วัดวังฆ้อง เป็นวัดที่มีประวัติความเป็นมาอิงประวัติศาสตร์ตามคำบอกเล่าที่สืบทอดกันมาเป็นเวลายาวนาน และอาจารย์ไสว วังปรีชา (เสียชีวิตแล้ว) ได้บันทึกไว้เป็นหลักฐานว่า เมื่อ พ.ศ.๒๓๑๐ กรุงศรีอยุทธยาเสียแก่พม่า มีเชื้อพระวงศ์ชั้นหม่อมเจ้าสององค์พี่น้อง องค์พี่ชื่อ หม่อมเณรใหญ่ องค์น้องชื่อ หม่อมเณรน้อยพร้อมข้าทาสบริวาร หลบหนีพม่ามาทางทิศใต้ และตั้งรกรากปักฐาน บริเวณบ้านวังฆ้องปัจจุบัน โดยให้หม่อมลูกสามองค์ แยกย้ายกันไปเสาะหาแหล่งทำมาหากิน หม่อมไพนารถได้พาข้าทาสบริวารไปทางทิศอีสาน และได้ตั้งรกรากปักฐาน ณ บ้านวังใส หม่อมไชยพลบาลได้พาข้าทาสบริวารไปทางทิศตะวันออก เจอที่ราบลุ่มเป็นจำนวนมาก จึงได้ให้บ่าวไพร่ถางบุกเบิกเป็นที่นา ปัจจุบันเรียก บ้านต้นเหรียง ส่วนตัวหม่อมไชยพลบาลเองกลับมาอยู่กับหม่อมเณรใหญ่และหม่อมเณรน้อย หม่อมบุญได้พาข้าทาสบริวารไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ และได้ตั้งรกรากปักฐานพร้อมให้บ่าวไพร่บุกเบิกที่นา ปัจจุบันเรียก นาหมอบุญ เมื่อหม่อมเณรน้อย –เณรใหญ่ ต้องการจะประชุมปรึกษาหารือกับสมัครพรรพวกทั้งหมด ก็จะใช้ฆ้องใบใหญ่ตีเป็นสัญญาณเรียกประชุม ด้วยเหตุนี้ จึงเรียกวังของหม่อมทั้งสองว่า “วังฆ้อง” ต่อมาเมื่อหม่อมทั้งสองถึงแก่อนิจกรรม หม่อมลูกทั้งสามจึงพร้อมใจกันอุทิศวังของหม่อมผู้เป็นบิดาให้เป็นที่ตั้งวัด พร้อมได้นิมนต์พระให้มาอยู่ประจำ และให้ชื่อว่า “วัดวังฆ้อง”