ร่วมแสดงความคิดเห็นกับเรา
ขอขอบคุณสำหรับการเยี่ยมชมเวบไซต์ m-culture.in.th

เราได้จัดทำแบบสำรวจแบบง่ายๆ เพื่อจะ
ได้ทราบถึงสิ่งที่ผู้เยี่ยมชมเวบไซต์เรา
ชอบและให้เราได้เรียนเกี่ยวกับคุณมากขึ้น
 
Latitude : N 15° 39' 29.7853"
15.6582737
Longitude : E 103° 15' 11.1877"
103.2531077
No. : 46722
สิมวัดป่าเรไรย์
Proposed by. phongsun kanyotha Date 10 March 2011
Approved by. มหาสารคาม Date 21 May 2012
Province : Maha Sarakham
0 833
Description

ประวัติทั่วไปของวัดป่าเรไรย์ วัดป่าเรไรย์ บ้านหนองพอก ตำบลดงบัง อำเภอนาดูน จังหวัดมหาสารคาม เดิมชื่อ “วัดบ้านหนองพอก” เป็นวัดราษฎร์สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย วัดตั้งเมื่อ พ.ศ. 2224 ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2460 และได้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น “วัดป่าเรไรย์” เมื่อ พ.ศ. 2465 สิมวัดป่าเรไรย์ ได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานสำคัญของชาติ ในราชกิจจานุเบกษาเล่ม 10 ตอนที่ 217 วันที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2536 กำหนดขอบเขต 1 ไร่ 3 งาน 60 ตารางวา สภาพทั่วไปของอาคารศาสนสถาน สิมวัดป่าเรไรย์ เป็นอาคารแบบพื้นบ้านบริสุทธิ์ สร้างด้วยอิฐถือปูน ตั้งอยู่บนฐานมีระเบียงล้อมรอบอีกชั้นหนึ่ง มีเสาไม้สี่เหลี่ยมรองรับชายคาปีกนกที่ยื่นต่ออกมาจากหลังคา ราวบันไดปั้นเป็นรูปนาค ศิลปะพื้นบ้านแบบอีสาน มีประตูทางเข้าหนึ่งช่องอยู่ทางด้านทิศตะวันออก ผนังด้านข้างเจาะเป็นช่องหน้าต่างแคบ ๆ เป็นช่องแสง ข้างละ 2 ช่อง ไม่มีบานหน้าต่าง บนฝาผนังมีภาพเขียนทั้งด้านนอกและด้านใน ช่างเขียนหรือช่างแต้มชื่อ นายสิงห์ วงศ์วาด เป็นชาวบ้านบ้านคลองจอบ อำเภอพยัคฆภูมิพิสัย จังหวัดมหาสารคาม สีที่ใช้เขียนคือสีฝุ่นวรรณะสีเย็น ได้แก่ สีน้ำตาล เขียว คราม น้ำเงิน และสีดำ ผลงานส่วนใหญ่จะลงพื้นด้วยสีน้ำตาลอ่อนแล้วจึงร่างภาพระบายสีตัดเส้นเพื่อเกิดความสมบูรณ์ ตำแหน่งและเรื่องราวของภาพ การแบ่งเรื่องราวของภาพและลำดับเรื่องราวค่อนข้างชัดเจน การเขียนจะเริ่มต้นจากขวาไปซ้าย จากล่างขึ้นบน โดยใช้เส้นสินเทา สภาพธรรมชาติ และสิ่งก่อสร้างเป็นตัวกั้นเรื่อง ตำแหน่งภาพเขียนจะเขียนไว้ทั้งด้านนอกและด้านในของผนังทั้ง 4 ด้าน เรื่องราวที่ปรากฏบนผนังจะแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม เรื่องราวคือ เรื่องราวทางพุทธศาสนาและเรื่องจากวรรณกรรม ดังผนังและเรื่องราวต่อไปนี้ 1. ผนังด้านนอก ด้านทิศเหนือ (ผนังรี) และผนังด้านทิศตะวันออก (ผนังหุ้มกลองด้านหน้า) เขียนเรื่องราว พระลัก-พระลาม (รามเกียรติ์) ส่วนผนังด้านทิศใต้ (ผนังรี) และผนังด้านทิศตะวันตก (ผนังหุ้มกลองด้านหลัง) เขียนเรื่อง พระเวสสันดรชาดก ตั้งแต่ต้นจนจบ ดังนี้ 1.1 ผนังด้านทิศเหนือ (ผนังรี) เขียนเรื่อง พระลัก-พระลาม ตั้งแต่นางจันทาคลอดนางสีดา ท้าวราพณาสูรให้นำนางสีดาไปลอยแพ จนพญานาคนำไปเลี้ยงที่เมืองบาดาล ซึ่งปรากฎอยู่ด้านล่างของผนัง ส่วนด้านบนเขียนตอนกองทัพท้าวราพณาสูรกำลังสู้รบกับกองทัพพระลาม ชิวหาเป็นสะพานเชื่อมเมืองลงกากับชมพูทวีป เมื่อทหารพระลามเดินข้ามก็พลิกลิ้นให้ร่วง หุลละมานถีบโคนลิ้นชิวหาขาด 1.2 ผนังด้านทิศตะวันออก เรื่องพระลักพระลาม ตอนที่พระลามไปขอนางสีดากับพระฤาษี พระลามยกศรเสี่ยงทายได้นางสีดาแล้วพานางสีดากับพระลักขี่ม้ามณีกาบกลับเมือง ระหว่างทางพบกวางดำนางสีดาเห็นอยากได้จึงขอให้พระลามจับให้ พระลามฝากนางสีดาไว้กับพระลัก แล้วตามกวางดำไป พระลักฝากนางไว้กับแม่ธรณีแล้วตามหาพระลาม ท้าวราพณาสูรลักพานางสีดากลับเมือง ระหว่างทางมีภาพนกการะวิกขวางหน้าอยู่ 1.3 ผนังด้านทิศใต้ (ผนังรี) เขียนภาพพระเวสสันดรตั้งแต่กัณฑ์ทศพร ตอนที่ท้าวสักกะกำลังประทานพร 10 ประการให้แก่นางผุสดี กัณฑ์หิมพานต์ตอนประสูติพระเวสสันดรและตอนพระเวสสันดรกำลังประทานพรช้างปัจจัยนาค กัณฑ์ทานกัณฑ์ตอนพระเวสสันดรถูกเนรเทศออกนอกเมืองได้ประทานม้า และรถให้แก่พราหมณ์ และกัณฑ์ชูชก 1.4 ผนังด้านทิศตะวันตก (หุ้มกลอง) เขียนเรื่องพระเวสสันดรกัณฑ์จุลพนตอนชูชกแวะถามทางกับอัจจุตฤษี กัณฑ์กุมารตอนชูชกทูลสองกุมาร กัณฑ์มัทรี กัณฑ์สักกบรรพตอนพระอินทร์แปลงเป็นพราหมณ์ทูลขอนางมัทรีและตอนพระเวสสันดรประทับอยู่ในอาศรมกำลังหลั่งทักษิโนทกประทานนางมัทรีแก่ท้าวสักกะที่แปลงร่างเป็นพระอินทร์ กัณฑ์มหาราช ตอนชูชกเดินป่า ชูชกผูกเปลนอนบนต้นไม้ และกัณฑ์นครตอนขบวนทัพกลับเมืองมีการฮดสรง มีข้าราชบริพารและชาวเมืองต่างชื่นชมยินดีมีการขับดนตรีต่าง ๆ ด้วยความสนุกสนาน 2. ผนังด้านใน แบ่งออกเป็น 4 ด้าน จะเขียนในตำแหน่งเหนือช่องหน้าต่าง โดยใช้เสาที่กั้นระหว่างห้องกั้นภาพแต่ละตอน ดังนี้ 2.1 ผนังหุ้มกลองทิศตะวันออกหน้าพระประธาน เขียนเรื่องพระมาลัยเสด็จแดนนรก ช้างเจ็ดเศียร และมารผจญ 2.2 ผนังหุ้มกลองทิศตะวันตก หลังพระประธาน เขียนภาพพุทธประวัติตอนพระพุทธเจ้าปรินิพพาน ด้านล่างเป็นภาพพระอดีตพุทธนั่งเรียงแถวหกองค์สลับภาพเทวดากำลังเหาะ 2.3 ผนังด้านรี (ด้านข้างทิศเหนือ) แบ่งเป็น 3 ห้องโดยมีเสาไม้คั้นระหว่างภาพห้องที่ 1 เขียนภาพพุทธประวัติตอนเจ้าชายสิทธิทัตถะทรงเลิกจากการบำเพ็ญทุกข์กิริยาพระอินทร์ดีดพิณถวายเป็นนิมิตถึงทางสายกลาง และรับข้าวมธุปายาสจากนางสุชาดา แถวล่างเขียนภาพพระอดีตพุทธ 3 ห้อง ห้องที่ 2 เขียนภาพพระมาลัยเสด็จสวรรค์ชั้นดาวดึงไหว้พระธาตุเกตุแก้วจุฬามณี 2.4 ผนังด้านรี (ด้านข้าง) ขวามือพระประธาน (ทิศใต้) แบ่งออกเป็น 3 ห้องมีเสาไม้คั้นระหว่างห้องที่ 1 เขียนภาพพระพุทธเจ้าออกบิณฑบาต ด้านล่างเขียนภาพ พระอดีตพุทธ ห้องที่ 2 ตอนตปุสสะและภัลลิกะ พานิชสองพี่น้องกำลังถวายข้าวสตุก้อนสตุผงแก่พระพุทธเจ้า ด้านล่างเขียนภาพพระอดีตพุทธ และห้องที่ 3 เขียนภาพตอนมารผจญ

Location
บ้านหนองพอก
Moo หมู่ที่ 7 บ้านหนองพอก
Tambon ดงบัง Amphoe Na Dun Province Maha Sarakham
Details of access
Reference นางฐานวีร์ จันทร์ศิริสิร
Organization สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดมหาสารคาม
Road เลี่ยงเมืองมหาสารคาม - ร้อยเอ็ด
Tambon แวงน่าง Amphoe Mueang Maha Sarakham Province Maha Sarakham ZIP code 44000
Tel. 043777561
Comment
Please Login Before comment.

Username
Password
No comment.
ข้อมูลที่แสดงในระบบนี้ จัดเก็บโดยนักวิชาการวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม หากมีข้อเสนอแนะหรือข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อวัฒนธรรมจังหวัด
       ข้อมูลนี้เป็นประโยชน์หรือไม่