคารออมสิน
พ.ศ.2548 ได้รับโล่ และเกียรติบัตรศิลปินพื้นบ้านดีเด่น สาขาศิลปะการแสดง จากสำนักศิลปะและวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยราชภัฏเทพสตรี