ร่วมแสดงความคิดเห็นกับเรา
ขอขอบคุณสำหรับการเยี่ยมชมเวบไซต์ m-culture.in.th

เราได้จัดทำแบบสำรวจแบบง่ายๆ เพื่อจะ
ได้ทราบถึงสิ่งที่ผู้เยี่ยมชมเวบไซต์เรา
ชอบและให้เราได้เรียนเกี่ยวกับคุณมากขึ้น
 
Latitude : N 14° 52' 2.5205"
14.8673668
Longitude : E 100° 0' 58.7153"
100.0163098
No. : 97182
ประเพณีตักบาตรเทโว วัดหัวเขา ตำบลหัวเขา
Proposed by. admin group Date 13 June 2011
Approved by. สุพรรณบุรี Date 8 December 2021
Province : Suphan Buri
0 893
Description

กำเนิดบ้านหุบเขา

จากคำบอกเล่าของแม่เฒ่าสุน ท่านไม่ได้เกิดที่บ้านหัวเขา แต่ท่านได้อพยพหลบหนีก่องทัพพม่า มาจากจังหวัดกาญจนบุรี ในสมัยรัชกาลที่ ๓ มาอาศัยอยู่ที่บ้านดอนกระเบื้องเมืองสามชั้น และได้มาพบแหล่งน้ำ ในหุบเขาที่ลึกมาก ยาวประมาณ ๒๐๐ เมตร เป็นแม่น้ำที่มีสัตว์ป่าหลากหลายชนิดอาศัยอยู่ เหมาะกับการสร้าง ที่อยู่อาศัย และทำมาหากิน จึงได้ลงหลักปักฐานในบริเวณป่าในหุบเขาแห่งนี้ จึงกลายเป็นหมู่บ้านเล็กชื่อว่า “หมู่บ้านหุบเขา” เพราะมีภูเขาล้อมรอบ ต่อมาชื่อหมู่บ้าน “บ้านหุบเขา” นั้นได้เพี้ยนไปจากเดิมเป็น “บ้านหัวเขา” สมัยรัชกาลที่ ๔ พม่าเลิกรุกรานไทย ชาวบ้านต่างช่วยกันสำรวจพื้นที่ทำมาหากิน และพบซากปรักหักพังที่เขาโล่ง ซึ่งเป็นวัดร้างที่พม่าได้เคยรุกราน และทำลาย

ประวัติความเป็นมาของวัดหัวเขา

วัดหัวเขา เริ่มก่อตั้งเมื่อประมาณปีพุทธศักราช ๒๔๐๔ นามผู้ก่อตั้งไม่ปรากฏว่าผู้ใดเป็นผู้ก่อตั้ง ได้มีกลุ่มชาวบ้านกลุ่มหนึ่งอพยพหนีพม่าจากบ้านดอนกระเบื้องเมืองสามชั้น ได้ร่อนเร่มา และเห็นพื้นที่ อันอุดมสมบูรณ์ มีแม่น้ำไหลผ่านมีภูเขาล้อมรอบ ก็ชวนกันลงหลักปักฐานในบริเวณบ้านหุบเขา ชาวบ้านส่วนใหญ่ นับถือศาสนาพุทธจึงได้สร้างสำนักสงฆ์ เป็นกุฏิ ๒ หลัง หลังคามุงด้วยแฝก ฝาทำด้วยใบลาน มีพระสงฆ์จำพรรษาบ้าง ไม่มีบ้าง อาทิเช่น หลวงตาโถ และหลวงตาเปลี่ยน เป็นสมภาร ซึ่งต่อมาก็ได้ลาสิขาไปตามลำดับ ทำให้สำนักสงฆ์ไม่มีพระจำพรรษา

