ร่วมแสดงความคิดเห็นกับเรา
ขอขอบคุณสำหรับการเยี่ยมชมเวบไซต์ m-culture.in.th

เราได้จัดทำแบบสำรวจแบบง่ายๆ เพื่อจะ
ได้ทราบถึงสิ่งที่ผู้เยี่ยมชมเวบไซต์เรา
ชอบและให้เราได้เรียนเกี่ยวกับคุณมากขึ้น
 
Latitude : N 16° 29' 24.9216"
16.4902560
Longitude : E 104° 33' 55.8983"
104.5655273
No. : 192959
กลองมโหระทึก และแหล่งโบราณคดีที่เกี่ยวข้องในจังหวัดมุกดาหาร
Proposed by. มุกดาหาร Date 15 June 2020
Approved by. มุกดาหาร Date 15 June 2020
Province : Mukdahan
0 1026
Description

ข้อมูลกลองมโหระทึก และแหล่งโบราณคดีที่เกี่ยวข้องในจังหวัดมุกดาหาร

๑.ความเป็นมาของกลองมโหระทึก

กลองมโหระทึก เป็นกลองหน้าเดียวทำด้วยโลหะสำริดมีรูปทรงกระบอก ตรงกลางคอดเล็กน้อย มีขนาดต่าง ๆ ส่วนฐานกลวง มีหูหล่อติดข้างตัวกลอง ๒ คู่ สำหรับร้อยเชือกหามหรือแขวนกับหลัก ที่หน้ากลอง เป็นแผ่นเรียบมีรูปลายดาวหรือดวงอาทิตย์ ๑๐-๑๖ แฉก แล้วแต่ขนาดกลอง มีลายปลาว่ายทวนน้ำ บุคคล สวมเครื่องประดับขนนก หรือนกกระสาบินทวนเข็มนาฬิกา นกยูง ลายเลขาคณิตและลายอื่น ๆ อีกมากมาย บนริม หน้ากลองบางใบมีประติมากรรมรูปกบหรือเขียด บางใบซ้อนกัน ๒-๖ ตัว ประจำทั้ง ๔ ทิศ กลองมโหระทึกมักจะเรียกแตกต่างกันออกไปตามรูปแบบและความเชื่อของคนในท้องถิ่นนั้น ๆ อาทิ ภาคเหนือของประเทศไทย และในประเทศพม่าเรียกว่า ฆ้องกบหรือฆ้องเขียด เพราะมีรูปกบหรือเขียดปรากฏอยู่บนหน้ากลอง จีนเรียกว่า ตุงกู่ (Tung Ku) อังกฤษเรียกว่า Kettle drum หรือ Bronze drum เพราะว่ากลองนี้มีรูปร่างคล้ายกับโลหะสำริดที่ใช้ในการต้มน้ำ ส่วนไทยเรานั้นเรียกว่า หรทึก หรือ มโหระทึก ซึ่งชื่อเรียกนั้นจะแตกต่างกันไปแต่ละยุคสมัย กลองมโหระทึกใช้เนื่องในพิธีกรรมความเชื่อ เป็นวัฒนธรรมร่วมที่พบในพื้นที่ต่าง ๆ ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อาทิ พม่า ไทย เวียดนาม ลาว มาเลเชีย อินโดนีเชีย ฟิลิปปินส์ ฯลฯ รวมถึงร่วมสมัยกับวัฒนธรรมสำริดในจีนตอนใต้ และวัฒนธรรมดองซอนของเวียดนาม

