กระยาสารท เป็นขนมหวาน ของไทย มีหลักฐานว่าเป็นอาหารสมัยพุทธกาล แปลว่า "อาหารที่ ทำในฤดูสารท" ทำจากถั่วลิสง งา ข้าวคั่ว มาผัดกับน้ำตาล เป็นอาหารตามประเพณี ที่มักจะทำกันมากในช่วงสารทไทย คือ วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 10 เพื่อทำบุญเพื่ออุทิศส่วนบุญให้ปู่ย่าตายายและญาติมิตรทั้งหลายที่ล่วงลับไปแล้ว ดังนั้น การทำกระยาสารท จึงได้รับการสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น
จังหวัดกำแพงเพชร เป็นเมืองเกษตรกรรมโดยมีกล้วยไข่เป็นผลไม้เอกลักษณ์ประจำถิ่น เป็นที่รู้จัก และชื่นชอบในรสชาติที่ไม่เหมือนที่ใด โดยกล้วยไข่จะให้ผลผลิตในช่วงเดือนกันยายน – ตุลาคม ซึ่งตรงกับช่วงวันสารทไทย (แรม 15 ค่ำ เดือน 10) ชาวบ้านจึงนิยมนำกล้วยไข่สุกและกระยาสารท ไปถวายพระสงฆ์ ตามวัดต่างๆ จนกลายเป็นประเพณี ซึ่งในอดีตที่ผ่านมาจังหวัดกำแพงเพชรได้มีการจัดงานประเพณี “สารทไทยกล้วยไข่เมืองกำแพง” โดยเริ่มจัดขึ้นครั้งแรก เมื่อปี พ.ศ. 2524 ในสมัยนายจำนง ยังเทียน เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดกำแพงเพชร โดยใช้ชื่องานว่า “วันกล้วยไข่ เมืองกำแพง” พอถึงปี พ.ศ. 2526 นายเชาว์วัศ สุดลาภา ผู้ว่าราชการจังหวัดกำแพงเพชร ได้ประสานกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ร่วมกันจัดงานและ ได้มีการเปลี่ยน ชื่องานเป็นงานประเพณี “สารทไทยกล้วยไข่เมืองกำแพง”เพื่อให้สอดคล้องกับกิจกรรม ช่วงเทศกาลวันสารทไทย และในปี พ.ศ. 255๘ นายธานี ธัญญาโภชน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกำแพงเพชร และคณะกรรมการอำนวยการ จัดงาน ได้มีมติให้เปลี่ยนชื่องานจากเดิมเป็นงานประเพณี “สารทไทยกล้วยไข่ และของดีเมืองกำแพง” เพื่อส่งเสริมให้เกิดการพัฒนา สร้างคุณค่า และชื่อเสียงแก่พืชเศรษฐกิจ และผลิตภัณฑ์อื่นๆ ซึ่งเป็นของดีจังหวัดกำแพงเพชร
จากความนิยมของกล้วยไข่ และกระยาสารท ทำให้นางบุญเชิญ วงศ์วิฑูรย์วัฒนะ ภูมิปัญญาด้านการทำกระยาสารทและกล้วยอบ ในพื้นที่บ้านทรัพย์ท่าเสาร์ จึงมีแนวคิดในการพัฒนาผลิตภัณฑ์กระยาสารท โดยการนำกล้วยไข่ห่าม ฝานเป็นชิ้นบางๆ ผสมลงไปในกระยาสารท เพื่อให้มีความแตกต่างจากกระยาสารทแบบเดิม และสามารถบ่งบอกอัตลักษณ์ของจังหวัดกำแพงเพชรได้ชัดเจนมากขึ้น
กระยาสารท และ กล้วยไข่ ในจังหวัดกำแพงเพชร มีความเกี่ยวเนื่องกันทั้งในส่วนของห้วงเวลาการจัดงานบุญ งานประเพณี และระยะเวลาในการให้ผลผลิต ดังนั้น กระยาสารทและกล้วยไข่ จึงถูกนำมาใช้เป็นอาหารว่างและของฝากของที่ระลึก จนมีคำแนะนำว่า ถ้าจะทานกระยาสารทให้อร่อย ต้องทานพร้อมกันกับกล้วยไข่ เพราะรสหวานของกล้วยไข่ จะผสมผสานกับรสมันจากถั่วในกระยาสารท กลิ่นหอมของกล้วยซึ่งเป็นกลิ่นผลไม้ เมื่อผสมกับกลิ่นถั่ว กลิ่นงา น้ำผึ้ง จะมีกลิ่นหอม ทำให้รู้สึกถึงรสชาติของผลไม้และธัญพืชในแบบไทยๆ
กระยาสารทบ้านทรัพย์ท่าเสาร์ เป็นกระยาสารทสูตรดั้งเดิมที่ผสมเนื้อกล้วยไข่ลงไป เพื่อให้ได้รสชาติและความหอมของกล้วยไข่