ประวัติโดยย่อ หลวงพ่ออิ่ม สิริปุญฺโญ

พระครูปลัดอิ่ม องค์ปฐมเจ้าอาวาสวัดหัวเขา ฉายาทางธรรม “สิริปุญฺโญ” เกิดเมื่อวันอาทิตย์ เดือน... ปีจอ ตรงกับพุทธศักราช ๒๔๐๕ ในรัชสมัยของสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๔) สถานที่เกิดของหลวงพ่อยังไม่ทราบแน่นชัดบ้างว่าท่านเกิดที่บ้านหัวเขา แต่บ้างก็ว่าท่านเกิดที่แขวงศรีประจันทร์ นามเดิม ชื่อ อิ่ม ไม่มีนามสกุลเพราะในสมัยนั้นยังไม่มีการใช้นามสกุล (ประเทศไทยเริ่มมีการใช้นามสกุลในสมัยรัชกาลที่ ๖) บิดาชื่อ โต มารดา ชื่อ คุ้ม มีพี่น้อง ๗ คน ประกอบด้วย ๑) หลวงพ่ออิ่ม สิริปุญฺโญ ๒) นายตุ่น ๓) นายเข้ม ๔) นางส้มจีน๕) นางแป้น ๖) นายเข็ม และ ๗) นางเน้ย ครอบครัวหลวงพ่ออิ่ม ประกอบอาชีพทำนา สมัยที่ท่านเป็นฆราวาสหลวงพ่อ ท่านมีเรื่องกับชายวัยเดี่ยวกัน จึงทำให้เจ้าหน้าที่บ้านเมืองไม่เข้าใจ ต้องการตัวหลวงพ่อไปดำเนินคดี ขณะนั้น หลวงพ่อท่านมีอายุได้ ๒๑ ปี ท่านได้หลบไปอาศัยอยู่กับญาติข้างบิดา เมื่ออายุ ๒๔ ปี เรื่องต่าง ๆ ได้สงบลง น้องของบิดา ชื่อ “อาสุ่น” พร้อมด้วยญาติพี่น้องฝ่ายบิดาเห็นพ้องต้องกันว่าหลวงพ่ออิ่มสมควรอุปสมบท เพื่อลบล้างมลทิน ที่วัดเสาธงทอง อำเภอศรีประจันต์ และได้จำพรรษาเป็นเวลา ๑ พรรษา เพื่อเรียนภาษาขอม ภาษาบาลี ภาษาไทย จนอ่านออกเขียนได้ และท่านได้เรียนทางธรรม ในระหว่างที่ท่านเป็นพระภิกษุสงฆ์นั้น ท่านได้ศึกษาพระธรรมวินัยประพฤติปฏิบัติตนตามข้อแนะนำของพระอุปัชฌาย์ และเจ้าอาวาสเป็นอย่างดี นอกจากหลวงพ่ออิ่มจะปฏิบัติกิจ ของสงฆ์แล้ว ท่านยังใช้เวลาว่างซ่อมแซมสิ่งของที่ชำรุดภายในวัด ปัดกวาดกุฏิ ศาลา โบสถ์ และบริเวณวัด อยู่เป็นประจำ จากนั้นพรรษาที่ ๒ ท่านได้ไปจำพรรษาที่วัดไก่เตี้ย ท่านเห็นพระสงฆ์ที่ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน เวทย์มนต์ต่างๆ ทำให้ท่านเกิดศรัทธา และใฝ่รู้ ท่านจึงตัดสินใจไม่ลาสิกขาบท และออกธุดงค์แสวงหาความรู้ ไปตามสถานที่ต่างๆ เป็นเวลา ๕ – ๘ พรรษา แล้วจึงกลับมาจำพรรษาที่วัดไก่เตี้ย เมื่อประมาณปีพุทธศักราช ๒๔๓๐ ชาวบ้านนำโดยขุนประเสริฐ ตาแจง ตาหมอฟู ตานิ่ม ตาคำ ตาแช่ม และชาวบ้านหัวเขาอีกส่วนหนึ่ง ได้ไปนิมนต์หลวงพ่ออิ่ม จากวัดไก่เตี้ย แขวงศรีประจันทร์ ให้มาจำพรรษาที่สำนักสงฆ์ ซึ่งหลวงพ่ออิ่มมีความมุ่งมั่น และตั้งใจ ที่จะพัฒนาปรับปรุงสำนักสงฆ์ให้มีความเจริญรุ่งเรือง และยกฐานะสำนักสงฆ์ให้เป็น “วัดหัวเขา” ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา หลวงพ่ออิ่มได้พัฒนาวัดหัวเขามาตามลำดับจนกลายมาเป็นวัดที่เจริญมากในสมัยนั้น ปีพุทธศักราช ๒๔๔๔หลวงพ่ออิ่ม ได้ทำโบสถ์น้ำกลางวังสำโรง ศาลาลอย สร้างกุฏิสงฆ์ หอสวดมนต์ โบสถ์ ศาลาการเปรียญมณฑป บนยอดเขาวังสำโรงและเสนาสนะต่างๆ อย่างต่อเนื่องเป็นที่เชิดหน้าชูตาของบ้านหัวเขา(หลวงพ่ออิ่ม ท่านเป็นพระที่เคร่งในพระธรรมวินัย และญาณสมาบัติสูง)ทั้งนี้ หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค ได้กล่าวยกย่อง เรียกหลวงพ่ออิ่มว่า“พระเจดีย์”ซึ่งหมายถึงว่า เป็นพระภิกษุสงฆ์ที่น่าเคารพยกย่องเหมือนเป็นพระสถูป หรือพระเจดีย์ ที่ควรค่าแก่การสักการบูชา จึงมีพระภิกษุสงฆ์เดินทางมาฝากตัวเป็นลูกศิษย์มากมาย หลวงพ่ออิ่ม สิริปุญฺโญ ท่านมรณภาพ เมื่อวันอังคาร แรม ๒ ค่ำ เดือนยี่ ปีฉลู เวลา ๒๑.๑๐ นาฬิกา ตรงกับวันที่ ๑๘ มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๐ ในท่านั่งสมาธิ รวมสิริอายุได้ ๗๕ ปี ๕๑ พรรษา

