ร่วมแสดงความคิดเห็นกับเรา
ขอขอบคุณสำหรับการเยี่ยมชมเวบไซต์ m-culture.in.th

เราได้จัดทำแบบสำรวจแบบง่ายๆ เพื่อจะ
ได้ทราบถึงสิ่งที่ผู้เยี่ยมชมเวบไซต์เรา
ชอบและให้เราได้เรียนเกี่ยวกับคุณมากขึ้น
 
Latitude : N 16° 4' 26.0666"
16.0739074
Longitude : E 100° 12' 9.3118"
100.2025866
No. : 195904
ขนมกล้วยอบเนย
Proposed by. พิจิตร Date 24 Febuary 2022
Approved by. พิจิตร Date 24 Febuary 2022
Province : Phichit
1 1015
Description

ประวัติความเป็นมา
กล้วย
เป็นพืชที่ชอบอากาศร้อนชื้น ถิ่นแรกของกล้วยจึงอยู่ในแถบเอเชียตอนใต้ ซึ่งจะพบกล้วยพื้นเมืองทั้งที่มีเมล็ดและไม่มีเมล็ด และจากผลของการย้ายถิ่นฐานในการทำมาหากิน การอพยพประชากรจากเอเชียตอนใต้ไปยังหมู่เกาะแปซิฟิก ตั้งแต่ต้นศริสต์ศักราชเป็นต้นมา ในการอพยพแต่ละครั้งจะต้องมีการนำเอาเสบียงอาหารติดตัวไปด้วย จึงได้มีการนำกล้วยไปปลูกแถบหมู่เกาะฮาวายและหมู่เกาะทางด้านตะวันออก สำหรับประวัติกล้วยในประเทศไทย เข้าใจว่าประเทศไทยเป็นแหล่งกำเนิดของกล้วยป่าและต่อมาได้มีการนำกล้วยตานี และกล้วยชนิดอื่นในช่วงที่มีการอพยพของคนไทยในการตั้งถิ่นฐานของจังหวัดสุโขทัย มีเอกสารกล่าวว่าในสมัยอยุธยาพบว่ามีกล้วยร้อยหวี
ลักษณะทั่วไปของกล้วย
ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า :
Musa sapientum L.
ชื่อวงศ์: Nusaceae
ชื่อสามัญ: Bananaชื่ออื่น:กล้วยมะลิอ่อง (จันทบุรี) กล้วยใต้ (เชียงใหม่, เชียงราย) กล้วยอ่อง (ชัยภูมิ) กล้วยตานีอ่อน (อุบลราชธานี)

กล้วยเป็นไม้ผล ลำต้น เกิดจากกาบหุ้มซ้อนกัน สูงประมาณ ๒-๕ เมตร ใบเป็นใบเดี่ยวเกิดกระจายส่วนปลายของลำต้นเวียนสลับซ้ายขวาต่างระนาบกัน ก้านใบยาว แผ่นใบกว้างเส้นของใบขนานกันปลายใบมน มีติ่ง ผิวใบเรียบลื่น ใบสีเขียงด้านล่างมีไขนวลหรือแป้งปกคลุมเส้นและขอบใบเรียบขนาดและความยาวของใบขึ้นอยู่กับแต่ละพันธ์ ดอกเป็นดอกห้อยลงมายาวประมาณ ๖๐ – ๑๓๐ ซม. ซึ่งเรียกหัวปลี ตามช่อจะมีกาบหุ้มสีแดงเป็นรูปวงรี ยาว ๒๕ - ๓๐ ซม. ช่อดอกที่มีการเจริญก็จะกลายเป็นผล ผลเป็นผลสดจะประกอบไปด้วยหวีกล้วยเครือละ ๗- ๘ หวี แต่ละหวีมีกล้วยอยู่ประมาณ ๑๐ กว่าลูก ขนาดและสีของกล้วยมีลักษณะแตกต่างกันออกไปตามชนิดของแต่ละพันธุ์ บางชนิดมีผล เหลือง, เขียว,แดง แต่ละต้นให้ผลครั้งเดี่ยวเท่านั้น เมล็ด มีลักษณะกลมขรุขระเปลือกหุ้มเมล็ดมีสีดำหนาเหนียวเนื้อเมล็ดสีขาว ขยายพันธุ์ด้วยการแยกหน่อหรือแยกเหง้ารสชาติฝาด