ประเทศไทยมีหลักฐานปรากฏชัดเจนว่ามีการผลิตและใช้กลองมโหระทึกมาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ในยุคโลหะประมาณ ๒,๕๐๐- ๒,๐๐๐ ปีมาแล้ว ในสมัยประวัติศาสตร์ กลองมโหระทึกในประเทศไทยยังเป็นสัญลักษณ์ของพระเจ้าแผ่นดิน โดยมีหลักฐานแสดงถึงการใช้กลองมโหระทึก เช่น ในหนังสือไตรภูมิพระร่วงสมัยสุโขทัย กล่าวว่ามีการใช้กลองมโหระทึกกันแล้ว แต่จะเรียกว่า “มหรทึก” ต่อมาในสมัยกรุงศรีอยุธยามีการกล่าวถึงชื่อกลองมโหระทึกในกฎมนเฑียรบาล ซึ่งประกาศใช้ในแผ่นดินสมัยนั้น แต่เปลี่ยนเป็นชื่อเรียกว่า“หรทึก”และใช้ตี ในงานพระราชพิธีที่เกี่ยวข้องกับพระเจ้าแผ่นดินและที่เกี่ยวข้องกับความอุดมสมบูรณ์ของราชอาณาจักร ขุนนางที่ทำหน้าที่ตีกลองมโหระทึกมีตำแหน่งเป็น “ขุนดนตรี” จนในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ได้ เรียกชื่อกลองดังกล่าวว่า “มโหระทึก” และเรียกต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ทั้งยังมีการใช้กลองมโหระทึกในงานพระราชพิธีต่าง ๆ เช่น พระราชพิธีฉัตรมงคล หรืองานรัฐพิธีต่าง ๆ อีกด้วย

ในปัจจุบันประเทศไทยยังคงมีการประโคมตีกลองมโหระทึกในงานพระราชพิธีจรดพระนังคัล แรกนาขวัญที่ท้องสนามหลวง ซึ่งนับได้ว่าเป็นพิธีการที่เกี่ยวข้องกับการทำนายฟ้าฝนและเกี่ยวข้องกับความอุดมสมบูรณ์ของข้าวในแต่ละปี สืบเนื่องมาตั้งแต่สมัยโบราณ

๒. แหล่งโบราณคดีและกลองมโหระทึกที่พบในจังหวัดมุกดาหาร

ในพื้นที่จังหวัดมุกดาหาร มีการขุดค้นพบกลองมโหระทึกและแหล่งโบราณคดี ดังนี้

๒.๑ กลองมโหระทึกสำริด วัดมัชฌิมาวาสหมู่ที่ ๑ ตำบลดอนตาล อำเภอดอนตาล จังหวัดมุกดาหาร

เมื่อ พ.ศ. ๒๔๘๑ ชาวบ้านนาทามออกหาปลาบริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขง ได้พบกลองมโหระทึกบริเวณตลิ่งที่พังทลายลงมา จึงนำมาเก็บไว้ที่วัดเวินไชยมงคล ต่อมาจึงย้ายมาที่วัดมัชฌิมาวาส เส้นผ่าศูนย์กลางหน้ากลอง ประมาณ ๘๖ เซนติเมตร สูง ๖๕ เซนติเมตร ลวดลายบนหน้ากลอง ตรงกลางมีดาวหรือดวงอาทิตย์ ๑๔ แฉก ล้อมรอบด้วยลายซี่หวี ลายแถวกลมมีจุดตรงกลาง ถัดมามีประติมากรรมรูปกบลอยตัว ๔ ตัว เรียงทวนเข็มนาฬิกา ด้านข้างตัวกลองตกแต่งด้วยลายกลุ่มบุคคลสวมเครื่องประดับศีรษะตกแต่งลายขนนกนั่งอยู่ในเรือคั่นด้วย ลายรวงข้าวในแนวนอน มีหูกลองตกตแต่งลายเกลียวเชือกเป็นหูคู่ ตัวกลองตอนกลางมีแถว ลายเรขาคณิตในกรอบสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัดซ้อนกันเรียงเป็นแนวนอน และมีลายเส้นแนวตั้งเป็นแถวลายซี่หวี ในแนวเฉียงแบ่งเป็นช่วง ๆ ระหว่างแถวมีลายบุคคลสวมเครื่องประดับศีรษะตกแต่งด้วยขนนกเรียงเป็นกลุ่ม ใต้กลุ่มเหล่านี้มีลายซี่หวี ตามแนวนอน แถวลายวงกลมมีจุดตรงกลางและแถวลายซี่หวี ปัจจุบันเก็บรักษาไว้ที่ วัดมัชฌิมาวาส หมู่ที่ ๑ ตำบลดอนตาล อำเภอดอนตาล จังหวัดมุกดาหาร

