ประวัติหลวงปู่กินรี จนฺทิโย
อดีตเจ้าอาวาสวัดกันตศิลาวาส ตำบลฝั่งแดง อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม
ชาติกำเนิดและชีวิตปฐมวัย
หลวงปู่กินรี จนฺทิโย กำเนิดในสกุล “จันศรีเมือง” เดิมท่านมีชื่อว่า “กลม” โยมบิดาชื่อ โพธิ์โยมมารดาชื่อ วันดี เกิดเมื่อวันพุธที่ ๘ เมษายน พ.ศ. ๒๔๓๙ ตรงกับปีวอก แรม๑๑ ค่ำ เดือน ๕ รศ. ๑๑๕ ณ บ้านหนองฮี ตำบลปลาปาก อำเภอหนองบึก(อำเภอเมือง) ปัจจุบันเป็นตำบลหนองฮี อำเภอปลาปาก จังหวัดนครพนม มีพี่น้อง ๗คน หลวงปู่เป็นลูกหล้าน้องสุดท้อง ด้วยฐานะทางครอบครัวที่ประกอบอาชีพชาวนาและมีพี่น้องหลายคน แม้จะมีใจรักในการศึกษา แต่ก็ขาดโอกาสในการศึกษาต่อจึงได้รับการศึกษาสามัญเบื้องต้น
การบรรพชาเมื่ออายุ ๑๐ ขวบ ท่านได้บรรพชาเป็นสามเณร ที่วัดหนองฮีได้ศึกษาหนังสือธรรม หนังสือผูก ทั้งภาษาขอมภาษาไทยน้อยหรืออักษรธรรมและภาษาสมัยไทยปัจจุบัน เมื่ออายุ ๒๐ ปีได้อุปสมบทที่วัดอ้อมแก้ว อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม (ปัจจุบันชื่อวัดเกาะแก้วอัมพวันซึ่งเป็นวัดที่หลวงปู่เสาร์ กนฺตสีโล ได้เคยมาพำนัก)หลังจากอุปสมบท หลวงปู่ได้จำพรรษาอยู่ที่วัดบ้านหนองฮี ในช่วงสิบปีแรกท่านได้สงเคราะห์ญาติ หลานๆ ด้วยการให้ความรู้เรื่องภาษาไทยอบรมสั่งสอนการอ่านการเขียนภาษาไทยเพราะในสมัยนั้นการพัฒนาทางการศึกษายังล้าหลังมากขาดการแผ่ขยายให้กว้างขวางออกสู่ชนบท ที่จะเจริญก็คงมีแต่เมืองหลวงเท่านั้นการเผยแผ่และการถ่ายทอดวิชาความรู้ในวิชาการบางสาขาจึงต้องอาศัยพระที่วัดเป็นผู้สอนและโดยเฉพาะอย่างยิ่งก็มีแต่วิชาภาษาไทยเท่านั้นที่สอนกันนอกเหนือไปจากการสอนหลักธรรมะในทางพระพุทธศาสนา
ลักษณะนิสัยทั่วไป
หลวงปู่กินรี จนฺทิโย ท่านเป็นคนพูดน้อยแต่ละคำพูดที่พูดจึงมีแต่ความบริสุทธิ์และจริงใจท่านยึดถือคติธรรม"สติโลกสฺมิ ชาคโร" สติเป็นธรรมเครื่องตื่นอยู่เสมอ จงเอาสติตามรักษาจิตไว้เพราะคนมีสติย่อมประสบแต่ความสุข จะพูดจะคิดจึงควรมีสติทุกเมื่อท่านมักจะอยู่คนเดียวไม่ชอบ คลุกคลีกับหมู่คณะพยายามให้พระเณรในวัดมีการร่วมกันน้อยที่สุดให้เร่งทำความเพียรอย่าได้อยู่ด้วยความเกียจคร้าน อย่าเป็นผู้พูดมากเอิกเกริกเฮฮาไม่จำเป็นท่านจะไม่ให้ประชุมกันแม้การสวดมนต์ทำวัตรยังให้ทำร่วมกันสัปดาห์ละครั้งเท่านั้นแต่เป็นสิ่งที่ต้องทำด้วยตนเองอยู่แล้ว ให้อยู่คนเดียวทำคนเดียวมากๆจิตจดจ่ออยู่ในพรรษาให้มาก โดยเฉพาะเตือนลูกศิษย์ให้อยู่ในป่าช้าให้มากอนิสงฆ์ของการอยู่ในป่าช้าทำให้จิตใจกล้าองอาจจิตตื่นอยู่เสมอพิจารณาข้อธรรมได้ถี่ถ้วน เพราะจิตปราศจากนิวรณ์