ประโยชน์จากส่วนต่างๆของกล้วย

นอกจากที่เราจะนิยมนำผลกล้วยมารับประทาน ส่วนอื่นๆของกล้วยเราก็ยังสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้มากมาย อาจกล่าวได้ว่าเราสามารถใช้ประโยชน์จากล้วยได้ทุกส่วน โดยจะกล่าวเพียง ย่อ ๆ คือรากและลำต้นแท้สามารถนำมาทำเป็นสมุนไพร ใช้รักษาโรคตามแผนโบราณ หรือใช้รักษาผิวหนังที่แดง ปวด เนื่องจากถูกแดดเผา โดยรากและลำต้นจะมีสารแทนนินซึ่งช่วยในเรื่องของแผลไหม้ น้ำร้อนลวก ส่วนรากของกล้วยตีบ เมื่อนำมาต้มจะช่วยแก้ร้อนในกระหายน้ำได้เป็นอย่างดี

ลำต้นเทียมหรือกาบลำต้นใช้ทำเส้นใยหรือทำเชือกทอผ้า ทำอาหารสัตว์ เช่น อาหารของสุกรและยังเป็นอาหารของคนอีกด้วย เช่น แกงหยวกกล้วย กาบกล้วยก็ใช้เป็นสมุนไพรได้เช่นกัน ส่วนน้ำคั้นจากลำต้นก็ยังสามารถนำมาทากันผมร่วงหรือเร่งทำให้ผมขึ้นได้อีกด้วย

ใบสมัยก่อนที่พลาสติกจะเข้ามามีบทบาท คนโบราณมักใช้ใบตองเป็นภาชนะแทนจานข้าวและยังนำมาใช้ห่อของ ทำมวนบุหรี่ หรือทำงานประดิษฐ์ เช่น กระทง บายศรี ใบกล้วยที่นิยมมากคือใบกล้วยตานีเพราะมีใบที่ใหญ่ เหนียว และเขียงเป็นเงา เมื่อนำไปทำงานประดิษฐ์จะสวยงามและไม่แตกง่ายไม่ให้แย่งอาหารที่จะไปเลี้ยงผลกล้วย ทั้งยังเป็นการป้องกันการสะสมเชื้อโรคของเครือกล้วยด้วยและที่เรานิยมรับประทานกัน หรือใช้บำรุงน้ำนมของมารดา ต้ม คั้น แก้เบาหวาน เมื่อนำมาตากแห้งก็สามารใช้รักษาโรคโลหิตจางได้

ผลใช้รับประทานได้ทั้งอ่อน แก่ และสุกถ้าผลดิบยังอ่อนอยู่สามารถใช้ปรุงอาหารในแกงป่า ส้มตำส่วนผลดิบที่แก่แล้วสามารถนำมาเชื่อมหรือทำกล้วยฉาบ ส่วนกล้วยสุกนั้นสามารถนำมารับประทานสดได้เลย การรับประทานกล้วยสุกนั้นมีผลดีคือจะทำให้ท้องไม่ผูก เพราะในกล้วยสุกจะมีสารเพ็คติน และยังช่วยเพิ่มกากอาหารในลำไส้ กากอาหารเมื่อเพิ่มมาถึงระดับหนึ่งจะทำให้ถ่ายออกมีสารทำให้ท้องผูก เมื่อรับประทานก็ควรเคี้ยวให้ละเอียดจะช่วยในการทำงานของกระเพาะและทำให้ท้องไม่อืด

ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๕๘ กลุ่มแม่บ้านพัฒนาบทบาทสตรี หมู่ที่ ๓ บ้านหนองตะแบก ตำบลทะนง อำเภอโพทะเลจังหวัดพิจิตร ได้รวมตัวกันเป็นกลุ่ม จำนวน ๕ คน โดยมีนางเกษร ฉ่ำพงษ์ เป็นประธานกลุ่ม ได้รับการส่งเสริมสนับสนุนในหลายด้านจากหน่วยงานภาครัฐในพื้นที่ ได้แก่ ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอโพทะเล สำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอโพทะเล กองสวัสดิการสังคม องค์การบริหารส่วนตำบลทะนงนำผลผลิตในท้องถิ่นมาแปรรูปสร้างรายได้ในชุมชน อาทิ กล้วยอบเนย กล้วยฉาบ เป็นอาชีพเสริมภายหลังจากเสร็จสิ้นการประกอบอาชีพหลักเกษตรกรรม นำมาจำหน่ายเป็นของฝากที่ระลึก ช่วยให้เกษตรกรที่ปลูกกล้วยมีรายได้เพิ่มขึ้นในปัจจุบันกลุ่มมีสมาชิก จำนวน ๑๐ คน กลุ่มแม่บ้านพัฒนาบทบาทสตรีบ้านหนองตะแบก ได้ดำเนินงานร่วมกับชุมชนในอำเภอโพทะเลมาโดยตลอด อาทิ การจัดนิทรรศการ จิตสาธารณะในกิจกรรมของชุมชน ได้แก่ สาธิตการทำกล้วยฉาบ กล้วยอบเนย มีผลิตภัณฑ์จำหน่าย และมีผลิตภัณฑ์บางส่วนให้ประชาชนในงาน บริโภคโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย

วัตถุประสงค์

๑) เพื่อนำกล้วยมาแปรรูปถนอมอาหาร เพิ่มมูลค่า สร้างรายได้ให้แก่เกษตรกร หรือประชาชน ๒) เพื่อนำมาผลิตขนมไทยเป็นอาหารว่างที่มีประโยชน์สำหรับรับประทานในครอบครัว ลดรายจ่าย สร้างรายได้ หรือเป็นอาชีพเสริมของประชาชนเป็นครอบครัว หรือรวมกลุ่มกันผลิต

๓) สร้างรายได้ให้แก่เกษตรผู้ปลูกกล้วย

วัสดุ/อุปกรณ์

๑) กล้วยน้ำหว้าแแก่จัด .

๒) น้ำตาลทรายขาวละเอียด .

๓) เนยสดเค็ม

๔) น้ำมันพืช ยี่ห้อเกสร

๕) น้ำเปล่า

๖) น้ำส้มสายชู

๗) ใบเตยหั่นเป็นท่อน
๘) กระทะ

๙) กระชอน

๑๐) ตะแกรง

๑๑) ตะหลิว

๑๒) ถุงพลาสติกร้อน ขนาดใหญ่ ๑๐ ก.ก.

๑๓) ถุงซิปล็อค ราคาต้นทุนถุง 5 บาท/ใบ

๑๔) กิโล

๑๕) ถ้วยตวงน้ำตาล ขนาด 6 ออนซ์

๑๖) มีดสไลด์

๑๗) มีดปอก

กระบวนการ/ขั้นตอน (ทำอย่างไร)

๑) คัดกล้วยน้ำหว้าแก่จัดนำมีดมาปอกไม่กรีดลึกถึงเนื้อกล้วย ถ้าถึงเนื้อกล้วยเมื่อทอดกล้วยจะแตก นำกล้วยแช่ในน้ำเปล่าผสมน้ำส้มสายชู แช่ไม่ให้กล้วยดำ สัดส่วน น้ำส้มสายชู จำนวน ๕ ช้อนโต๊ะ ต่อน้ำเปล่า ½ กะละมัง

