ประเพณีไหลเรือไฟ บางทีเรียกว่า “ลอยเรือไฟ” หรือ “ล่องเรือไฟ “หรือ “ปล่อยเรือไฟ” เป็น พิธีกรรมทางพุทธศาสนาที่นิยมทำกันในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ (วันออกพรรษา) โดยเฉพาะท้องถิ่นที่มีชัยภูมิเหมาะสม คือ มีแม่น้ำหรือลำน้ำ เท่าที่ปรากฏจะมีแนวทางที่คล้ายกันและอยู่บนพื้นฐานความเชื่อต่าง ๆ อาทิ ความเชื่อเกี่ยวกับการบูชารอยพระพุทธบาท ความเชื่อเกี่ยวกับการบวงสรวงพระธาตุจุฬามณีบนสวรรค์ ความเชื่อเกี่ยวกับการขอฝน ความเชื่อในการเอาไฟเผาความทุกข์ ความเชื่อเกี่ยวกับการขอขมาและระลึกถึงพระคุณพระแม่คงคา เป็นต้น เรือไฟในสมัยโบราณนั้นมีรูปแบบที่เรียบง่าย โดยทำจากต้นกล้วยและลำไม้ไผ่ที่หาได้มาจัดทำเป็นโครงเรือไฟง่ายๆ พอที่จะทำให้ลอยน้ำได้ การประดับตกแต่งเรือไฟภายในเรือไฟจะประดับด้วยดอกไม้ ธูป เทียน ตะเกียง ขี้ไต้ สำหรับจุดให้สว่างไสว ก่อนจะปล่อยเรือไฟลงกลางลำน้ำ ปัจจุบันได้จัดทำเรือไฟรูปแบบต่างๆ โดยมีการนำเอาเทคโนโลยีสมัยใหม่ มาใช้ประกอบในการจัดทำ และประดับตกแต่งให้วิจิตรตระการตามากยิ่งขึ้น เมื่อปล่อยเรือไฟเหล่านี้ลงกลางลำน้ำภายหลังการจุดไฟให้ลุกโชติช่วง แล้วจะเป็นภาพที่งดงามและติดตาตรึงใจตลอดไป
จังหวัดอุตรดิตถ์ ได้จัดงานประเพณีไหลแพไฟเฉลิมพระเกียรติและพิธีขอบคุณพืชพันธุ์ธัญญาหารและสายน้ำ ครั้งแรกเมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๔๑ ณ อำเภอตรอนและในปีพ.ศ.๒๕๔๒ นายเรื่องเดช จอมสืบ นายอำเภอตรอนขณะนั้น ได้กำหนดให้เป็นประเพณีของอำเภอตรอน
ปัจจุบันงานประเพณีไหลแพไฟเฉลิมพระเกียรติและพิธีขอบคุณพืชพันธุ์ธัญญาหารและสายน้ำ ได้จัดให้มีขึ้นทั้งหมด ๓ วัน ๓-๕ ธันวาคม ของทุกปี โดยแต่ละท่าน้ำก็จะมีกิจกรรมของแต่ละชุมชน แต่ละองค์กร ได้แก่ ท่าน้ำวัดวังแดง ท่าน้ำเทศบาลตรอน ท่าน้ำ อบต.บ้านแก่ง ท่าน้ำเทศบาลบ้านแก่ง และท่าน้ำวัดหาดสองแคว ซึ่งแพไฟจะไหลล่องมาในวันที่ ๕ วันเดียว จากท่าน้ำวัดวังแดง ถึงท่าวัดหาดสองแคว จุดสุดท้ายวัดหาดสองแคว จะจัดให้มีมหรสพ กิจกรรมการแสดง แสง สี เสียง การออกร้านค้าขายของชุมชนลาวเวียง พิธี จุดเทียนชัย และพิธีขอบคุณพืชพันธุ์ธัญญาหาร