วัดดงเฒ่าเก่า ตั้งอยู่ที่บ้านหนองเรือ ตำบลนาหมอม้า อำเภอเมืองอำนาจเจริญ ไม่พบประวัติว่าใครเป็นคนสร้าง มีพระธุดงค์ ผ่านมาและได้จำวัดเพื่อปฏิบัติธรรม ซึ่งปัจจุบันเป็นเจ้าอาวาสวัด คือ พระครูจิตตปาลคุณ
พระครูจิตตปาลคุณเล่าว่า เมื่ออาตมาธุดงค์มาพบครั้งแรกก็ทราบในญาณว่าที่นี่น่าจำวัดเพื่อปฏิบัติธรรม เพราะเป็นผืนป่าที่สงบเงียบวังเวง มีต้นไม้ หินดาน ธรรมชาติที่น่าศึกษา เช่น พบใบเสมาฝังดินอยู่กระจัดกระจาย ไปรอบบริเวณแนวป่าทึบ มีลักษณะที่แปลกเพราะใบเสมาจะถูกฝังเป็นแนวยาว ตลอดในเส้นทางเดียวกัน เหมือนบ่งบอกลายแทงมหาสมบัติอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือเป็นสัญลักษณ์ที่บ่งบอกแนวเขตแดนของเมืองในยุคเก่าๆ
เมื่อ ปี พ.ศ. 2509 จึงพร้อมใจกันกับญาติโยมบูรณะปฏิสังขรณ์ และตั้งชื่อวัดขออนุญาตให้ถูกต้องตามกฎหมาย กรมการศาสนาได้อนุญาตชาวบ้านหนองเรือจึงร่วมมือกันพัฒนาอย่างจริงจัง มีญาติโยมจากกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัดนำผ้าป่าสามัคคีพร้อมปัจจัยมอบแก่วัด มีทุนในการก่อสร้างถาวรวัตถุ สิ่งอำนวยความสะดวกแก่ผู้มาพักพาอาศัย ในแต่ละปีจะมีพระภิกษุ สามเณร จำพรรษาไม่ต่ำกว่า 10 รูป ถือว่าเป็นวัดแห่งหนึ่งที่พุทธศาสนิกชนให้ความเชื่อถือ ศรัทธา ร่วมปฏิบัติธรรมตามคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอยู่เนืองนิตย์
พ.ศ. 2510 ชาวบ้านเริ่มเล่าลือว่ามีสมบัติประเภททองคำหรือของมีค่าฝังอยู่ในบริเวณวัด ประกอบกับมีการค้นพบ จระเข้หิน โผล่ขึ้นเหนือพื้นดิน จึงเข้ามาขุดค้นเพื่อนำไปให้ลูกหลานดู และหวังจะได้สมบัติจำพวกทองคำและของเก่าแก่ เช่นพระพุทธรูป เป็นต้น แต่ด้วยความศักดิ์สิทธิ์ที่สิงสถิตเฝ้ารักษา ผู้ที่เข้ามาลักลอบขุดมักจะพบกับสิ่งเร้นลับต่อต้าน เกิดลมพายุ ฝนกระหน่ำขึ้น ฉับพลันทันที ถึงขั้นเข้าใจได้ว่ามีน้ำหลากไหลท่วม ต้องพากัน ลอยบกหนีตายกันจ้าละหวั่น แต่พอพ้นออกไปนอกเขตวัด พายุฝนและน้ำป่าในความรู้สึกกลับหดหายไม่มีให้เห็น ตัวตนไม่เปียกน้ำ ทุกคนต่างหลาบจำไม่กล้าเข้าขุดค้นและบอกต่อๆ กันไปถึงสิ่งที่เกิดขึ้น
