ร่วมแสดงความคิดเห็นกับเรา
ขอขอบคุณสำหรับการเยี่ยมชมเวบไซต์ m-culture.in.th

เราได้จัดทำแบบสำรวจแบบง่ายๆ เพื่อจะ
ได้ทราบถึงสิ่งที่ผู้เยี่ยมชมเวบไซต์เรา
ชอบและให้เราได้เรียนเกี่ยวกับคุณมากขึ้น
 
Latitude : N 17° 27' 21.7166"
17.4560324
Longitude : E 99° 59' 32.0485"
99.9922357
No. : 138589
ประเพณีบวชนาคสามัคคีตำบลนครเดิฐ
Proposed by. boonchuboonchu Date 11 June 2012
Approved by. สวจ.สุโขทัย Date 12 August 2012
Province : Sukhothai
0 284
Description

ประเพณีบวชนาคสามัคคีตำบลนครเดิฐ

การบวช เป็นกรณียกิจประจำชีวิตของพุทธศาสนิกชนมานานแล้ว ถือกันเคร่งครัดมาก เพราะการบวชเป็นการเปลี่ยนชีวิตจิตใจที่เคยฟุ้งซ่าน ซึ่งหมกมุ่นอยู่กับเรื่องของโลก ให้อยู่ในอาการสงบ

คำว่า “บวช” เห็นจะมาจากศัพท์ว่า “ปวช” อ่านว่า “ปะวะชะ” แปลว่า “เว้นจากสิ่งที่ควรเว้นทั่วๆ ไป”หมายความว่า สิ่งใดที่เป็นไปเพื่อความหมกมุ่นมัวเมาหรือฟูกิเลส ก็เว้นสิ่งนั้นเสีย นี้เป็นความหมายคำว่า “บวช”การบวชนี้ ตอนแรกพระพุทธองค์ทรงบวชให้เอง ซึ่งเรียกว่า “เอหิภิกขุ อุปสัมปทา” คือ บวชโดยวิธีที่พระพุทธองค์ทรงเปล่งวาจาว่า “มาเถิด ภิกษุ ธรรม เรากล่าวดีแล้ว ท่านจงประพฤติพรหมจรรย์ เพื่อพ้นทุกข์โดยทางที่ชอบเถิด” หรือ เพียงว่า “มาเถิด ภิกษุ จงประพฤติพรหมจรรย์เถิด” ดังนี้ เป็นอันผู้นั้นได้รับบวชเป็นภิกษุในพระศาสนาแล้วโดยสมบูรณ์ ภายหลังเมื่อมีผู้บวชเป็นสาวกมากขึ้น พระพุทธองค์จึงส่งไปประกาศพระศาสนาตามที่ต่าง ๆ สาวกไปประกาศพระศาสนาถึงไหนต้องพามาเฝ้าพระพุทธองค์ ทำให้ได้รับความลำบากมาก เพราะทางกันดารไปมาลำบากด้วยเหตุนี้ พระองค์จึงทรงอนุญาตให้พระสาวกบวชกุลบุตรได้เอง โดยวิธีที่ให้ผู้จะบวชโกนผม โกนหนวด นุ่งห่ม ผ้ากาสาวพัสตร์เข้ามากราบเท้าภิกษุ แล้วภิกษุผู้เป็นอาจารย์บอกให้ว่าตามว่า “พุทธํ สรณํ คจฺฉามิ, ธมฺมํ สรณํ คจฺฉามิ, สงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ.”แปลว่า “ข้าพเจ้าขอยึดพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่พึ่ง” ดังนี้ เป็นอันเสร็จพิธีบวช การบวชชนิดนี้ เรียกว่า “ติสรณคมนูปสัมปทา” คือ การบวชด้วยวิธียึดไตรสรณคมน์เป็นที่พึ่ง ครั้นกาลต่อมาพระสงฆ์มีมากขึ้น พระพุทธองค์ทรงมอบอำนาจในการบวชให้เป็นหน้าที่ของสงฆ์ ไม่ทรงให้อำนาจแก่เอกชน ให้สงฆ์พร้อมเพรียงกันในการรับคนบวช เป็นอันยกเลิกการบวชด้วยเอหิภิกขุอุปสัมปทาและติสรณคมน์นูปสัมปทา ดังที่กล่าวแล้วนั้นเสีย การวบวชวิธีที่ ๓ นี้ เรียกกว่า “ญัตติจตุตถกรรม” คือ ประกาศให้สงฆ์รู้ ๔ ครั้ง ครั้นประกาศให้รู้ว่า คนชื่อนั้นจะขอบวช เรียกว่า “ญัตติ” แล้วประกาศขออนุมัติต่อสงฆ์ เพื่อรับผู้นั้นบวชอีก ๓ ครั้ง เรียกว่า “อนุสาวนา” รวมญัตติ ๓ ครั้ง อนุสาวนา ๓ ครั้ง เรียกว่า “ญัตติจตุตถกรรม” การที่พระพุทธองค์ทรงมอบอำนาจการบวชให้แก่สงฆ์โดยสิ้นเชิงนั้นเป็นกุศโลบายอย่างสำคัญในอันที่จะดำรงพระศาสนาให้ถาวรอยู่ได้จนทุกวันนี้ เพราะถ้าอำนาจการบวชอยู่แก่บุคคลดังวิธีที่ ๑ คือ เอหิภิกขุอุปสัมปทา ก็อยู่ได้เพียงชั่วพระพุทธเจ้ายังทรงพระชนม์อยู่ และวิธีที่ ๒ คือ ติสรณคมนูปสัมปทา ก็อยู่ได้เพียงชั่วอายุของพระสาวกเหล่านั้นเท่านั้น เมื่อมอบอำนาจให้สงฆ์เช่นนี้ ก็ยั่งยืนอยู่ได้ตลอดมาตราบเท่าถึงทุกวันนี้ และยังจะมีตลอดไปจนที่สุดพระศาสนา การบวชด้วยญัตติจตุตถกรรม เป็นหลักที่ทำอยู่ทุกวันนี้ และมีพิธีเพิ่มเติมอีกหลายอย่าง แต่เป็นพิธีดีซึ่งนิยมทำกันมา

