ซอ เป็นการขับขานหรือการร้องร้อยกรองที่เป็นภาษาคำเมืองหรือภาษาถิ่นเหนือมีเอกลักษณ์เฉพาะ จัดเป็นศิลปะการแสดงพื้นบ้านของล้านนาที่เป็นภูมิปัญญาทางภาษา ที่ได้สร้างสรรค์ไว้อย่างงดงามและทรงคุณค่า แฝงด้วยคติธรรมคำสอน แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ของมนุษย์กับมนุษย์ มนุษย์กับธรรมชาติ และมนุษย์กับสิ่งที่อยู่เหนือธรรมชาติ สะท้อนให้เห็นเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมที่สำคัญ มีความสัมพันธ์กับวิถีความเป็นอยู่ของชาวล้านนาในด้านต่าง ๆ เช่น ความเชื่อ ค่านิยม ขนบธรรมเนียมประเพณี สถาบันศาสนา สถาบันครอบครัว การประกอบอาชีพ อาหารและโภชนาการ การแต่งกาย การสาธารณะสุขมูลฐาน
การซอของแต่ละท้องถิ่นมีเครื่องดนตรีประกอบและท่วงทำนองที่แตกต่างกันไป เครื่องดนตรีที่ใช้ประกอบการซอของจังหวัดเชียงใหม่ใช้ปี่จุม ส่วนการซอของจังหวัดน่านใช้ซึงและสะล้อ มีทั้งซอเดี่ยว และซอโต้ตอบระหว่างช่างซอชายและช่างซอหญิง ภาษาถิ่นเรียกว่า “คู่ถ้อง” มีทั้งการซอตามบทและปฏิภาณไหวพริบของช่างซอ โดยนำเอาข้อมูล เหตุการณ์ต่าง ๆ มาพรรณนาโวหารซึ่งแฝงด้วยคติธรรมและคติโลก ตามลักษณะของฉันทะลักษณ์ของแต่ละทำนองซอซึ่งมีประมาณ ๑๐ ทำนอง ช่างซอที่มีความสามารถและประสบการณ์สูงจะสามารถร้อยเรียงคำร้อง (คำซอ) ได้อย่างสละสลวย มีความไพเราะด้วยปฏิภาณไหวพริบของตนเอง โดยไม่ต้องแต่งเนื้อร้องมาก่อนแต่ขอให้ทราบเนื้อหาในเรื่องนั้นช่างซอก็สามารถนำมาร้องบทซอในแต่ละทำนองได้
ซอจึงเป็นเพลงพื้นบ้านที่เป็นภูมิปัญญาสืบทอดมาจากบรรพบุรุษถึงชั่วลูกชั่วหลานจนถึงทุกวันนี้ เป็นศิลปะที่ให้ความบันเทิง เพิ่มความมีชีวิตชีวาให้กับงานกุศลหรืองานรื่นเริงทั่วไป ถ้างานใดมีการซอนับได้ว่างานนั้นครึกครื้นมีรสชาติ มีความหมายมาก แต่ถ้าหากงานใดไม่มีการซอแล้วงานนั้นจะดูเงียบเหงา ไม่มีกิจกรรมที่สนุกสนานและสร้างความประทับใจ ซอจึงเป็นศิลปะพื้นบ้านคู่กับล้านนา เช่นเดียวกับ หมอลำที่เป็นศิลปะคู่กับภาคอีสาน หรือเพลงฉ่อย เพลงอีแซวของภาคกลาง และเพลงบอกของภาคใต้ ไม่ว่าจะเป็นหมอลำ ลำตัด เพลงอีแซว เพลงฉ่อย เพลงบอก หรือซอ ต่างก็เป็นการขับร้องที่ใช้ภาษาถิ่น ที่สะท้อนถึงศิลปะการแสดงพื้นบ้านของแต่ละภาคที่มีความโดดเด่นในการร้องด้นกลอนสด โดยไม่มี การเตรียมหรือแต่งเนื้อร้องไว้ล่วงหน้า ศิลปินต้องมีความชำนาญ ความเชี่ยวชาญจึงสามารถด้นกลอนสดๆ ได้และต้องมีการฝึกฝนด้วยความวิริยะอุตสาหะ
