รอยพระพุทธบาทจำลอง ประดิษฐานอยู่ภายในมณฑปทรงจตุรมุขภายในวัดเกาะ ตำบลสีคิ้ว
อำเภอสีคิ้ว ก่อสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2508 ซึ่งวัดเกาะแห่งนี้ได้ก่อสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2442
โดยพระมหาหล้า เป็นเจ้าอาวาสวัดเกาะรูปแรก
โดยมีประวัติความเป็นมาเกี่ยวกับรอยพระพุทธบาทจำลอง บันทึกไว้ตามคำบอกเล่าของพระมหาหล้า
เมื่อ พ.ศ. 2443 ว่า “ในวันหนึ่งพระมหาหล้าได้สอบถามนายฉิม (ไม่ทราบนามสกุล) ว่าเหตุใดเวลา
เข้ามาวัดจึงไปกราบต้นไม้ก่อนทุกครั้งที่จะมากราบพระ” นายฉิม จึงเล่าว่า “ตนนั้นได้เกิดนิมิตขึ้นว่า
ได้มาพบพระพุทธเจ้ามาประทับแสดงธรรมโปรดญาติโยมที่ต้นพลูนี้ และนายฉิมเองก็ได้ฟังพระธรรม
เทศนานั้นด้วย ครั้งเมื่อเข้ามาในวัดทีไรก็ทำให้นึกถึงความฝันนั้น จึงไปกราบต้นไม้ต้นนี้ก่อนทุกครั้ง”
พระมหาหล้าเกิดความสงสัยว่าจะมีอะไรซุกซ่อนอยู่ในบริเวณนั้น จึงให้พระและญาติโยมทำการขุด
เมื่อขุดไปได้สักครู่จึงพบรูปปั้นพระนเรศวรทรงช้างสามเศียร จึงพากันยกขึ้นแล้วทำการขุดต่อ
แต่ตอนนี้เกิดมีมดง่ามและมดง่ามไฟเต็มไปหมดไม่สามารถขุดต่อไปได้ จึงพากันเอาไฟมาสุมเผา
เพื่อไล่มดนั้น แต่ยิ่งสุมไฟมดก็ยิ่งมาก จึงต้องหยุดการขุดไว้ก่อน และปรึกษากันว่าควรจะได้ทำพิธี
สวดทิพมนต์เสียก่อน
จึงได้นิมนต์พระ 4 รูป ได้แก่ พระอาจารย์ชิน พระอาจารย์คำ พระอาจารย์พิทักษ์ วัดใหญ่สีคิ้ว
และพระมหาหล้า วัดเกาะ ทำพิธีสวด 3 วัน 3 คืน บทที่ใช้สวดคือ เจ็ดตำนาน สิบสองตำนาน
ธรรมจักรกัปปวัตนสูตร อาทิตตปริยายสูตร อนันตลักขณสูตร และบทอิสิคิลิต พอสวดได้วันที่สาม
เข้าวันที่สี่พวกมดก็หายไปจนหมดสิ้น จึงทำการขุดต่อ และขุดต่อได้ประมาณเมตรครึ่งก็พบก้อนหิน
ก้อนหนึ่ง ซึ่งตอนแรกเข้าใจว่าเป็นก้อนหินธรรมดา แต่เมื่อขุดลงไปจนมองเห็นชัดจึงได้รู้ว่าเป็น
รอยพระพุทธบาทจำลองซึ่งทำด้วยศิลาแลงและที่มุมข้างหนึ่งหักไปเนื่องจากการขุดนั้นเอง
จึงพากันยกขึ้นไว้เป็นที่สักการะบูชาจนกระทั่งทุกวันนี้ ส่วนรูปปั้นพระนเรศวรทรงช้างสามเศียร
ได้ถูกขโมยไปในปี พ.ศ. 2519