๒.๒ แหล่งโบราณคดีไปรษณีย์คำชะอีตำบลน้ำเที่ยง อำเภอคำชะอี จังหวัดมุกดาหาร

พบกลองมโหระทึกเมื่อ พ.ศ.๒๕๑๑ ขณะปรับพื้นที่เพื่อก่อสร้างอาคารสำนักงานไปรษณีย์ คำชะอี มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางหน้ากลองประมาณ ๗๘ เซนติเมตร มีเส้นรอบวงหน้ากลอง ๒๔๐ เซนติเมตร สูงประมาณ ๖๙ เซนติเมตร เส้นรอบวงตัวกลอง ๑๗๙ เซนติเมตร เส้นรอบวงฐานกลอง ๒๖๕ เซนติเมตร ตัวกลองหนา ๐.๒ เซนติเมตร ขอบฐานกลองหนา ๐.๖ เซนติเมตร สภาพชำรุดมีรูทะลุด้านข้าง ๑ แห่ง

จากประวัติการค้นพบไม่มีการแจ้งว่ามีวัตถุอื่นใดอยู่ร่วมด้วย จากรูปทรงและลวดลายที่ปรากฏสันนิษฐานว่าน่าจะมีอายุอยู่ในช่วง ๒๐๐ ปี ก่อนพุทธกาล - พุทธศตวรรษที่ ๖ โดยมีลวดลายนามธรรม คล้ายบุคคล สวมชุดพิธีกรรมอยู่ในเรือ เหมือนกับลายที่ปรากฏบนชิ้นส่วนหุ่นกลองกลองมโหระทึกดินเผา ที่พบในแหล่งโบราณคดีโนนหนองหอ ตำบลนาอุดม อำเภอนิคมคำสร้อย จึงเชื่อว่ากลองมโหระทึกคำชะอีใบนี้น่าจะมีการผลิตหรือหล่อขึ้นในชุมชนโบราณท้องถิ่นใกล้เคียง ไม่ได้นำเข้ามาจากต่างแดนที่มีแหล่งผลิต ในเวียดนามหรือจีนตอนใต้ ปัจจุบันเก็บรักษาไว้ที่อาคารจัดแสดงด้านข้างที่ว่าการอำเภอคำชะอี จังหวัดมุกดาหาร

๒.๓ แหล่งโบราณคดีโนนหนองหอหมู่ที่ ๑ บ้านนาอุดม ตำบลนาอุดม อำเภอนิคมคำสร้อย จังหวัดมุกดาหาร

ได้มีการขุดพบหลักฐานทางโบราณคดี ตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๓๖ ที่เกี่ยวข้องกับกลองมโหระทึก คือ

๑) ชิ้นส่วนหุ่นกลองมโหระทึกดินเผา แตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย จำนวน ๑๘ ชิ้น โดยปรากฏลวดลายบนชิ้นส่วนหุ่นดินดังกล่าว บางชิ้นส่วนพบว่ามีลวดลายเดียวกันกับลวดลายด้านข้างของกลองมโหระทึกที่อำเภอคำชะอี

๒) ชิ้นส่วนกลองมโหระทึกสำริด ได้แก่ ชิ้นส่วนดาวหน้ากลอง ชิ้นส่วนหูกลอง จากข้อมูลที่บันทึกไว้พบว่าแหล่งโบราณคดีแห่งนี้เคยขุดพบกลองมโหระทึก ๒ ใบ โดยหนึ่งใบเป็นกลองขนาดเล็กหรือเรียกว่า กลองจิ๋ว

๓) หลักฐานโลหกรรม ได้แก่ ชิ้นส่วนเตาถลุงโลหะ เบ้าหลอมโลหะดินเผา ก้อนทองแดง ตะกรันโลหะ แม่พิมพ์หินทราย