หลวงปู่กินรี จนฺทิโยมีโรคประจำตัว คือ ไออยู่เป็นนิจ เนื่องจากเกี่ยวกับปอดชื้นแต่ไม่ยอมให้หมอรักษาไม่ว่าท่านจะเป็นอะไร จะอาการหนักหรือไม่หนักท่านจะไม่ยอมให้ใครนำตัวท่านไปรักษาที่โรงพยาบาลอย่างเด็ดขาดอะไรมันจะเกิดก็ต้องเกิด จนกระทั่งวันพุธที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๕๒๓ตรงกับวันแรม ๔ ค่ำ เดือน ๑๒ ปีวอก หลวงปู่จึงได้ละสังขารจากพวกเราไปสิริรวมอายุ ๘๔ ปี ๗ เดือน ๑๖ วัน ๕๘ พรรษา
ธรรมโอวาท
หลวงปู่กินรี จนฺทิโย กลับมาพำนักอยู่สำนักสงฆ์เมธาวิเวกแล้วต่อมาได้ย้ายมาอยู่ที่วัดกันตศิลาวาสแม้ว่าปฏิปทานของหลวงปู่จะไม่นิยมและเผยแพร่ศาสนาด้วยการเทศนาเชิงโวหารหรือคำพูดหลวงปู่เป็นตัวอย่างของการทำให้ดูปฏิบัติให้เห็นมากกว่าแต่อุบายธรรมคำสั่งสอนของท่านทรงปัญญาและลุ่มลึกมาก เช่น
- เตือนและให้สติหลวงปู่ชา ผู้เป็นลูกศิษย์ที่จะขอลากลับสู่บ้านเกิดว่า"ระวังให้ดีถ้าท่านรักใครคิดถึงใครเป็นห่วงใครผู้นั้นจะให้โทษแก่ท่าน"
- ให้รักษาศีลให้ดี ทำความเพียรให้มาก มันก็จะรู้เองเห็นเอง เป็นคำสอนที่หลวงปู่บอกกับลูกศิษย์เสมอ
- สตินี้ เป็นสิ่งสำคัญมากถ้าเราทราบระเบียบวินัยที่มีอยู่มากมายอย่างละเอียดรอบครอบแล้วและตามรักษาได้อย่างครบถ้วน สติของเราก็จะต่อเนื่องกันจิตใจก็จักจดจ่ออยู่แน่ในข้อวัตรปฏิบัติของตนไม่มีโอกาสที่จะแส่ส่ายไปภายนอก ถ้าขาดสติโอกาสที่จิตใจจะวิ่งไปตามอารมณ์ภายนอกมันก็มีมากขึ้นและอารมณ์ทั้งหลายก็ย่อมครอบงำจิตให้หลงไหลมัวเมาได้ง่ายขึ้น
- ไม่ควรคลุกคลี ให้อยู่คนเดียวมากๆ สาธยายด้วยตัวเองให้มาก มีจิตใจกำหนดจดจ่ออยู่ในพระธรรมให้มากนี้เป็นการดีที่สุด
- สังขาร คือ ร่างกาย จิตใจนี้ เป็นของไม่เที่ยง และจะหาสาระแก่สารอะไรมิได้ โดยประการทั้งปวง
- จะให้ลูกเป็นคนดี ต้องทำดีให้ลูกดู
- บุรุษพึงพยายามไปกว่าจะสำเร็จประโยชน์
- ผู้ขยันในหน้าที่ การงานไม่ประมาทเข้าใจการเลี้ยงชีวิต ตามสมควรจึงรักษาทรัพย์ที่หามาได้
- คนโกรธที่วาจาหยาบ
- วาจา เช่น เดียวกับใจ
- ธรรมเป็นของแน่นอน แต่รูปเป็นของไม่แน่นอน
- กิเลสคือตัวมารอันร้ายกาจ แม่น้ำเสมอด้วยความอยากไม่มี
- ความอยากไม่มีขอบเขต ความอยากย่อมผลักดันให้คนวิ่งวุ่น
- โลกถูกความอยากนำไป ความอยากเป็นแดนเกิดของความทุกข์