วัดหางน้ำสาคร ตั้งอยู่เลขที่ ๑๑๑ บ้านหางน้ำสาคร หมู่ที่ ๔ ตำบลหางน้ำสาคร อำเภอมโนรมย์ จังหวัดชัยนาท สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย ที่ดินที่ตั้งวัดมีเนื้อที่ ๑๐ ไร่ ๒ งาน ๔๕ ตารางวา ส.ค.๑ เลขที่ ๑๓๒
อาณาเขต ทิศเหนือ จดทางหลวงและที่ดินเอกชน
ทิศใต้ จดที่ชลประทาน
ทิศตะวันออก จดทางสาธารณะประโยชน์และที่ธรณีสงฆ์วัดหางน้ำสาคร
ทิศตะวันตก จดคลองอนุศาลนันท์ (ชัยนาท-ปั่ก)
มีที่ธรณีสงฆ์ จำนวน ๖ แปลง เนื้อที่ ๕๖ ไร่ ๔๒.๑๓ ตารางวา โฉนดที่ดินเลขที่ ๑๖๖๑๘, ๑๖๖๑๙, ๔๖๘๕, ๔๖๘๖, ๔๖๘๗ และ ๔๖๘๘
อาคารเสนาสนะ ประกอบด้วย
อุโบสถ กว้าง ๙.๒ เมตร ยาว ๒๖ เมตร สร้างเมื่อ พ.ศ.๒๕๒๘-๒๕๓๕ เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก
ศาลาการเปรียญ กว้าง ๓๒ เมตร ยาว ๓๔.๕ เมตร สร้างเมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๖ เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก
หอสวดมนต์ กว้าง ๘.๕ เมตร ยาว ๑๕ เมตร เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก
กุฏิสงฆ์ จำนวน ๑ หลัง เป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก (๔ ชั้น) ๑ หลัง
วิหาร กว้าง ๙.๕ เมตร ยาว ๑๓ เมตร เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก สร้างเมื่อ พ.ศ. ๒๕๔๑-๒๕๔๒ หลังที่ ๒ กว้าง ๖.๖ เมตร ยาว ๗.๓๒๐ เมตร สร้างเมื่อ พ.ศ. ๒๕๕๒-๒๕๕๓
ศาลาอเนกประสงค์ กว้าง ๑๑ เมตร ยาว ๑๒ เมตร เป็นอาคารไม้
ศาลาบำเพ็ญกุศล จำนวน ๔ หลัง สร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก ๓ หลัง เป็นอาคารครึ่งตึกครึ่งไม้ ๑ หลัง
นอกจากนี้มี ฌาปนสถาน ๑ หลัง หอระฆัง ๑ หลัง หอกลอง ๑ หลัง โรงครัว ๑ หลัง เรือนเก็บพัสดุ ๑ หลัง โรงเก็บเกวียนเก่า ๑ หลัง
ปูชนียวัตถุ มีพระประธานประจำอุโบสถ ปางมารวิชัย ขนาดหน้าตักกว้าง ๒ เมตร สูง ๒.๖ เมตร สร้างเมื่อ พ.ศ. ๒๕๓๕ พระประธานประจำศาลาการเปรียญ ปางมารวิชัย ขนาดหน้าตักกว้าง ๑ เมตร สูง ๑.๓๐ เมตร สร้างเมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๖ ปูชนียวัตถุอื่นๆ พระประจำศาลาธรรมสังเวช ปางมารวิชัย หน้าตักกว้าง ๑.๒๐ เมตร สูง ๑.๕๐ เมตร พระพุทธรูปทองคำ ๔ องค์ หน้าตักกว้าง ๒ นิ้ว, ๓.๕ นิ้ว ค้นพบในเจดีย์ เมื่อ พ.ศ. ๒๕๔๗
วัดหางน้ำสาคร ตั้งเมื่อ พ.ศ. ๒๔๔๒ โดยมีชาวบ้านหางน้ำสาคร ช่วยกันสร้างวัดนี้ขึ้นและชาวบ้านส่วนใหญ่ได้อพยพมาจากบ้านหนองโพ จังหวัดนครสวรรค์
อุโบสถหลังเก่าสร้างโดยหลวงพ่อเดิม ต่อมาภายหลังพระครูอุดมชัยสารได้ทำการรื้อถอนและสร้างอุโบสถหลังใหม่ขึ้นมาแทน โดยสมัยพระครูวิจิตรชัยการ (หลวงพ่อสด) ได้ก่อสร้างอาคารตึกสูง ๔ ชั้น ชั้นแรกเป็นห้องโถงใต้ถุนสูง ชั้นที่ ๒ ใช้เป็นศาลาการเปรียญ ชั้น ๓ ใช้เป็นกุฏิสงฆ์ และกำลังก่อสร้างได้เฉพาะด้านเหนือ หลังจากที่พระครูวิจิตรชัยการมรณภาพ เมื่อ พ.ศ.๒๕๒๔ การบูรณะก่อสร้างก็ชะงักไป จนปี พ.ศ.๒๕๔๗ ได้มาเริ่มก่อสร้างจนเป็นตึกที่สวยงาม พระครูวิตรนั้นได้สร้างอาคารเสนาสนะ คือ สร้างโรงครัว เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก ใต้ถุนโปร่ง สร้าง พ.ศ.๒๕๔๕ สร้างโรงเรือนเก็บเกวียนและอุปกรณ์ทำนา เป็นอาคารไม้ชั้นเดียวโปร่ง พ.ศ. ๒๕๔๖ บูรณะก่อสร้างตึกเพิ่มเติมจากที่หลวงพ่อสดสร้างไว้ บูรณะองค์เจดีย์ที่ชำรุด สร้างหอระฆัง ๑ หลัง บนชั้นที่ ๔ ของตึก สร้างศาลาธรรมสังเวชหลังใหม่ ๑ หลัง เป็นอาคารไม้ในปี พ.ศ.๒๕๔๘-๒๕๔๙ สร้างศาลาประธานหน้าเมรุ ๑ หลัง เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก ปี พ.ศ. ๒๕๕๐-๒๕๕๑ ครอบครัวภาณุโรจน์ ซื้อสิทธิครอบครองที่ดินด้านทิศเหนือถวายให้วัดจำนวน ๒ ไร่ ๑ งานเศษ เมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ.๒๕๔๗ ทำการสร้างกำแพงที่ดินใหม่ เมื่อเดือนกรกฎาคม พ.ศ.๒๕๔๘ สร้างแพลอยน้ำขึ้น
ส่วนสมัยพระอธิการสมบูรณ์ อิสฺสรธมโม เจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน ได้ทำการสร้างแพลอยน้ำเพิ่มเติม และทำการก่อสร้างมณฑปเพิ่มเติม จัดสร้างห้องสุขาชาย-หญิง และคนพิการ ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๖๘ เขตวิสุงคามสีมา กว้าง ๘๐ เมตร ยาว ๑๒๐ เมตร
การศึกษา มีโรงเรียนพระปริยัติธรรมแผนกธรรม เปิดสอนเมื่อ พ.ศ.๒๔๗๒
การบริหารและการปกครอง มีเจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน คือ พระอธิการสมบูรณ์ อิสฺสรธมฺโม