แหล่งโบราณคดีโนนหนองหอ จากการขุดค้นพบว่า ในอดีตมีการใช้ประโยชน์ในพื้นที่เป็นทั้งที่ อยู่อาศัย เป็นแหล่งฝังศพและเป็นแหล่งโลหกรรมสำริดและเหล็ก โดยเฉพาะอย่างยิ่งพบว่าเป็นแหล่งผลิตกลองมโหระทึกสำริดในสมัยก่อนประวัติศาสตร์ตอนปลายที่มีหลักฐานเพียงแห่งเดียวในประเทศไทยร่วมสมัยวัฒนธรรมดองซอนและซาหวิ่นในเวียดนาม

๒.๔ แหล่งโบราณคดีบ้านดงยางหมู่ ๗ ตำบลบ้านค้อ อำเภอคำชะอี จังหวัดมุกดาหาร

ได้พบกลองมโหระทึก เมื่อ เดือนพฤษภาคม ๒๕๔๒ มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางหน้ากลอง ประมาณ ๕๒ เซนติเมตร สูงจากฐานถึงหน้ากลองประมาณ ๓๗ เซนติเมตร ลวดลายบนหน้ากลองตรงกลางเป็นลายดาวหรือดวงอาทิตย์ ๘ แฉก บนหน้ากลองจะมีรูปกบเรียงแถวหันหน้าทวนเข็มนาฬิกา ด้วยระยะห่างเท่าๆ กัน จำนวน ๔ ตัว ตัวกลองส่วนบนผายออกรับกับหน้ากลอง ส่วนเอวคอดเว้าและผายลงเป็นส่วนฐานกลอง

จากลวดลายและรูปทรงตัวกลองที่พบ สามารถเปรียบเทียบได้กับกลองมโหระทึกในประเทศเวียดนาม ซึ่งต้องมีดาวหรือดวงอาทิตย์หน้ากลองและมีกบประดับหน้ากลอง กำหนดอายุเปรียบเทียบได้ว่าน่าจะมีการผลิตในช่วงพุทธศตวรรษที่ ๖ - ๑๐ หรือหลังจากนั้นเล็กน้อย

๒.๕ กลองมโหระทึก แหล่งโบราณคดีบ้านแก้งหมู่ที่ ๘ ตำบลนาโสก อำเภอเมืองมุกดาหาร จังหวัดมุกดาหาร

ได้พบกลองมโหระทึกเมื่อ เดือนกันยายน ๒๕๕๐ มีความสูงจากส่วนฐานถึงหน้ากลอง ๓๓ เซนติเมตร ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางหน้ากลอง ๕๐.๕ เซนติเมตร หนาประมาณ ๐.๒ เซนติเมตร ฐานกลอง มีเส้นผ่าศูนย์กลาง ๔๔ เซนติเมตร ตัวกลองสภาพชำรุดบริเวณด้านข้างของกลองและส่วนฐานของกลองหลายจุด

จากรูปทรงสามารถเปรียบเทียบได้กับกลองมโหระทึกสำริดแบบ เฮเกอร์-2 ซึ่งกำหนดอายุ ประมาณ ๔๐๐ ปี ก่อนคริสต์ศักราช - คริสต์ศตวรรษที่ ๑ หรือพุทธศตวรรษที่ ๑ - ๖ ไม่พบวัตถุหลักฐานอื่นใดร่วมกับกลองมโหระทึก ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่ากลองมโหระทึกใบดังกล่าวเป็นสมบัติตกทอดมาหลายรุ่น โดยมีการนำติดตัวไปมา โดยกลุ่มคนที่มีการอพยพเคลื่อนย้ายระหว่าง ๒ ฟากฝั่งแม่น้ำโขง

๒.๖ กลองมโหระทึก แหล่งโบราณคดีบ้านนาดอกไม้หมู่ที่ ๘ ตำบลโพนงาม อำเภอคำชะอี จังหวัดมุกดาหาร