๒) นำมีดสไลด์มาหั่นกล้วยเป็นแว่นกลมแบบบางขนาดพอดี หากบางกล้วยทอดแล้วจะแตก หากหนากล้วยจะไม่กรอบ

๓) นำกล้วยใส่ถุงพลาสติกขมวดปากถุงมัดให้แน่น ปากถุงคว่ำลงก้นถุงตั้งขึ้น แช่ในตู้เย็นช่องกลาง จำนวน ๑ คืน (การนำกล้วยแช่ตู้เย็น จะทำให้เมื่อนำมาทอดกล้วยจะกรอบ)

๔) นำกล้วยออกมาแกะเป็นรายชิ้นไม่ให้ติดกัน วางบนตะแกรงนำไปผึ่งลมพอหมาด

๕) ผสมน้ำตาลทรายขาวละเอียดและเกลือไอโอดีน สัดส่วน น้ำตาลทราย ๑ ก.ก. ต่อเกลือ ๖ ช้อนชา

๖) ชั่งน้ำหนัก กล้วย จำนวน ๒ ก.ก. ต่อน้ำตาลทราย ๑.๕ ถ้วย (ถ้วย ขนาด ๖ ออนซ์)

๗) นำน้ำมันพืชตั้งกระทะให้เดือด ใช้ไฟสูงขนาดพอดี

๘) นำกล้วย จำนวน ๒ ก.ก. คลุกน้ำตาล จำนวน ๑.๕ ถ้วย ลงทอดในน้ำมันเดือด แล้วลดเป็นไฟกลาง การทำขนมกล้วยอบเนย ให้คนกระทะตลอด ไม่ให้ขนมติดก้นกระทะ

๙) กล้วยเหลืองใส่ใบเตยหั่นท่อน นำเนยสดเค็ม จำนวน ½ช้อนชา ลงไปในกระทะ เนยสดจะเคลือบกล้วย มันเงาสวยงาม (เนยสดเค็มจะไม่ใส่ทุกกระทะ หากมากไปจะติดก้นกระทะไหม้) ดูสีกล้วยให้เหลืองสวย หากมากไปจะไหม้

๑๐) ตักกล้วยขึ้นวางพักในตะแกรงให้สะเด็ดน้ำมัน และใช้ตะหลิวช่วยกระจายกล้วยไม่ให้ติดกัน วางไว้จนเย็น
๑๑) นำกล้วยที่เย็นบรรจุใส่ถุงพลาสติกร้อน ขนาด ๑๐ ก.ก. มัดปากถุงให้แน่นไม่ให้อากาศเข้าไป เก็บความสดหอมกรอบอร่อย เก็บเตรียมไว้แบ่งบรรจุแต่ละขนาด

๑๒) นำบรรจุลงถุงพลาสติก หรือถุงซิบล็อค ติดสติกเกอร์ของกลุ่มฯ จำหน่ายให้ลูกค้าแต่ละกลุ่มเป้าหมาย โดยถุงซิปล็อคจะสามารถเก็บความสดหอมกรอบอร่อยได้นาน

สถานที่ตั้งขององค์ความรู้:

ศูนย์ประชาคมหมู่บ้าน และบ้านประธานกลุ่มพัฒนาบทบาทสตรีบ้านหนองตะแบก นางเกษร ฉ่ำพงษ์ บ้านเลขที่ ๑๐๙ หมู่ที่ ๓ บ้านหนองตะแบก ตำบลทะนง อำเภอโพทะเล จังหวัดพิจิตร ๖๖๑๓๐โทร. ๐๙ ๔๒๙๑ ๙๔๗๒

คุณค่าและบทบาทของวิถีชุมชนที่มีต่อองค์ความรู้เรื่องนี้

๑)คุณค่าขององค์ความรู้ทางวัฒนธรรม

๑) ภูมิปัญญาทางด้านอาหาร ที่คัดสรรนำผลิตผลเกษตรอินทรีย์ที่ดีมีประโยชน์ต่อร่างกาย มาแปรรูปถนอมอาหารเพิ่มมูลค่า สร้างรายได้ให้แก่เกษตรกร หรือประชาชน