ต่อมามีผู้ทรงประจำหมู่บ้าน ซึ่งเป็นอารักษ์ได้ฝันเห็นใบเสมาขนาดใหญ่ฝังอยู่ด้านทิศใต้ พระอุโบสถ ในนิมิตนั้นใบเสมาประสงค์จะขึ้นมาอยู่เหนือพื้นดิน อยากให้ชาวบ้านช่วยกันขุดขึ้นมาจึงบอกลายแทงสัญลักษณ์ตำแหน่งที่ตั้งว่าอยู่ ณ ที่ใด การเข้าผันแก่อารักษ์มีอยู่หลายครั้งจนทนต่อคำเรียกร้องไม่ไหว ได้นำคำร้องนี้เข้าปรึกษาคณะกรรมการประจำหมู่บ้านและเจ้าอาวาส ในเบื้องต้นทุกคนต่างไม่เชื่อถือ แต่เมื่อทดลองเอาเหล็กแหลมไปแทงตามลายแทงที่อ้างตามคำผัน กลับพบกับแท่งหินจริงๆ จึงได้พากันบูชาขออนุญาตทำการขุดค้น และพบเป็นใบเสมารูปธรรมจักร ขนาดความยาว 150 เซนติเมตร ประดิษฐานอยู่ จึงพร้อมใจกันขุดขึ้นมาประดิษฐานไว้ ณ ที่เดิมดังความปรารถนา
เมื่อชาวบ้านทั่วไปทราบข่าว การขุดค้นพบสิ่งมหัศจรรย์ดังกล่าวแล้ว ความปรารถนาดีจึงเกิดขึ้น ทุกคนต่างอ้อนวอน อยากให้มีการขุดค้นต่อๆ ไป เพื่อนำมาบูรณะและเพื่อเป็นสมบัติร่วมกันอีกทั้งต้องการศึกษาสิ่งเร้นลัยที่ฝังอยู่ใต้ธรณีสงฆ์แห่งนี้ ว่ามีความเป็นมาอย่างไร ด้วยความมุ่งมั่นของทุกคน การขุดค้น โดยการกำกับดูแลอย่างใกล้ชิดของคณะกรรมการจึงเกิดขึ้น
สิ่งแรกที่พุทธศาสนิกชนชาวบ้านหนองเรือขุดพบคือพระพุทธรูปหิน หน้าตักกว้าง 80 เซนติเมตร สูง 120 เซนติเมตร 1 องค์ เทวรูปหินขนาดหน้าตักเท่ากัน สูง 150 เซนติเมตร จำนวน 1 องค์ และพบลูกนิมิต รูปร่างคล้ายมะพร้าวครึ่งซีก วางอยู่บนฐาน “พานหิน” อีกด้วย ในการค้นพบสมบัติ อันล้ำค่าในครั้งนี้ รวมใบเสมาหิน จำนวนกว่า 50 ใบ ชาวบ้าน ได้ร่วมกันนำไปประดิษฐาน ณ ชั้นบนของพระอุโบสถ และ ก่อเจดีย์ทรงนาคปรกประดิษฐานไว้ในที่สำคัญ บริเวณวัด เพื่อให้สาธุชนกราบไหว้บูชา
พระครูจิตตปาลคุณ กล่าวว่า สำนักงานกรมศิลปากรประจำจังหวัดนครราชสีมา ได้เดินทางมาสำรวจถึงความเก่าแก่และความเป็นมา สันนิษฐานว่าพระพุทธรูป เทวรูป และใบเสมาหินที่ค้นพบเหล่านี้ น่าจะเกิดขึ้นในศตวรรษที่ 14 (พ.ศ. 1400) ไม่ทราบแน่ชัดว่าบรรพบุรุษใดเป็นคนสร้าง สำหรับใบเสมาหินที่มีอยู่จำนวนมากนั้นเกิดขึ้นได้สองลักษณะ หนึ่งอาจเป็นเขตพุทธสีมา มณฑป หรือ สอง อาจเป็นสัญลักษณ์เขตแดนมหานครในอดีตก็ได้ ส่วนเนื้อในของพระพุทธรูป เทวรูป และเสมาหินนั้นเป็นหินทรายชนิดหยาบ การบำรุงรักษา ทางวัดทำไปตามกำลังศรัทธาของชาวบ้าน