องค์ความรู้
นายทวี วังศรี มีความสามารถในการปลูกกุยช่ายขาวได้ประสบความสำเร็จ เป็นที่ต้องการของตลาด ปัจจุบันส่งกุยช่ายขาวขายที่ตลาดตามร้านอาหาร ได้ราคากิโลกรัมละ ๑๔๐ บาท ในจังหวัดชัยภูมิมีแห่งเดียวที่สามารถใชัภูมิปัญญาจาการเรียนรู้ด้วยตนเองเกิดเป็นความรู้ พัฒนาเป็นผลผลิตที่ทำรายได้ให้กับครอบครัวอย่างพอเพียง
อุปกรณ์ในการปลูก
เตรียมดินเหมือนปลูกพืชทั่วๆ ไป แต่ที่พิเศษสำหรับกุยช่ายขาว คือ ต้องมีกระถางทึบแสงทรงกรวย สำหรับครอบต้นกุยช่ายเพื่อไม่ให้ถูกแสงแดดจะได้ต้นกุยช่ายขาว การะถางทรงกรวยปลายแหลมที่ปั้นจากดินเหนียวคล้ายกับดินที่ใช้ปั้นหมอดิน ก่อนที่จะได้กระถางครอบเป็นดินนี้ นายทวี วังศรี ได้ลองใช้วัสดุอื่นมาหลายอย่าง เช่น ท่อ พี.วี.ซี. ไม้ไผ่สาน กระถางต้นไม้ทั่วๆ ไป ในที่สุดก็สามารถพัฒนาเป็นกระถางทรงกรวย ขนาดกระถางกว้าง ๑๐ –๑๒ นิ้ว สูง ๑๓-๑๕ นิ้ว ทำก้นกระถางให้เรียวเพื่อความทึบของดินเหนียว ทำให้แสงสว่างเข้าไปไม่ได้ สะดวกในการจับการใช้งาน และที่ทำจากดินเหนียว เพราะสามารถควบคุมอุณหภูมิ
วิธีการเพาะกุยช่าย มีดังนี้
ขุดแปลงปลูกรองพื้นด้วยปุ๋ยคอกและปุ๋ยหมัก นำต้นพันธ์ที่มาจากต้นผักแป้นหรือหอมแบ่งที่มีอยู่ทั่วไปแบ่งเป็นกอเล็ก กอละ ๔ ต้น ปลูกรดน้ำเช้าเย็น ๑ สัปดาห์ ใส่ปุ๋ยคอกทิ้งไว้ ๑๕ วัน ใส่ปุ๋ยชีวภาพ รดน้ำพรวนดิน ๔ เดือน เมื่อต้นแข็งแรงแล้วครอบด้วยกระถางครอบที่จัดเตรียมไว้ใช้เวลา ๖-๑๒ วันก็สามารถตัดขายได้ หลังจากนั้นบำรุงต้นต่อโดยใส่ปุ๋ยคอก หลักจากนั้นอีก ๑๕ วัน ใส่ปุ๋ยชีวภาพ ต้นตอที่งอกใหม่ต้องมีอายุ ๔๕ วัน จึงตัดใบทิ้งไป แล้วครอบกระถางกรวยไว้อีก ๔๕ วัน เมื่อได้ต้นกุยช่ายขาวสวยงามได้ขนาดแล้ว ตัดมนตอนเช้าห่อด้วยผ้าชุบน้ำให้ชุ่มนำเข้าเก็บไว้ในตู้เย็น เพื่อไม่ให้ต้นเหี่ยวแล้วส่งขายที่ตลาด ไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง
ผลงาน
๑. ประสบความสำเร็จในการปลูกเห็ดนางฟ้า เห็ดฟาง จนเป็นสถานที่ศึกษาดูงานและเป็นศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีทางการเกษตร
๒. ปลูกกุยช่ายขาวได้อย่างมีคุณภาพ สามารถส่งร้านอาหารที่มีชื่อเสียงในตลาดได้
๓. ได้รับความชมเชยจากหน่วยงานของภาครัฐ เอกชนและชุมชน มีผู้มาศึกษาดูงานและศึกษาวิธีการปลูกอยู่เป็นประจำ
ลักษณะการถ่ายทอดภูมิปัญญาสู่ชนรุ่นหลัง
ส่วนใหญ่จะถ่ายทอดความรู้ให้แก่ผู้มาศึกษาด้วยตนเอง ผู้ที่ประสบความสำเร็จและสามารถปลูกได้คือ ราษฎรจากชุมชนบ้านเมืองน้อย ๕ คน และผู้สนใจทุกคนสามารถสอบถามและฝึกปฏิบัติได้ด้วย