พระมณฑปบนยอดเขา วัดหัวเขา

ประเพณีตักบาตรเทโว หมายถึง การทำบุญตักบาตรในวันที่พระพุทธเจ้าเสด็จลงจากเทวโลก ในวันมหาปวารณาคือวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑หรือวันออกพรรษาเป็นการระลึกถึงวันที่พระพุทธเจ้าเสด็จ ลงจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ หลังจากที่พระองค์แสดงพระอภิธรรมโปรดพระมารดา และทรงจำพรรษาที่นั้นเป็นเวลา ๓ เดือน (วันออกพรรษา) พระพุทธเจ้าจะเสด็จลงจากเทวโลกกลับมายังโลกมนุษย์ โดยเสด็จลงที่เมืองสังกัสส์ ใกล้กับเมืองพาราณสี ชาวบ้านชาวเมืองต่างทราบข่าวก็พากันไปทำบุญตักบาตรพระพุทธองค์ที่นั่น เพื่อเป็นการ รับเสด็จพระพุทธองค์ การตักบาตรรับเสด็จพระพุทธเจ้าจึงได้ปฏิบัติสืบเนื่องต่อกันมาเป็นประเพณี จึงเรียกประเพณีนี้ว่า การตักบาตรเทโวโรหณะ นิยมสั้นๆ ว่า การตักบาตรเทโว มาจนถึงปัจจุบัน

หลวงพ่ออิ่มเป็นพระนักพัฒนา หลังจากได้สร้างโบสถ์ วิหาร ศาลาการเปรียญ หมู่กุฏิต่างๆ ให้เจริญรุ่งเรืองสวยงามเป็นระเบียบเรียบร้อยแล้ว ท่านเห็นว่าบนยอดเขาวังสำโรงมีชัยภูมิที่ดีมีเนื้อที่กว้างขวาง และภูมิทัศน์เป็นสัปปยะเหมาะแก่การเรียนวิปัสสนากรรมฐานท่านจึงดำริที่จะสร้างมณฑป เพื่อใช้เป็นสถานที่ประกอบกิจกรรมทางพระพุทธศาสนาของวัดหัวเขา หลวงพ่ออิ่ม ได้ร่วมกับหลวงพ่อเปล่ง ซึ่งมีศักดิ์เป็นน้องชาย และศิษย์สำคัญของท่าน ที่เป็นกำลังสำคัญในการก่อสร้างมณฑปบนยอดเขาวังสำโรง รวมทั้งชาวบ้านหัวเขาต่างได้ร่วมแรงร่วมใจกันสละทั้งกำลังกาย และทุนทรัพย์ในการก่อสร้างมณฑปครั้งนี้ โดยมณฑปบนยอดเขาวังสำโรง เริ่มสร้างในราวพุทธศักราช ๒๔๗๓ แล้วเสร็จใน ปีพุทธศักราช ๒๔๘๒ หลังหลวงพ่ออิ่มมรณภาพได้ ๒ ปี พระมณฑปเป็นสถาปัตยกรรมไทยทรงจตุรมุขยอดแหลม กว้าง ๑๑ วา ๒ ศอกเศษ เสาสูง ๑๖ วา ๒ ศอกเศษ มีความสวยงามมาก เป็นสิ่งเชิดหน้าชูตาของชาวบ้านหัวเขาในสมัยนั้นเป็นอย่างยิ่ง