การบวช ถ้าบวชเป็นสามเณร เรียกว่า “บรรพชา” ถ้าบวชเป็นพระ เรียกว่า “อุปสมบท” ในที่นี้จะพูดเฉพาะบวชพระ แต่ก่อนที่จะเป็นพระ ตามธรรมเนียมก็ต้องขอบรรพชาเป็นสามเณรก่อนเสมอ แล้วขออุปสมบทในลำดับต่อไป

ประเพณีของชาวไทยเรา เมื่ออายุครบ ๒๐ ปีหรือมากกว่านั้น ซึ่งเป็นอายุอยู่ในเกณฑ์ที่ถือกันว่า มีใจคอหนักแน่น อดทนต่อความหิวกระหายได้ ก็เตรียมตัวบวช เตรียมเครื่องอัฐบริขาร คือ สบง จีวร สังฆาฎิ บาตร มีดโกน เข็ม รัดประคด หม้อกรองน้ำรวม ๘ อย่างไว้ให้ครบ ก่อนบวชประมาณ ๑๕ วัน หรือ ๑ เดือน ต้องนำลูกหลานที่จะบวชไปฝากอยู่กับพระ เพื่อท่องขานนาค แล้วซ้อมพิธีบวชในเวลาอันสมควร ตอนนี้ เรียกว่า “นาค” ตอนเป็นนาคนี้สำคัญ กำลังมีสง่าราศี ไม่ให้เที่ยวแตร่ เพราะถ้าไปมีเรื่องขึ้นก็ไม่ได้บวช พ่อแม่หรือผู้ปกครองจึงกวดขันลูกหลานของตนตอนที่เป็นนาคมาก

ประเพณีการบวช มีมาแต่สมัยพระพุทธเจ้า ยังทรงพระอยู่ การบวชมี ๓ ประเภท

๑. พระพุทธเจ้าบวชเอง เรียกว่าเอหิภิกขุอุปสัมปทา

๒. การบวชด้วยการเข้าถึงไตรสรณคม พระสงฆ์ที่เผยแพร่ศาสนายุคแรกๆ บวช

ปัจจุบันวิธีนี้เปลี่ยนมาเป็นวิธี บวชสามเณร

๓. การบวชที่พระพุทธเจ้าทรงมอบให้พระสงฆ์เป็นใหญ่ ซึ่งเป็นวิธีที่ใช้ในปัจจุบัน โดยกำหนด

