ประวัติเซิ้งกระหยัง
เซิ้งกระหยังเป็นการแสดงของชาวผู้ไทยมีต้นกำเนิดที่บ้านหนองห้าง อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ เกิดขึ้นจากนโยบายของผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ขณะนั้น นายบุรี พรมลัขโณ
ให้ทุกอำเภอ มีศิลปวัฒนธรรมเป็นของตนเอง อำเภอกุฉินารายณ์นั้นให้ตำบลหนองห้างเป็นต้นแบบการศึกษาเอกลักษณ์ประจำท้องถิ่น โดยมีคุณครูมาลี กว้างสวาท และคณะเป็นผู้คิดค้นท่ารำ และรู้จักกันอย่างแพร่หลาย เนื่องจากนายนุ่ม อยู่ในธรรม รองอธิบดีกรมศิลปากร ขณะเป็นนักศึกษาของวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร รุ่นที่ ๑๒ ได้เดินทางไปสังเกตและดูงานกิจการต่าง ๆ ในจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ.2512 และมีโอกาสชมการแสดงเซิ้งกระหยัง
ท่าฟ้อนของเซิ้งกระหยังได้ดัดแปลงและนำเอาท่าฟ้อนจากเซิ้งอื่นๆ เช่น เซิ้งกระติบข้าว เซิ้งสาละวัน ฯลฯ เข้าผสมผสานกันแล้วมาจัดกระบวนขึ้นใหม่มีอยู่ 21 ท่า โดยจะแสดงในรูปแบบของการทำมาหากินโดยใช้กระหยังเป็นอุปกรณ์หลัก ซึ่งท่าฟ้อนจึงมีชื่อเรียกต่างๆ กัน ดังนี้
ท่าไหว้ ท่าโปรยดอกไม้ ท่าระบำชาวนา ท่าทัดดอกไม้ซ้ายขวา ท่ายักเอว ท่าสลุบปี้ปลดกระหยัง ท่าฟายกระหยัง ท่าสับหน่อไม้ ท่าสลุบปี้ยืนรำส่าย
10. ท่าฉึก
11. ท่าสลุบปี้ชายถือกระหยัง
12. ท่าเก็บผักหวาน
13. ท่าสลุบปี้รวมกระหยัง
14. ท่าเยี่ยมกระหยัง
15. ท่ารำยั่ว
16. ท่ากวักหาคู่
17. ท่าพรหมสี่หน้ายูงฟ้อนหาง
18. ท่าพ่อแง่แม่งอน
19. ท่าสลุบปี้เก็บกระหยัง
20. ท่าระบำนางช้าง
21. ท่าจบ
ดนตรีที่ใช้ประกอบการแสดง
1.พิณ
2.แคน
3.กลอง
4.ฉาบและฉิ่ง
เครื่องแต่งกาย
ฝ่ายหญิงสวมเสื้อภูไทแขนกระบอก ห่มสไบขิดแดง (หากเป็นแบบฉบับกรมศิลปากรจะใช้ผ้าขาว) นุ่งผ้าซิ่นมัดหมี่ ผมเกล้ามวยทัดดอกไม้ สวมเครื่องประดับเงิน
ฝ่ายชายสวมเสื้อม่อฮ่อมกางเกงขาก๊วย ใช้ผ้าขาวม้าคาดเอว และโพกศีรษะดังภาพ