“ลำผญา” หรือ "ลำผญาย่อยหัวดอนตาล"
๑. ประวัติความเป็นมาของลำผญาย่อยหัวดอนตาล
ลำผญาย่อยหัวดอนตาลของชาวชุมชนบ้านนาสะโน เป็นขนบธรรมเนียมประเพณีที่มีมาแต่โบราณไม่ปรากฏหลักฐานว่าเกิดขึ้นเมื่อใด มีเพียงคำบอกเล่าของศิลปินลำผญาย่อยรุ่นเก่า ความว่า
ลำผญาย่อยหัวดอนตาล เป็นศิลปวัฒนธรรมของชาวอีสานที่มีมาแต่โบราณ นอกจากลำผญาย่อยแล้ว ยังปรากฏลักษณะการแสดงพื้นบ้านของชาวลาว ที่มีความคล้ายคลึงกับลำผญาย่อยหัวดอนตาลที่เรียกว่า ลำบ้านซอก คอนสวรรค์ สีทันดร สาละวัน อันเป็นลักษณะท่วงทำนอง และลีลาการลำที่ใกล้เคียงกัน ส่วนการแสดงแบบใดมาก่อนหรือหลังไม่ปรากฏหลักฐานที่สามารถชี้ชัดได้ ลำผญาย่อยของชาวอีสาน และลำบ้านซอก คอนสวรรค์ของชาวลาวมีพัฒนาการมาพร้อม ๆ กัน แต่ลักษณะของลำผญาย่อยหัวดอนตาลที่ปรากฏเป็นของชาวชุมชนดอนตาลแต่ดั้งเดิม
สันนิษฐานว่าลำผญาหัวดอนตาล เกิดจากกลุ่มคนที่อาศัยอยู่รวมกัน ได้สร้างสรรค์วัฒนธรรมประจำท้องถิ่นขึ้น เมื่อเกิดการแยกย้ายกระจัดกระจายกันของกลุ่มชน เพื่อเสาะแสวงหาแหล่งทำกินที่มีความอุดมสมบูรณ์ โดยมีศิลปวัฒนธรรมลำผญาย่อยติดตัวไป และได้แพร่กระจายวัฒนธรรมลำผญาไปสู่ท้องถิ่นใกล้เคียง เกิดการผสมผสานวัฒนธรรมลำผญาดั้งเดิมกับลักษณะของภาษาท้องถิ่นที่มีความเป็นเอกลักษณ์และแตกต่างกัน ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมลำผญาแบบเดิม ไปสู่ลำบ้านซอก คอนสวรรค์ สีทันดร และสาละวัน ซึ่งมีลักษณะท่วงทำนองการลำที่ใกล้เคียงกับลำผญาย่อยหัวดอนตาล ของชาวดอนตาลแตกต่างกันเพียงภาษาประจำถิ่น สำเนียง ลีลาในการออกเสียง การเอื้อนเสียงที่สั้นยาวต่างกันออกไป
๑. ลำแจ้งจุดประสงค์ เป็นกลอนลำที่ใช้แสดงต่อจากลำไหว้ครู เป็นการชี้แจ้งเหตุผลที่มาที่ไปของการแสดง เช่น แสดงในงานอะไร ฯลฯ
๒. ลำถามข่าว เนื้อหาสาระของลำถามข่าว เป็นเรื่องของการซักถามทุกข์ – สุขของอีกฝ่ายโดยส่วนมากการลำถามข่าว จะเริ่มต้นโดยหมอลำผญาที่เป็นฝ่ายชายในลักษณะการเกี้ยวพาราสี
๓. ลำเกี้ยว หลังจากที่หมอลำฝ่ายชายและฝ่ายหญิงว่ากลอนถามข่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จะได้มีการว่ากลอนเกี้ยวพาราสีโต้ตอบกัน ลักษณะกลอนลำชนิดนี้ได้รับความนิยมอย่างมาก เนื่องจากเนื้อหาของกลอนลำมีความสนุกสนาน ว่ากลอนแก้กันอย่างดุเด็ดเผ็ดมัน มักมีความหมายสองแง่สองง่ามส่วนใหญ่เป็นเรื่องของเพศ
๔. ลำตำนาน – นิทาน เป็นกลอนลำที่ได้รับความนิยมอีกชนิดหนึ่ง จะลำหลังจากที่ว่ากลอนเกี้ยวจบ กลอนลำชนิดนี้นิยมใช้ในหมู่ของผู้เฒ่าผู้แก่ เนื่องจากเนื้อหาของลำตำนาน นิทาน มักให้คติสอดแทรก ศีลธรรม จริยธรรมและนำเสนอเป็นเรื่องราวที่น่าสนใจ ชวนให้ติดตามเข้าใจง่าย ผู้ใหญ่จึงมักใช้อบรม สั่งสอนลูกหลานโดยการให้ฟังลำผญาชนิดนี้
๕. ลำเบ็ดเตล็ด กลอนลำทั่วไปที่มีความหมายในการส่งเสริมศิลปะวัฒนธรรมลำผญา ต่อต้านยาเสพติด ลำอวยพร
๖. ลำลา เป็นกลอนลำที่ในการแสดงช่วงสุดท้ายเป็นการกลอนลำกล่าวลาผู้ชม 3. พิธีกรรมก่อนการแสดง
ในวัฒนธรรมของชาวอีสานนั้นมีขนบธรรมเนียมประเพณี ความเชื่อในเรื่องของภูตผีวิญญาณ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ เชื่อในคุณครูบาอาจารย์ผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชาการต่าง ๆ ให้ ฉะนั้นเมื่อมีการแสดงก็จะต้องมีการบูชาครูด้วยเครื่องสักการะที่เรียกว่า “เครื่องคายอ้อ” ก่อนการแสดงทุกครั้งผู้แสดงและนักดนตรีทุกคนจะต้องทำพิธีที่เรียกว่าการไหว้ครูเสียก่อน โดยหัวหน้าคณะหรือผู้ที่มีอาวุโสที่สุดในคณะจะเป็นผู้จัดเตรียมอุปกรณ์ในการแต่งเครื่องคายให้ครบ โดยอุปกรณ์ที่ใช้ในการจัดแต่งเครื่องคายนั้นประกอบไปด้วย
๑. กรวยที่ทำจากใบตอบ จำนวน ๔ กรวย
๒. ดอกไม้สีขาว เช่นดอกพุด, ดอกมะลิ
๓. เทียนหนัก ๑ บาท ๒ คู่
๔. เทียนแท่งเล็ก ๔ คู่
๕. เงิน ๒๔ บาท
๖. ไข่ดิบ ๑ ฟอง
๗. ผ้าถุง ๑ ผืน
๘. ผ้าแพร, ผ้าเบี่ยงสีขาวหรือลาย เลือกเอาอย่างใดอย่างหนึ่ง
๙. ขัน ๑ ใบ
๑๐. เหล้าขาว ๑ ขวด
การจัดเครื่องคาย
๑. กรวยใบตองที่เตรียมไว้ทั้ง 4 กรวยใส่ดอกไม้สีขาวที่เตรียมไว้ตามความเหมาะสมในแต่ละกรวย
๒. นำเทียนไขขนาดเล็กที่เตรียมไว้จำนวน ๔ คู่ มาใส่ลงในกรวยดอกไม้ที่เตรียมไว้กรวยละ ๑ คู่
๓. นำเครื่องคายทั้งหมดที่เตรียมไว้จัดใส่ขันที่เตรียมไว้ หากไม่สามารถหาไข่ดิบได้ ให้ใช้ข้าวเหนียว โดยนำข้าวเหนียวมาปั้นเป็นก้อนกลม ๆ ขนาดเท่ากับไข่ ภาชนะที่เตรียมไว้ในการแต่งคาย ส่วนมากใช้เป็นขันเงิน หากไม่มีอาจใช้ถาด พานหรือจานที่มีขนาดเหมาะสมในการจัดแต่งเครื่องคายให้มีความสวยงาม ในการแต่งเครื่องคายนั้นจะต้องมีอุปกรณ์ในการแต่งคายให้ครบขาดสิ่งหนึ่งสิ่งใดมิได้
คุณสมบัติของผู้ประกอบพิธีกรรม
๑. ต้องเป็นผู้ที่มีความรู้ ความสามารถในการแสดงลำผญาย่อยเป็นอย่างดี
๒. สามารถให้คำแนะนำอบรมสั่งสอน ตักเตือนผู้อื่นได้
๓. ต้องปฏิบัติตนอยู่ในศีลธรรมอันดีงาม
๔. เป็นบุคคลที่สังคมยอมรับนับถือ
๕. เป็นผู้ที่มีความเหมาะสมทั้งด้านวัยวุฒิ และคุณวุฒิ
เครื่องดนตรี การแสดงลำผญาย่อยโดยทั่วไป ใช้เครื่องดนตรีพื้นบ้านซึ่งประกอบด้วย
๑. พิณ
๒. แคน
๓. ฉิ่ง
๔. กลอง