หลวงพ่ออิ่ม สิริปุญฺโญอดีตเจ้าอาวาสวัดหัวเขา ได้เป็นผู้ริเริ่มดำเนินการกำหนดให้มีการจัดงานประเพณีตักบาตรเทโว วัดหัวเขา เพื่อเป็นการระลึกถึงวันที่พระพุทธเจ้าเสด็จกลับจากการโปรดพระพุทธมารดา ในเทวโลก ประเพณีการทำบุญเนื่องในวันออกพรรษา (ประเพณีตักบาตรเทโว)หลวงพ่ออิ่มท่านได้กำหนดให้ตรงกับวันแรม ๒ ค่ำเดือน ๑๑ ของทุกปี แต่ไม่ทราบแน่นชัดว่าเริ่มขึ้นเมื่อปีพุทธศักราชใด ซึ่งได้ปฏิบัติสืบทอดกันมาเป็นระยะเวลา ๑๐๐ กว่าปีติดต่อกันมาจนถึงปัจจุบันทั้งนี้ การจัดงานประเพณีตักบาตรเทโว วัดหัวเขา ตำบลหัวเขา อำเภอเดิมบางนางบวช จังหวัดสุพรรณบุรีมีการทำบุญของชาวไทยเชื้อสายพุทธ จำนวน ๓ วัน ประกอบด้วย

- วันแรกของการจัดงาน มีการทำบุญตามประเพณีเนื่องในวันออกพรรษา ซึ่งปีนี้ตรงกับ วันพฤหัสบดีที่ ๒๑ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ (วันปวารณาหรือ วันมหาปวารณาหรือเรียกกันว่า "วันออกพรรษา" ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑) มีพิธีทำบุญตักบาตรตามประเพณีในตอนเช้า กราบนมัสการรูปหล่อจำลองหลวงพ่ออิ่ม สิริปุญฺโญ บนยอดเขาวังสำโรงของวัดหัวเขา กลางคืนชมมหรสพ

- วันที่สอง มีพิธีทำบุญตักบาตรตามประเพณีในตอนเช้า กราบนมัสการรูปหล่อจำลองหลวงพ่ออิ่ม สิริปุญฺโญบนยอดเขาวังสำโรงของวัดหัวเขา กลางคืนชมมหรสพ

- วันที่สาม ของจัดงานปีนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ ๒๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๔ (วันแรม ๒ ค่ำ เดือน ๑๑) เวลาประมาณ ๐๗.๐๐ น. เริ่มด้วยพิธีสวดเจริญพระพุทธมนต์ ต่อจากนั้นมัคนายกได้อัญเชิญพระพุทธรูป ขึ้นประดิษฐานบนล้อเลื่อนที่บุษบก หรือขบวนรถ ที่มีบาตรวางตั้งอยู่ด้านหน้าคนลากล้อเลื่อนไป ขบวนพระสงฆ์ภายในวัดหัวเขาเดินตามเรียงเป็นแถวงดงามจากมณฑปบนยอดเขาวังสำโรง เพื่อรับบิณฑบาตจากพุทธศาสนิกชน จะนั่งเรียงเป็นแถว และนำข้าวต้มลูกโยนข้าวสารอาหารแห้งมาใส่บาตรพระสงฆ์ ซึ่งถือว่าเป็นสัญลักษณ์ในการตักบาตรเทโว ขณะเดียวกันก็จะมีขบวนแห่จำลองเหตุการณ์ในสมัยพุทธกาล อาทิ เทวดา นางฟ้า เปรต สัตว์นรก ไปตามจินตนาการ การเคลื่อนขบวนจะเป็นไปอย่างช้าๆ พุทธศาสนิกชนรอตักบาตอย่างเนื่องแน่น เปรียบประดุจดังว่าเป็นวันที่พระพุทธเจ้าเสด็จลงจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ หลังจากเทศนาโปรดพุทธมารดา หลังจากนั้น กราบนมัสการ รูปหล่อจำลองหลวงพ่ออิ่ม สิริปุญฺโญบนยอดเขาวังสำโรงของวัดหัวเขา กลางวันชมการแข่งขันรถจักรยานยนต์ โมโตครอส กลางคืนชมมหรสพ

Location
วัดหัวเขา
Moo หัวเขา
Tambon หัวเขา Amphoe Doem Bang Nang Buat Province Suphan Buri
Details of access
Reference สภาวัฒนธรรมจังหวัดสุพรรณบุรี
Organization สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดสุพรรณบุรี Email suphanburi@m-culture.go.th
Road สุพรรณบุรี-ชัยนาท
Province Suphan Buri ZIP code 72000
Tel. 0-3553-6058 Fax. 0-3553-6045
Website http://province.m-culture.go.th/suphanburi
Comment
Please Login Before comment.

Username
Password
No comment.
ข้อมูลที่แสดงในระบบนี้ จัดเก็บโดยนักวิชาการวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม หากมีข้อเสนอแนะหรือข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อวัฒนธรรมจังหวัด
       ข้อมูลนี้เป็นประโยชน์หรือไม่