ได้ขุดพบชิ้นส่วนหน้ากลองมโหระทึก เมื่อ พ.ศ. ๒๕๕๓ มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ประมาณ ๖๙ เซนติเมตร ข้างกลองหนาประมาณ ๐.๘ เซนติเมตร หน้ากลองหนา ๐.๒ เซนติเมตร กึ่งกลางหน้ากลองมีดาว ๑๒ แฉก จากหลักฐานหน้ากลองมโหระทึกสำริดที่พบ เป็นหน้ากลองมโหระทึกแบบเฮเกอร์-1 ซึ่งกำหนดอายุจากการเปรียบเทียบอยู่ในช่วงระยะเวลา ๒,๐๐๐ ปี มาแล้ว แต่หน้ากลองใบที่พบนี้น่าจะเป็นกลองที่มีการใช้งานมาอย่างต่อเนื่อง และสืบทอดกันมาอย่างยาวนาน โดยกลุ่มชาติพันธุ์ที่อพยพเคลื่อนย้ายไปมาอยู่บริเวณสองฝั่งแม่น้ำโขงแถบจังหวัดมุกดาหาร แขวงสะหวันเขต ประเทศลาวต่อเนื่องไปประเทศเวียดนามกลาง

๒.๗ กลองมโหระทึก บ้านคำพอกหมู่ที่ ๕ ตำบลโนนยาง อำเภอหนองสูง

ได้พบกลองมโหระทึกเมื่อวันที่ ๑๖ เมษายน ๒๕๕๙ โดยนายประเพศ ปัททุม อายุ ๕๐ ปี อยู่บ้านเลขที่ ๑๔๕ หมู่ ๕ ตำบลโนนยาง อำเภอหนองสูง เป็นผู้พบกลองดังกล่าว ฝังอยู่ในร่องน้ำที่ไหลจากภูเขาลงสู่ ที่นาของชาวบ้าน คาดว่าอายุประมาณ ๒-๓ พันปี มีหน้ากว้าง ๕๒ เซนติเมตร น้ำหนัก ๙.๘ กิโลกรัม

๒.๘ กลองมโหระทึกบ้านเหล่าหมู่ ๑ ตำบลบ้านเหล่า อำเภอคำชะอี จังหวัดมุกดาหาร

ได้พบกลองมโหระทึก เมื่อวันที่ ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๖๒ ได้มีการขุดพบชิ้นส่วนกลองมโหระทึกบริเวณที่นาของนางอวยพร ผิวผอง ในระหว่างการใช้รถแบคโฮปรับที่นา โดยพบชิ้นส่วนกลองมโหระทึกสำริด จำนวน ๙ ชิ้น ประกอบด้วย ชิ้นส่วนเอวกลอง มีขนาด ๗๕ X๕๐ เซนติเมตร ชิ้นส่วนหน้ากลอง มีขนาด ๗๐ X๓๒ เซนติเมตร มีประติมากรรมรูปกบ ขนาด ๑๓ X๖.๕ เซนติเมตร ชิ้นส่วนไหล่กลองและหน้ากลอง มีขนาด ๔๕ X๒๒ เซนติเมตร สูง ๒๓ เซนติเมตร ชิ้นส่วนหน้ากลอง มีขนาด ๙๐X๖๓ เซนติเมตร รัศมีหน้ากลอง ๕๒ เซนติเมตร มีปติมากรรมตัวกบ ชิ้นส่วนด้านข้างกลอง มีขนาด ๒๘X๑๙ เซนติเมตร ชิ้นส่วนกลองมโหระทึกและชิ้นส่วนประติมากรรมกบ จำนวน ๔ ชิ้น ลวดลายที่พบ ประกอบด้วยลายซี่หวี ลายวงกลม ลายรูปบุคคลสวมขนนก ลายนกบินทวนเข็มนาฬิกา ลายประแจจีน และลายสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน

กลองมโหระทึกที่พบนี้สันนิฐานว่าเป็นกลองมโหระทึกแบบเฮเกอร์-1 ใช้วิธีการหล่อแบบใช้โลหะแทนที่ด้วยขี้ผึ้ง มีอายุประมาณ ๒๐๐ ปีก่อนพุทธกาล-พุทธศตวรรษที่ ๕ หรือประมาณ ๒,๐๐๐ ถึง ๒,๕๐๐ ปีมาแล้วจัดเป็นกลุ่มที่เก่าแก่ที่สุดร่วมสมัยกับวัฒนธรรมสำริดในจีนตอนใต้ และวัฒนธรรมดองซอนของเวียดนาม และมีรูปลวดลายคล้ายกับกลองมโหระทึกที่พบที่ วัดตลิ่งพัง อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ในบริเวณแหล่งที่พบนี้ ไม่พบโบราณวัตถุอื่น ๆ ร่วมด้วย ซึ่งน่าจะเกิดความชำรุดก่อนนำมาทิ้ง ปัจจุบันชิ้นส่วนกลองมโหระทึกนี้เก็บรักษา ไว้ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อุบลราชธานี

๒.๙ กลองมโหระทึก บ้านโพนหมู่ที่ ๗ ตำบลบ้านเหล่า อำเภอคำชะอี จังหวัดมุกดาหาร

ได้พบกลองมโหระทึกและชิ้นส่วนกลองมะโหระทึก จำนวน ๘ ชิ้น เมื่อวันที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๖๓ บริเวณบ้านโพน หมู่ที่ ๗ ตำบลบ้านเหล่า อำเภอคำชะอี จังหวัดมุกดาหาร กลองมโหระทึก หน้ากลองมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ๙๕ เซนติเมตร ตัวกลองสูง ๗๐ เซนติเมตร หนา ๑.๕ เซนติเมตร ประดับด้วยประติมากรรม รูปกบ ๔ ตัว ลวดลายหน้ากลองประกอบด้วย ลายดาว ๑๒ แฉก ลายซี่หวี ลายวงกลม ลายหยักฟันปลา ลายรูปบุคคล สวมขนนก ลายขนมเปียกปูน และลายนก กลองมโหระทึกที่พบเป็นแบบเฮเกอร์-1 กำหนดอายุประมาณ ๒,๐๐๐ - ๑,๙๐๐ ปีมาแล้ว ร่วมสมัยกับวัฒนธรรมสำริดในจีนตอนใต้ และวัฒนธรรมดองซอนของเวียดนาม มีลวดลายและรูปทรงคล้ายกับกลองมโหระทึกที่พบในเวียดนาม กลองมโหระทึกใบนี้ไม่พบโบราณวัตถุอื่น ๆ ร่วมด้วย จึงสันนิษฐานว่าน่าจะเกิดการชำรุดจากการใช้งานแล้วนำมาทิ้งไว้ในพื้นที่ห่างไกลชุมชน ปัจจุบัน ได้นำไปเก็บรักษา ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อุบลราชธานี

เอกสารอ้างอิง:

กรมศิลปากร สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ.กลองมโหระทึกในประเทศไทย.กรุงเทพฯ:บริษัทอาทิตย์

โพรดัก กรุ๊ป จำกัด, ๒๕๔๖

สำนักศิลปากรที่ ๑๑ อุบลราชธานี.รายงานการสำรวจแหล่งโบราณคดีและโบราณสถานในจังหวัดมุกดาหาร.

กรุงเทพฯ:๒๕๕๖

สำนักศิลปากรที่ ๙ อุบลราชธานีรายงานการตรวจสอบโบราณวัตถุกลองมโหระทึกหมู่ ๗ บ้านโพน

ตำบลบ้านเหล่า อำเภอคำชะอี จังหวัดมุกดาหาร

สำนักศิลปากรที่ ๙ อุบลราชธานีรายงานเบื้องต้นการตรวจสอบโบราณวัตถุกลองมโหระทึกหมู่ ๑

บ้านเหล่า ตำบลบ้านเหล่า อำเภอคำชะอี จังหวัดมุกดาหาร

Location
Province Mukdahan
Details of access
Reference สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดมุกดาหาร Email culture.mukdahan@gmail.com
Organization สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดมุกดาหาร
Province Mukdahan
Comment
Please Login Before comment.

Username
Password
No comment.
ข้อมูลที่แสดงในระบบนี้ จัดเก็บโดยนักวิชาการวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม หากมีข้อเสนอแนะหรือข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อวัฒนธรรมจังหวัด
       ข้อมูลนี้เป็นประโยชน์หรือไม่