บ้านแม่ตาว หมู่ที่ ๑ ตำบลท่าสายลวด อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก พลเมืองส่วนใหญ่ของหมู่บ้านแม่ตาวเป็นไทยใหญ่ หรือเงี้ยว เพราะบรรพบุรุษได้อพยพมาจากเมืองตองจี รัฐฉาน ประเทศพม่า เมื่อประมาณ ๑๕๐ ปีที่แล้วมา นอกจากชนเผ่าไทยใหญ่ หรือเงี้ยวแล้ว ในหมู่บ้านยังมีชนเผ่ากะเหรี่ยง ชนเผ่าพม่า ชนเผ่าปะโอ และชนเผ่าลาว ซึ่งชนเผ่าเหล่านี้ได้อยู่รวมกันอย่างสันติ และนำเอาประเพณี วัฒนธรรม พิธีกรรมทางศาสนา ตลอดถึงวิถีชีวิตประจำวันมาเผยแพร่ ผสมผสานด้วยกันอย่างกลมกลืน และเกิดการสืบทอดเผ่าพันธุ์ ซึ่งชนเผ่าบางคนได้เป็นคนไทยเชื้อสายชนเผ่าต่าง ๆ ไปบ้างแล้ว และในเทศกาล วันสำคัญต่าง ๆ เช่น วันปีใหม่ วันสงกรานต์ งานประเพณีทอดกฐิน หรืองานบุญต่าง ๆ ชนเผ่าต่าง ๆ เหล่านี้จะแต่งกายด้วยชุดประจำเผ่าของตนเองอย่างสวยงาม โดยนำวัฒนธรรมอันดีงามของแต่ละชนเผ่ามาเผยแพร่ และแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกันอย่างสนุกสนาน รื่นเริง ให้เกียรติซึ่งกันและกัน ซึ่งเหตุการณ์แบบนี้ หาได้ยากในสังคมที่มีการแข่งขันกันในเรื่องวัตถุนิยม ประเพณีปอยส่างลองหรือบวชลูกแก้ว” คือ การบวชเณรของชาวไทยใหญ่ ซึ่งในอดีตบ้านแม่ตาว หมู่ที่ ๑ ได้จัดกิจกรรมเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง แต่ในปัจจุบันการจัดกิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้น ๒ – ๓ ปีต่อครั้ง เนื่องจากเด็กที่จะบวชมีน้อย โดยแนวคิดของประเพณีนี้ คือ การเลียนแบบจำลองภาพเจ้าชายสิทธัตถะ ซึ่งเป็นราชโอรสของพระมหากษัตริย์ตัดสินพระทัยทิ้งราชสมบัติ และชีวิตทางโลกออกบวชแสวงหาความสุขที่แท้จริงเพื่อความหลุดพ้น งานปอยส่างลอง ถือเป็นงานบุญยิ่งใหญ่ทั้งผู้บวชและผู้เป็นเจ้าภาพบวชที่เรียกว่า “พ่อข่ามแม่ข่าม” ส่วนลูกแก้วนั้นมีความหมายอธิบายไว้หลากหลายเช่นกัน ทั้งลูกแก้วในความหมายของลูกที่มีความกตัญญูกตเวทีต่อพ่อแม่ ได้บวชเรียนในพุทธศาสนาถือเป็น “ลูกแก้วลูกแสง” และยังหมายถึงพระรัตนตรัยแก้วสามประการ ผู้ใดบวชเรียนก็ถือเป็นหนึ่งในดวงแก้วสามประการแห่งพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ นอกจากนี้ก็หมายถึงลูกผู้มีจิตใจบริสุทธิ์ใสสะอาดประหนึ่งดวงแก้ว คำว่า “ลูกแก้ว” จัดอยู่ในประเภทช้างแก้ว ม้าแก้ว ขุนนางแก้ว ซึ่งถือเป็นสมบัติคู่บุญบารมีของมหาจักรพรรดิอีกด้วย เด็กชายผู้บวชส่างลองซึ่งอายุในราว ๗ – ๑๕ ปี จะมีโอกาสได้ร่ำเรียนหนังสือ เพราะในอดีตยังไม่มีโรงเรียนเช่นทุกวันนี้ เมื่อบวชก็จะได้รับการอบรมกล่อมเกลาจิตใจจากพระผู้ใหญ่ ได้ศึกษาธรรมะปฏิบัติธรรม เมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ก็จะมีแนวคิดแนวครองดำเนินชีวิตต่อไป