กลุ่มกะเลิงในอำเภอกุดบาก เป็นชาติพันทางภาษาและวัฒนธรรมกลุ่มหนึ่งที่มีความแตกต่างจากกลุ่มชาติพันธุ์อื่น เช่น ประวัติศาสตร์ความเป็นมาของกลุ่ม การเลือกหลักแหล่งการทำมาหากิน การประกอบอาชีพ และการวัฒนธรรม ภาษาพูด ถ้อยคำสำเนียง
ชาวกะเลิงมีการอพยพเคลื่อนย้ายเข้าในภาคอีสานหลายครั้ง และการอพยพครั้งใหญ่เกิดขึ้นเมื่อศึกฮ่อยกกำลังไปตีเมืองสิบสองจุไทในปี พ.ศ. 2416 และโจมตีเมืองหลวงพระบางในเวลาต่อมา การโจมตีเมืองในพระราชอาณาจักรสยามทำให้กองทัพไทยต้องยกกำลังไปปราบปรามจีนฮ่อหลายครั้งในปี พ.ศ. 2426,2428 และ 2430 การเกิดศึกทำให้คนตามเมืองต่าง ๆ เดือดร้อนจึงอพยพตามแม่ทัพ นองกอง นำเสบียงไปช่วยกองทัพไทยที่เมืองบริภัณฑ์นิคม จึงได้มีชนกลุ่มชาวกะเลิงติดตามกลับมาเป็นจำนวนมาก (เครือข่ายอินแปง : 2543 : 6)
บรรพบุรุษของชาวบ้านเดิมตั้งถิ่นฐานอยู่ในประเทศลาว บริเวณเมืองภูวานากระแด้งเมื่อเกิดศึกจีนฮ่อที่รุกรานชนกลุ่มน้อย ชาวกะเลิงจึงอพยพจึงหนีลงมาอยู่บริเวณเมืองมหาชัยกองแก้ว และบางส่วนอพยพข้ามลำน้ำโขงมาหาแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์บริเวณเทือกเขาภูพานชาวกะเลิงส่วนมากจะอยู่รอบ ๆ เทือกเขาภูพาน บรรพบุรุษของชาวบ้านกุดบากได้อพยพมาจากเมืองมหาชัยกองแก้ว โดยมีผู้นำชื่อนายเชียงพล ( เชียงเป็นคำที่เรียกว่าชายที่ผ่านการบวชเณร ) นางผันและพระนนท์พร้อมด้วยชาวบ้านจำนวนหนึ่งได้มาอาศัยอยู่ที่บริเวณภูคำเกียง (ทิศตะวันออกเฉียงใต้ของบ้านกุดบาก) เป็นเขตติดต่อกับจังหวัดกาฬสินธุ์ในปัจจุบัน จากนั้นได้อพยพมาทำมาหากินที่บริเวณห้วยวังทับ (ทิศใต้ของบ้านนาขาม) ตั้งถิ่นฐานอยู่นานจนเกิดโรคระบาด (โรคอหิวาตกโรค) อีกทั้งมีจำนวนประชากรเพิ่มขึ้น การทำมาหากินฝืดเคืองจึงได้หาพื้นที่ทำนาหากินใหม่ จนได้พบพื้นที่บริเวณหนองน้ำที่มีต้นบากขึ้นเป็นจำนวนมาก และบริเวณใกล้เคียงรอบ ๆ หนองน้ายังมีกอไผ่และป่าที่อุดมสมบูรณ์ สามารถหาอาหาร สมุนไพร สัตว์ป่าต่าง ๆ หน่อไม้ ผัก ซึ่งนิยมรับประทาน เป็นปัจจัยสำคัญในการดำเนินชีวิต ซึ่งบริเวณดังกล่าวนี้ได้เป็นที่ตั้งถิ่นฐานของชุมชน “กุดบาก” มาจนถึงปัจจุบัน
ในช่วงแรกที่อพยพมาอยู่ชาวกะเลิงประกอบอาชีพล่าสัตว์ เลี้ยงช้างเลี้ยงม้าเพื่อเป็นพาหนะในการเดินทาง ทำไร่เลื่อนลอย มีการปลูกข้าวไร่ ปลูกพริก ปลูกฝ้าย เพื่อเป็นอาหารและนำฝ้ายมาทำเป็นเครื่องนุ่มห่ม และบางครั้งนำมาแลกเปลี่ยนกับคนกลุ่มอื่น