วัดธรรมิการามวรวิหาร ได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตสถาปนา เป็นพระอารามหลวง ชั้นโท ชนิดวรวิหาร เมื่อ พ.ศ.๒๕๐๓
ตั้งอยู่เลขที่ 86/2 ตำบลประจวบคีรีขันธ์ อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์
จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ สังกัดคณะสงฆ์ธรรมยุต ที่ดินตั้งวัดมีเนื้อที่ 95 ไร่ 3 งาน 60 ตารางวา
ส.ค. 1 เลขที่ 36 และ 401
อาณาเขต
ทิศเหนือจดหมู่บ้านปากคลองบางนางรม
ทิศใต้จดถนนประจวบคีรีขันธ์ และศาลากลางจังหวัดประจวบคีรีขันธ์
ทิศตะวันออกจดทะเลหลวงและเขาช่องกระจก
ทิศตะวันตกจดคลองบางนางรมและเรือนจำจังหวัดประจวบคีรีขันธ์
มีที่ธรณีสงฆ์ จำนวน 10 แปลง เนื้อที่ 955 ไร่ 1 งาน 14 ตารางวา โฉลดที่ดิน เลขที่ 20 144628475 28476 3138 3139 3142 1083และ 1082
อาคารเสนาสนะ ประกอบด้วย
อุโบสถ สร้างเมื่อ พ.ศ.2481
ศาลาการเปรียญ จำนวน 2 หลัง
กุฏิสงฆ์ จำนวน 14 หลัง
หอระฆัง 1 หลัง
หอประชุมกาญจนาภิเษก 1 หลัง
ปูชนียวัตถุ
มีพระประธานประจำอุโบสถ เป็นพระพุทธชินราชสมัยสุโขทัย หน้าตักกว้าง 3 ศอก
พระธาตุเจดีย์บนยอดเขาช่องกระจก สร้างเมื่อ พ.ศ.2500
ธรรมาสน์กูปช้าง
รูปหล่อรัชกาลที่ 5 และ 8
วัดธรรมิการาม ตั้งเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน พ.ศ.2465 โดยพระยาดำรงธรรมสาร และคุณหญิงดำรงธรรมสาร (ใหญ่ วิเศษสิริ) ซึ่งวัดเดิมตั้งอยู่หลังเขาช่องกระจกมีเนื้อที่ประมาณ 32 ไร่ 2 งาน 20ตารางวาและได้รับหนังสืออนุญาตให้ตั้งเป็นสำนักสงฆ์ที่สมบูรณ์ตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 8 เมษายน พ.ศ.2465 ซึ่งอยู่ในสมัยรัชกาลที่ 6 พระองค์โปรดให้พระเจ้าพี่นางเธอพระองค์เจ้าอรพินท์เพ็ญภาค วางศิลาฤกษ์พระอุโบสถแทน และโปรดเกล้าฯ พระราชทานปูชนียวัตถุแก่วัดนั้นหลายสิ่ง พร้อมทั้งพระราชทานทุนทรัพย์สำหรับสร้างโรงเรียนปริยัติธรรมอีกด้วย ต่อมาในปี พ.ศ.2475 ทางวัดได้สร้างสะพานรัตนาวดีและถนนเลาะไหล่เขาช่องกระจกเข้าสู่ตัวจังหวัด โดยมี พระอุดมโยธาธิยุทธ เป็นผู้ออกแบบ ในเดือนเมษายน พ.ศ.2481 เริ่มสร้างพระอุโบสถซึ่งได้รับ พระราชทานวิสุงคามสีมา ตามพระราชโองการ ลงวันที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ.2466 สร้างเสร็จในปี พ.ศ.2482 ในปี พ.ศ.2485 เกิดน้ำท่วมใหญ่ในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ทำให้วัดได้รับความ เสียหายอย่างมาก จวนจะเป็นวัดร้าง จนถึงปี พ.ศ.2493 จึงได้เริ่มบูรณปฏิสังขรณ์เรื่อยมาและในปี พ.ศ.2496–2498 ก็ได้รับมอบที่ดินเพิ่มขึ้นจากราษฎร ต่อจากนั้นก็ได้มีการสร้างและปฏิสังขรณ์เรื่อยมา จนได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ยกวัดธรรมิการามขึ้นเป็นพระอารามหลวง เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2503 ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ 7 มีนาคม พ.ศ.2544
การบริหารและการปกครอง มีเจ้าอาวาส เท่าที่ทราบนาม คือ
รูปที่ 1 พระครูธรรมาภิวัฒน์ (เป๋า นิโลดม) พ.ศ.2465–2493
รูปที่ 2 พระเทพสุทธิโมลี (ปิ่น รัตนพรรณ์) พ.ศ.2493-2518
รูปที่ 3 พระราชญาณดิลก (ชิด กนฺตสีลเถร) พ.ศ.2518-2522
รูปที่ 4 พระสุรนาถชยานันท์ (จรัส สุมงฺคโล)
รูปที่ 5 พระราชสุทธิโมลี เป็นเจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน