ประเพณี “ยกธงเลิกวันสงกรานต์”
ประวัติความเป็นมา
ประเพณียกธงเลิกสงกรานต์เป็นประเพณีเก่าแก่ที่มีมาตั้งแต่สมัย บรรพบุรุษ และเป็นประเพณีที่เหลือเพียงแห่งเดียวในประเทศไทยโดยได้จัดขึ้นที่ตำบลหนองโสน อำเภอสามง่าม จังหวัดพิจิตร ซึ่งชาวบ้านส่วนใหญ่เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ลาวครั่งที่อพยพมาพักอาศัยอยู่ตั้งรกรากทำมาหากินเป็นชาวไร่อ้อย เป็นชาวนา จึงนำประเพณีดังกล่าวนี้มาสืบทอดให้อนุชนรุ่นหลัง มานับเกือบ100 ปีแล้ว
ก่อนการจัดงานเมื่อถึงใกล้วันสงกรานต์ประชาชนจะเริ่มทำบุญกันตั้งแต่วันตรุษเมื่อถึงวันที่ ๑๓ เมษายน จะแจ้งให้ประชาชนได้ทราบกำหนดการยกธงเลิกวันสงกรานต์ว่าเป็นวันใด เพื่อเตรียมตัวจัดธง ซึ่งอาจะทำด้วยผ้าหรือเสื่อกก เย็บต่อกันแล้วปักให้ย้อยลงมาจากที่สูงทอดตามยาวตามคันธงหรือเสาธงตลอดจนนำสบง หรือผ้าห่มไปถวายพระในคราวเดียวกันนี้ด้วย
ต่อมาใน พ.ศ.๒๕๒๓ได้ยึดเอาวันสงกรานต์เป็นวันเริ่มต้นปีใหม่ คือวันที่ 13 เมษายน ของทุกปี ซึ่งคำว่า สงกรานต์ แปลว่า ล่วง หรือ เลยไป เคลื่อนไป การต้อนรับปีใหม่ถือว่าสำคัญ เพราะปีหนึ่งมีครั้งเดียว การได้รดน้ำดำหัวผู้สูงอายุพร้อมทั้งขอพรจากผู้ใหญ่ ถือเป็นประเพณี และวัฒนธรรมอันดีงามยิ่ง ที่คนไทยทุกคน ทุกชนชั้น ได้ปฏิบัติ สืบต่อกันมา
ชาวหนองโสนเองก็เช่นกันได้สืบทอดประเพณีสงกรานต์ซึ่งมีเอกลักษณ์เป็นของตนเอง นั่นก็คือเมื่อมีการเริ่มต้นสงกรานต์ก็ต้องมีการเลิกหรือหยุดสงกรานต์โดยมีความเห็นตรงกันว่านางสงกรานต์นั้นมีทั้งหมด 7 คน จึงยึดเอา 7 วัน คือนับจากวันที่ 13 เมษายน ไปอีก 7 วัน จึงตรงกับวันที่ 19 เมษายน ให้ถือเป็นวันยกธงเลิกสงกรานต์ ซึ่งเป็นการบอกให้รู้ว่าหมดช่วงเทศการวันสงกรานต์แล้ว เริ่มประกอบอาชีพเกษตรกรต่อไปตามแบบวิถีชาวบ้าน
ปัจจุบันประเพณียกธงเลิกสงกรานต์ จัดขึ้นในวันที่ ๑๙ เมษายนของทุกปี ชาวบ้านแต่ละหมู่บ้านได้เสียสละเวลาร่วมแรงร่วมใจกัน ประดิษฐ์และประดับตกแต่งธง ให้มีความสวยงาม หมู่บ้านละ ๑ ธง พร้อมกับผ้าป่า (จำนวน ๒๐ หมู่บ้าน) และในการที่จะนำอะไรมาเป็นธง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ในวันเลิกสงกรานต์ ผู้นำหมู่บ้าน และชาวบ้านในคุ้มของตนจะปรึกษากันว่าจะนำอะไรมาเป็นธง ซึ่งได้น้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มาใช้ในการประดิษฐ์ธง โดยการนำเสื่อที่ทอใช้กันเอง ผ้าห่ม สบง ผ้าม่าน ผ้าเช็ดตัว หรือผ้าชนิดต่าง ๆ ซึ่งสามารถนำมาใช้งานต่อได้มาใช้เป็นธงเลิกสงกรานต์ มีการประดับตกแต่งธงด้วยข้าวของเครื่องใช้เช่น สบู่ ยาสีฟัน บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป สิ่งของที่ถวายพระ และเพื่อเป็นการประกวดประขันกันว่าหมู่บ้านใดมีฐานะร่ำรวยก็จะประดับธงด้วยเงินหรือสิ่งของ ซึ่งถือเป็นอีกกุศโลบายหนึ่งในการทำบุญ
ธงที่ประดับตกแต่งแล้วจะผูกเข้ากับปลายไม้ไผ่ ที่มีลำไม้ไผ่ขนาดใหญ่ สูงประมาณ 4-5เมตรชาวบ้านจะแห่ธงมากจากหมู่บ้านของตน ด้วยขบวนแห่มาตามถนนในหมู่บ้าน พร้อมกับร้องรำทำเพลงอย่างสนุกสนานเดินทางออกจากหมู่บ้าน และมาบรรจบกันยังวัดหนองโสน หมู่ ๑๒ ตำบลหนองโสน อำเภอสามง่าม จังหวัดพิจิตร ซึ่งเป็นศูนย์กลางทางจิตใจ ของชาวตำบลหนองโสน และยังเป็นสถานที่จัดงานบุญประเพณียกธงเลิกกิจกรรมสงกรานต์ ทั้งนี้ชาวบ้านยังช่วยกันทำธงขนาดใหญ่ซึ่งเป็นธงกลางหรือ ธงเอกด้วย ช่วยกันตกแต่งและทักทอให้ยาวมากที่สุด
เมื่อขบวนธงเดินทางมาถึงวัด จะมีการประกอบพิธีทางศาสนาทอดผ้าป่า และเมื่อเสร็จสิ้นพิธีการถวายธง เจ้าของธงแต่ละหมู่บ้านจะทำช่วยกันยกธง นำธงไปผูกโยงกัน ทุกคนจะช่วยกันชักธงพร้อมกันขึ้นสู่ยอดเสา หลังจากยกธงเสร็จหรือปักธงเสร็จพระภิกษุสงฆ์ก็จะให้พร เป็นอันเสร็จสิ้นพิธี" เป็นการประกาศให้ทุกคนทราบว่าประเพณีการเล่นสงกรานต์ได้สิ้นสุดลงแล้ว ชาวบ้านก็จะเริ่มประกอบอาชีพเกษตรกรต่อไปตามแบบวิถีชาวบ้าน นับว่าประเพณีดังกล่าวนี้ น่าจะมีที่นี่เพียง แห่งเดียวในประเทศไทยที่ยังคงรักษาเอกลักษณ์และทำกันมาอย่างต่อเนื่อง ธงนั้นก็ถวายวัด เพื่อใช้ในงานพิธีต่าง ในพระพุทธศาสนาต่อไป
กิจกรรมในงานประเพณี
๑. พิธีบวงสรวง
๒. แห่ขบวนธงของแต่ละหมู่บ้าน ๒๐ หมู่บ้าน และ ๑ หน่วยงาน (อบต.หนองโสน)
๓. กิจกรรมก่อเจดีย์ทราย
๔. รำวงย้อนยุค/รำวง ๓ ส./วงดนตรีลูกทุ้งหมอรำ
๕. การแข่งขันกีฬาพื้นบ้าน
๖. ร้านค้าจำหน่ายสินค้าพื้นบ้าน/ของใช้ราคาถูก
๗. โรงทาน
๘. พิธีทางศาสนาถอดผ้าป่า
วัตถุประสงค์เพื่อสืบทอดวัฒนธรรมท้องถิ่น และ เพื่อความเป็นศิริมงคลต่อตนเอง และชุมชน สร้างอัตลักษณ์ของชุมชน เกิดความภาคภูมิใจ และยังได้สอดแทรกความรักความสามัคคีในชุมชนอีกด้วย
กลุ่มชนคนไทยเชื้อสายลาวครั่ง ตำบลหนองโสน อำเภอสางมง่าม จังหวัดพิจิตร
เวลา สถานที่ทุกวันที่ ๑๙ เมษายน ของทุกปี ณ วัดหนองโสน ตำบลหนองโสน อำเภอสามง่าม จังหวัดพิจิตร
สาระสำคัญเมื่อถึงวันที่ ๑๓ จะมีการแจ้งให้ประชาชนทราบกำหนดการยกธงเลิกวันสงกรานต์ว่าเป็นเพื่อประชาชนเตรียมตัวจักธง
บุคคลอ้างอิง
๑. นาย มานพ พุกกลิ่น นายกองค์การบริหารส่วนตำบลหนองโสน
๒. นายอดิศร ทิพย์ทำ ประธานสภาวัฒนธรรมอำเภอสามง่าม
๓. นายสมจิต นาลอย ประธานสภาวัฒนธรรมตำบลหนองโสน
๔. นายวินัย วงศ์จะมาศ ผู้ใหญ่บ้าน ม.๑๖ ตำบลหนองโสน
เอกสารอ้างอิง
๑. คณะกรรมการดำเนินงานสืบค้นประวัติศาสตร์ท้องถิ่นเชิดชูวัฒนธรรมและภูมิปัญญาไทยอัญเป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดพิจิตร และอำเภอ/กิ่งอำเภอ (พ.ศ.๒๕๔๙) หนังสือวัฒนธรรม พัฒนาการ ทางประวัติศาสตร์ เอกลักษณ์ และภูมิปัญญา จังหวัดพิจิตร (สามง่าม)
๒. เวปไซด์ จังหวัดพิจิตรhttp://www.phichit.go.th/phichit/index.php/news/976-570421-1