บือบ้าน หรือ ที่ศูนย์กลางของหมู่บ้าน
คำว่า “บือ” ในทางภาคอีสานมีความหายหลายอย่าง อย่างแรกหมายความว่า “พักระหว่างการเล่น” อีกอย่างหนึ่งหมายถึง “สะดือ” เช่น บือสิม” มีความหมายตามคำจำกัดความประการหลังมากกว่า คือ “ศูนย์กลางของบ้าน” ในทางกายวิภาค (Anatomy) จุดกึ่งกลางร่างกายของมนุษย์คือสะดือ อาจเป็นไปได้ว่ามีแนวคิดในเรื่องจุดกึ่งกลางเช่นเดียวกัน คือ สะดือหรือบือ
บือบ้านที่พบในจังหวัดขอนแก่น มักจะตั้งอยู่บริวเณกลางบ้านสเสมอ(ยกเว้นกรณีมีถนนตัดผ่าน อาจย้ายตำแหน่งตามความเหมาะสม) ซึ่งถือเอาบือของบ้านเป็นศูนย์กลางในการทำกิจกรรมต่างๆ โดยเฉพาะเกี่ยวเนื่องกับพิธีกรรม บือบ้านจึงไม่น่าจะหมายถึงลักษณะของแท่งไม้ที่มีลักษณะคล้ายธาตุไม้ เพียงแต่ไม่รูเก็บกระดูก หรือหลักเสาที่ใช้ปักสำหรับเขตวัดหรือเขตสถานที่ต่างๆ หากแต่หมายถึงตำแหน่งซึ่งเป็นศูนย์กลางของหมู่บ้าน เป็นที่สถิตของเหล่าเทพเทวดาที่คอยคุ้มครองปกปักรักษาหมู่บ้านให้ร่มเย็นเป็นสุข เพื่อให้ทราบร่วมกันว่าบริเวณใดคือบือของบ้าน ชาวบ้านหรือผู้นำหมู่บ้าน ซึ่งส่วนมากมักจะเป็นพระสงฆ์ หรือจ้ำ (ผู้นำในการประกอบพิธีกรรม) จึงได้ทำสัญญลักษณ์ขึ้น ในอดีตส่วนมากมักจะใช้ไม้ ไม่จำกัดว่าจะใช้ไม้อะไร ขนาดพอสมควรส่วนมากวัดโดยรอบประมาณ 50-60ซ.ม. ส่วนสูงไม่จำกัด บางแห่งสูงถึง 200-300 ซ.ม. ต่ำสุดโผล่จากพื้นดินเพียง 33 ซ.ม. (พบที่บ้านเต่านอ และบ้านสาวะถี หมู่ 8 อำเภอเมืองจังหวัดขอนแก่น) บางแห่งเป็นเหลี่ยม สี่แหลี่ยมก็มีแปดเหลี่ยมก็มี บางแห่งเป็นเสากลมธรรมดา จำนวนก็ไม่แน่นอน บางหมู่บ้านมีเพียงเสาเอกเสาเดียว บางบ้านมีเสาเอกตั้งอยู่ตรงกลางรายล้อมด้วยเสาบริวาร 8-11 เสาบางแห่งทำฐานยกสูงจากพื้น บางแห่งไม่ฐาน
ต่อมาด้วยอำนาจทางสุนทรียารมณ์ของมนุษย์ได้ขัดเกลาบือบ้านให้สวยงามขึ้น บางแห่งทำเป็นยอดแหลมเรียวมีการสลักกลีบบัวโดยรอบ บางแห่งทำฐานบัวสลักโดยรอบ บางแห่งสลักลวดลายอ่อนช้อยสวยงาม บางแห่งสลักเอวกิ่วคองดงามคล้ายธาตุทรงดอกบัวตูมก็มี ในขณะที่บางแห่งเป็นท่อนไม้ธรรมดา บางหมู่บ้านมีกาสลักตัวอักษรธรรมลงไปในตัวบือบ้าน บางแห่งติดแผ่นยันต์ทองแดง บางแห่งทำหลังคาทับซ้อนเพื่อกันแดกันฝนจนมองดูคล้ายศาลพระภูมิ บ้างในมีพระไม้และขันหมากเบ็ง (พบที่บ้านโคกท่า ตำบลหนองตูม อำเภอเมืองขอนแก่น) เมื่อเวลาผ่านไปหลายร้อยปี บือบ้านที่ทำด้วยไม้ก็ผุพังตามกาลเวลา ซึ่งเป็นเหตุทำให้เกิดบือบ้านรูปแบบใหม่ ที่ไม่ได้ทำด้วยไม้เพื่อความคงทนถาวร และไม่ต้องเปลี่ยนไม้บ่อยๆ ชาวบ้านบางแห่งจึงได้นำอิฐ หิน ปูน ทราย มาก่อสร้างทำคล้ายปราสาท ทับของเดิม ประดับด้วยพวงมาลัย และดอกไม้ ธูป เทียน เช่น ที่บ้านหนองหิน ตำบลศิลา อำเภอเมืองขอนแก่น
จากข้อมูลที่กล่าวอ้างมาทั้งหมดคำว่า “บือบ้าน” จึงไม่น่าจะดูเพียงรูปลักษณ์ที่ปรากฏภายนอกแต่เพียงอย่างเดียว น่าจะพิจารณาจากคติความเชื่อในการทำมากกว่าเพราะคำว่า “บือ” คือ “สะดือ” อันเป็นจุดศูนย์กลางของหมู่บ้าน ณ ตำแหน่งนั้นไม่ว่ามจะมีรูปแบบใดทำด้วยวัสดุใดๆ ก็ตามหากเป็นที่ตกลงและยอมรับกันในหมู่บ้านนั้นๆ สิ่งนั้นก็คือ “บือบ้าน”