ปัตตานีเป็น 1 ใน 3 จังหวัดภาคใต้ที่มีเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จนก่อให้เกิดภาพลักษณ์ที่ไม่ดีนักจากคนต่างถิ่น อีกทั้ง ก่อความเสียหายให้กับการท่องเที่ยวของจังหวัดปัตตานีอย่างมหาศาล ทั้งๆ ที่ปัตตานีเป็นจังหวัดหนึ่งที่เป็นเมืองน่าอยู่ มีทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์ ผู้คนยิ้มแย้มแจ่มใส มีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลาย มีหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืดที่โด่งดัง หากใครได้ไปสัมผัสมักจะหลงใหลในเสน่ห์ของเมืองๆนี้ รวมทั้งยังเป็นเมืองแห่งประวัติศาสตร์ที่สำคัญ แต่ ณ วันนี้เป็นอีกวันที่รู้สึกดีใจที่ทราบว่า ยังมีคนปัตตานีอีกหลายๆ คนที่รักในความเป็น “คนปัตตานี” แม้แต่สถานประกอบการของปัตตานีเองก็พยายามที่จะสร้างภาพลักษณ์ของปัตตานีให้ดีขึ้น สถานประกอบการที่ขอชมเชยในแนวคิด คือ โรงแรม ซี เอส.ปัตตานี ซึ่งเป็นโรงแรมห้าดาวแห่งแรกของปัตตานี ตั้งอยู่ใน อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี เปิดดำเนินการครั้งแรกในปี พ.ศ.2542 เพื่อต้อนรับการจัดประชุมสัมมนาวิชาการ นานาชาติครั้งที่ 4 ISSD (THE FOURTH ASEAN INTER-UNIVERSITY SEMINAR ON SOCIAL DEVELOPMENT:SOUTHEAST INTO THE 21st CENTURY CRITICAL TRANSITIONS C0NTINUITY AND CHANGE) เมื่อ มิถุนายน 2542 มีผู้เข้าร่วมสัมมนาจำนวนกว่า 200 คน จาก 27 ประเทศ ซึ่งถือเป็นความภาคภูมิใจ แก่ชาวปัตตานีเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นครั้งแรกของประวัติศาสตร์ปัตตานีที่ได้มีการจัดประชุมสัมมนานานาชาติ โดยได้รับการยอมรับจากสื่อมวลชนสื่อสิ่งพิมพ์และสื่อโทรทัศน์ทั้งประเทศไทยและต่างประเทศ สัมผัสกับบรรยากาศของโรงแรมแห่งนี้ ที่ทางโรงแรมได้ออกแบบไว้ภายใต้แนวคิดของการธำรงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ของปัตตานี ผู้ที่เข้าไปใช้บริการโรงแรมสามารถสัมผัสได้ถึงเสน่ห์แห่งศิลปวัฒนธรรมที่งดงามของปัตตานี นับตั้งแต่ การแต่งกายของพนักงานที่ใช้เสื้อผ้าพื้นเมือง การจัดประดับตกแต่งด้วยสัญลักษณ์ของปัตตานี เช่น นก ผ้าจวนตานี เครื่องปั้นดินเผา หุ่น เป็นต้น และความแปลกของโรงแรมแห่งนี้ ที่ชบาตานีรู้สึกประทับใจอย่างยิ่ง คือ การจัดให้มีพิพิธภัณฑ์ที่แสดงถึงงานฝีมือที่มีคุณค่าของคนใต้ โดยเฉพาะคนปัตตานีไว้ในโรงแรมถึง 2 ห้อง เพื่อจัดแสดงเครื่องใช้โบราณเก่าแก่ที่สะสมกันมาเป็นร้อยๆ ปี คือ ห้องแรก คือ “ห้องย่านลิเภา” จัดแสดงเครื่องใช้ต่างๆที่ทำจากย่านลิเภาที่มีอายุเก่าแก่เป็นร้อยปี ห้องที่สอง คือ “ห้องถมทอง” ที่จัดแสดงเครื่องใช้ที่ทำจากถมทองเมื่อครั้งอดีตที่มีอายุไม่ต่ำกว่า 100 กว่าปีเช่นกัน ทำให้แขกบ้านแขกเมืองได้ทราบว่า คนปัตตานีมีของดีไม่น้อย อีกทั้ง เยาวชนเองก็สามารถมาเรียนรู้ถึงรากเหง้าของตนเอง รวมทั้งรู้สึกภูมิใจในความเป็น “คนปักษ์ใต้” และความเป็น “คนปัตตานี” ที่ได้มีโอกาสได้เห็นได้สัมผัสกับมรดกทางวัฒนธรรมใต้ที่มีคุณค่า