พระสงฆ์ ที่รับบวชในมัชฌิมประเทศ คือในสถานที่ที่หาพระสงฆ์ได้ง่าย กำหนดให้พระสงฆ์ ๑๐ รูป ขึ้นไป รับบวชพระได้ ถ้าอยู่ในที่กันดานหาพระสงฆ์ยาก ทรงอนุญาตให้พระ ๕ รูปก็บวชพระได้ การบวชนาคสามัคคี ส่วนใหญ่แล้ววัดจะเป็นผู้ดำเนินการจัด เพราะเข้าใจรูปแบบและวิธีการได้ดี ส่วนในตำบลนครเดิฐ สภาวัฒนธรรมอำเภอศรีนคร และสภาวัฒนธรรมตำบลนครเดิบ และอบต. นครเดิฐ ร่วมดำเนินการจัดหลายปีผ่านมา เป็นประเพณีที่สำคัญประจำตำบลนครเดิฐ อำเภอศรีนคร จังหวัดสุโขทัย โดยรับการสนับสนุนงบประมาณจาก องค์การบริหารส่วนตำบลนครเดิฐทุกปี ดังนี้

๑. ครั้งแรก ณ วัดจันวนาประชากร(ดงจันทน์) มีผู้บวช ๑๔ รูป เมื่อวันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๔๗

๒. ณ ปัจจันตคารามวาสี (วัดหนองแหน) เมื่อวันที่ ๒๔-๒๕ มีนาคม ๒๕๔๘

มีผู้สมัครบวช ๒๑ รูป

๓. ณ วัดบึงสวย เมื่อวันที่ ๒๘-๒๙ มีนาคม ๒๕๔๙ มีนาคทั้งหมด ๑๕ รูป

๔. ณ วัดบึงงาม เมื่อวันที่ ๑๘-๑๙ เมษายน ๒๕๕๐ มีนาคทั้งหมด ๒๖ รูป

๕. ณ วัดจันวนาประชากร (วัดดงจันทน์) กำหนดวันที่ ๒๙-๓๐ มีนาคม ๒๕๕๑ นาค ๑๙ รูป

๖ ณ ปัจจันตคารามวาสี (หนองแหน)กำหนดวันที่ ๒๙ –๓๐ มีนาคม ๒๕๕๒ นาค๑๖ รูป

๗ ณ วัดบึงสวย กำหนดวันที่ ๒๙ –๓๐ มีนาคม ๒๕๕๓ นาค ๑๙ รูป

๘ ณ วัดบีงงาม กำหนดวันที่ ๒๙ –๓๐ มีนาคม ๒๕๕๔ นาค ๒๐ รูป

๙ ณ วัดจันวนาประชากร(ดงจันทน์) กำหนดวันที่ ๒๙ –๓๐ มีนาคม ๒๕๕๕ นาค ๑๙ รูป

การจัดบวชแบบสามัคคีนี้เป็นการจัดแบบประหยัด สิ้นค่าใช้จ่ายน้อย แต่ได้ผลคุ้มค่าทั้งในด้านปริมาณและคุณภาพ ถือเป็นงานชิ้นโบแดงของ องค์การบริหารส่วนตำบลนครเดิฐเรียกว่าการบวชนาคสามัคคีเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเทพรัตนพระราชสุดา สยามบรมราชกุมารี จัดงานวันที่พระองค์ท่านพระราชสมภพ ไม่เกิน ๗ วัน ระเบียบพิธีและรายละเอียดต่าง ก็หาดูได้จากหนังสือมนต์พิธี และหนังสือประเพณีพื้นบ้านในห้องสมุดทั่ว ๆ ไป

Location
ตำบลนครเดิฐ อำเภอศรีนคร
Tambon นครเดิฐ Amphoe Si Nakhon Province Sukhothai
Details of access
สภาวัฒนธรรมตำบลนครเดิฐ
Reference นายบัณฑิต การินตา ประธานสภาวัฒนธรรมตำบลนครเดิฐ
Organization สำนักงานสภาวัฒนธรรมตำบลนครเดิฐ
Moo 10 /บ้านบึงเจริญ Road บึงสวย - หนองซาน
Tambon นครเดิฐ Amphoe Si Nakhon Province Sukhothai ZIP code 64180
Tel. 0871945567
Comment
Please Login Before comment.

Username
Password
No comment.
ข้อมูลที่แสดงในระบบนี้ จัดเก็บโดยนักวิชาการวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม หากมีข้อเสนอแนะหรือข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อวัฒนธรรมจังหวัด
       ข้อมูลนี้เป็นประโยชน์หรือไม่