คำว่า “ ซอ ” เป็นภาษาคำเมือง ภาษาถิ่นเหนือ มีความหมายว่าขับ ขับร้อง ร้องเพลง หรือเพลงพื้นบ้านล้านนาชนิดหนึ่ง มีผู้ให้ความหมายไว้หลายท่านด้วยกัน สรุปได้ว่า ซอ หมายถึง การร้องเพลงพื้นบ้านของล้านนาหรือเมืองเหนือ ซึ่งเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ซอพื้นเมือง เป็นการละเล่นพื้นเมืองล้านนาอย่างหนึ่งของชาวล้านนามีทั้งการซอโต้ตอบกันในลักษณะเพลงปฏิพากย์ระหว่าง หญิง ชาย หรือซอเดี่ยว เพื่อเล่าเรื่องพรรณนาเหตุการณ์ต่าง ๆ โดยมีเครื่องดนตรีพื้นเมือง เช่น ปี่จุม ซึง สะล้อ ขลุ่ย บรรเลงประกอบ ได้รับความนิยมในเขต ๘ จังหวัด ภาคเหนือ และบางส่วนของจังหวัดสุโขทัย อุตรดิตถ์และตาก
๑. ช่าง หมายถึง ทำได้ ทำเป็น
๒. ช่างซอ หมายถึง ผู้ขับร้องเพลงซอได้ ซอเป็น หรือพ่อเพลง แม่เพลงซอ ช่างซอมีทั้งช่างซอชายและช่างซอหญิง ขับซอโต้ตอบหรือร้องเสริมความกัน แก้ความกัน บางครั้งซอเดี่ยวในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง
๓. ช่างซึง เป็นคำที่ใช้เรียกนักดนตรีที่ทำหน้าที่ทำที่ดีดซึงบรรเลงประกอบการซอเป็น
๔. ช่างปี่ เป็นคำที่ใช้เรียกนักดนตรีที่ทำหน้าที่เป่าปี่จุม บรรเลงเพลงประกอบการซอ เท่าที่พบเห็นเป็นผู้ชายล้วน มีจำนวนเท่าปี่จุมที่นำมาเป่า
๕. เซ้ย เป็นคำอุทานที่ผู้ฟังเปล่งออกมารับการขับบทซอที่ตนพึงพอใจ ประทับใจแล้วอุทานคำว่า “เซ้ย” พร้อมลากเสียงยาว ๆ เป็นขานรับบทซอนั้น ๆ ไปในตัวด้วย การอุทานเปล่งเสียงลักษณะนี้ช่วยสร้างบรรยากาศในการขับซอได้อย่างครื้นเครง มีผู้กล่าวว่าถ้ามีการเซ้ยแสดงว่า ผู้ฟัง ผู้ชม เกิดอารมณ์ร่วม หรือ อารมณ์สะเทือนใจเป็นอย่างมากถึงขั้นให้เงิน เป็นรางวัลแก่ช่างซออีกด้วย
๖. ผาม เป็นสถานที่สร้างขึ้นชั่วคราว เพื่อใช้เป็นสถานที่ให้ช่างซอได้ตั้งวงซอ โดยยกพื้นขึ้นสูงประมาณ ๑ - ๒ เมตร มุงหลังคาแบบง่าย ๆ ด้วยคาหรือตองตึง ถ้าอาศัยร่มเงาจากต้นไม้ หรืออื่น ๆ ก็ไม่ต้องมีหลังคา ผามมีความแข็งแรงพอที่จะรับน้ำหนักของผู้คนได้ประมาณ ๑๐ คน บนผามปูด้วยเสื่อมีเครื่องอำนวยความสะดวก เช่น คนโทน้ำ หมาก จานใส่ของว่าง เช่น เมี่ยง เป็นต้น แต่ถ้าสถานที่มีพอที่จะจัดเป็นสัดส่วนให้ช่างซอได้แสดงแล้วไม่ต้องสร้างผามก็ได้