๒) การรวมกลุ่มของแม่บ้านเกษตรกร หรือผู้สูงอายุ ก่อให้เกิดความสัมพันธ์ที่ดี สุขภาพกาย สุขภาพจิตดีสามัคคี ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้

๒)บทบาทของชุมชนในการสืบสาน รักษา ต่อยอด ขององค์ความรู้ทางวัฒนธรรม

ประชาชนหลากหลายวัยในชุมชนได้มาถ่ายทอด เรียนรู้ และร่วมกันปฏิบัติในการทำขนมกล้วยอบเนย ภายหลังจากการประกอบอาชีพหลักเกษตรกรรม จะร่วมกันผลิตขนมกล้วยอบเนย ทำเป็นอาชีพเสริม นำไปจำหน่ายเพิ่มรายได้ให้แก่ครอบครัว

๙. การส่งเสริม สนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐ หรือภาคเอกชน หรือภาคประชาสังคม (ถ้ามี)

ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอโพทะเล สำนักงานพัฒนาชุมชนอำเภอโพทะเล กองสวัสดิการสังคม องค์การบริหารส่วนตำบลทะนง อำเภอโพทะเล จังหวัดพิจิตร 66130

สถานภาพปัจจุบัน

๑)สถานะการคงอยู่ขององค์ความรู้

-มีการปฏิบัติอย่างแพร่หลาย

๒)สถานภาพปัจจุบันของการถ่ายทอดความรู้และปัจจัยคุกคาม

- ยังคงมีการถ่ายทอดความรู้ และมีเด็ก เยาวชน และประชาชนเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง

ข้อเสนอแนะ (ถ้ามี)

พัฒนาเป็นกล้วยอบหลากหลายรส หลายขนาด ที่ตลาดต้องการ ใช้หีบห่อแบบเก็บสินค้าได้ระยะเวลานานและจำหน่ายในหลากหลายช่องทาง

ข้อมูลอ้างอิงบุคคล

ชื่อ-นามสกุล นางเกษร ฉ่ำพงษ์ ตำแหน่ง ประธานกลุ่มพัฒนาบทบาทสตรี หมู่ที่ ๓ บ้านหนองตะแบก หน่วยงาน/ กลุ่มพัฒนาบทบาทสตรี หมู่ที่ ๓ บ้านหนองตะแบก.

เลขที่ ๑๐๙ หมู่ที่ ๓ ตำบล ทะนง อำเภอโพทะเล จังหวัดพิจิตร รหัสไปรษณีย์

๖๖๑๓๐ เบอร์โทรศัพท์ ๐๙ ๔๒๙๑ ๙๔๗๒

Location
กลุ่มพัฒนาบทบาทสตรี หมู่ที่ ๓ บ้านหนองตะแบก
No. ๑๐๙ Moo
Tambon ทะนง Amphoe Pho Thale Province Phichit
Details of access
นางเกษร ฉ่ำพงษ์
Reference นางสาวปภาดา สอนสิงห์ Email culture.phichit01@gmail.com
Organization สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดพิจิตร
Moo ศาลากลางจังหวัดพิจิตร (หลังเดิม) Road บุษบา
Amphoe Mueang Phichit Province Phichit
Tel. 09 4291 9472 Fax. ุุ0 5661 2675
Website www.m-culture.go.th/phichit
Comment
Please Login Before comment.

Username
Password
No comment.
ข้อมูลที่แสดงในระบบนี้ จัดเก็บโดยนักวิชาการวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม หากมีข้อเสนอแนะหรือข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อวัฒนธรรมจังหวัด
       ข้อมูลนี้เป็นประโยชน์หรือไม่