พระสมุห์ ศศิพงศ์ (ครูบาน้ำมนต์) สีลสํวโรเกิดวันศุกร์ ที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ.2521 ปีมะเมีย ขึ้น 13 ค่ำ เดือน 8 เหนือ 6 ใต้ เวลาเที่ยงวันณ บ้านเลขที่ 250 หมู่ 6 บ้านแม่กุ้งหลวง ตำบลทุ่งต้อม อำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่ เป็นบุตรชายคนแรกของพ่อจม แม่คำ นามสกุล ชุ่มศรี มีน้องชายชื่อวธัญญู ชุ่มศรี เดิมท่านชื่อประยุทธ์ ชุ่มศรึ

ก่อนที่ท่านจะเกิดแม่ท่านได้ฝันเห็นมีคนแก่เอาพระพุทธรูปมาให้และฝันว่ามีเด็กผิวขาวลอยจากบนฟ้ามาขอเป็นลูก พอแม่คำตกใจตื่นก็เล่าความฝันให้ชาวบ้านฟังทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเป็นฝันดี จะได้ลูกเกิดมาเป็นผู้มีบุญธิการเมื่อมีเวลาผ่านไปแม่คำก็ตั้งท้องขึ้นจนถึงได้กำเนินคลอด ก็ได้เกิดเหตุการณ์ขึ้นมาในหมู่บ้านบ้านคือพายุฝนตกหนักจนน้ำท่วมหมู่บ้านไม่สามารถใช้รถได้จนต้องใช้เรือเป็นพาหนะในการเดินทางแทน เมื่อแม่คำเจ็บท้องจะคลอดจึงไม่สามารถเดินทางไปโรงพยาบาลได้ พ่อจมจะต้องเดินทางไปหาหมอตำแยที่อยู่ในหมู่บ้านไกลออกไป ชื่อว่าแม่อุ้ยฟอง บ้านหนองไคร้เมื่อมาถึงแม่อุ้ยฟองก็จัดเตรียมสิ่งของสถานที่เพื่อที่จะให้แม่คำคลอด เมื่อท่านครูบาเกิดออกมาปรากฏว่ามีสายรกพันพาดเฉวียงบ่าและพายุฝนที่พัดกระหน่ำอย่างแรงก็หยุดลงเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น แม่อุ้ยฟองจึงได้บอกว่าเด็กคนนี้ภายหน้าจะได้บวชอยู่ในพุทธศาสนาอย่างแน่นอน

เมื่อวัยเด็กท่านครูบามีนิสัยขยันมั่นเพียรชอบทำบุญไหว้พระกับปู่ย่าตายาย ชอบนั่งสมาธิจนเป็นเด็กเรียนเก่งและเป็นที่รักของคนในหมู่บ้าน ถึงแม้จะมีฐานะยากจนแต่ก็ขยันและเป็นคนดีตั้งแต่เด็กจนเรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่โรงเรียนบ้านแม่กุ้งหลวง พ่อจมจึงได้พาไปเป็นเด็กวัดอยู่กับท่านพระครูสถิตบุญญารัตน์ เจ้าคณะตำบลทุ่งต้อม เจ้าอาวาสวัดบุญนาคซึ่งมีศักดิ์เป็นตาของท่านจนถึงอายุครบบวช จึงได้ทำการบรรพชาบวชเป็นสามเณรอยู่ที่วัดบุญนาคและเรียนนักธรรมศึกษาธรรมวินัยจนจบ จึงได้เรียนหนังสือสายสามัญศึกษาต่อที่ศูนย์การศึกษานอกโรงเรียน (กศน.) สันป่าตองจนจบมัธยมศึกษาปีที่ 3 และได้ต่อมัธยมศึกษาปีที่ 4 ที่โรงเรียนสามัคคีวิทยาทาน วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร อำเภอเมืองเชียงใหม่ และได้ย้ายไปอยู่ที่วัดทรายมูล อำเภอหางดง เพื่อศึกษาวิชาต้องลายกระดาษทำปราสาทศพนกหัสดิลิงค์กับ ท่านพระครูปิยธรรมานุสิฐ ได้ระยะหนึ่งคณะศรัทธาวัดสุพรรณรังษี บ้านแม่กุ้งหลวงได้มากราบนิมนต์ให้กลับไปจำพรรษาอยู่ที่วัดบ้านเกิด เนื่องจากทางวัดไม่มีสามเณร

เมื่อท่านกลับมาจำพรรษาอยู่ที่วัดสุพรรณรังษีได้ไม่นานก็ต้องลาสิกขา เนื่องจากครอบครัวยากจนจึงต้องหาเงินมาเลี้ยงครอบครัว แต่เหตุการณ์เป็นไปอย่างคิดเพราะท่านครูบากลับป่วยหนักจนไม่สามารถแม้แต่จะลุกนั่งได้จนครอบครัวคิดว่าต้องตายแน่ ทางญาติพี่น้องจึงพากันไปถามร่างทรงจึงได้คำตอบว่าท่านยังมีบุญผ้าเหลืองอยู่ไม่ว่าด้วยเหตุใดก็ห้ามลาสิกขา เพราะเหตุนี้ ท่านจึงต้องได้กลับมาบรรพชาบวชใหม่อีกครั้งหนึ่งในอายุ 18 ปี

เมื่อกลับมาเป็นสามเณรท่านก็ได้ศึกษาปฏิบัติธรรมฝึกกรรมฐานสายวิปัสสนาครูบาเจ้าศรีวิชัยนักบุญแห่งล้านนาไทยจนอายุได้ 20 ปี จึงได้ทำการอุปสมบทเป็นพระภิกษุ โดยมีพระครูสันตจิตตานุยุตเป็นพระอุปัชฌาย์ มีพระอธิการบุญรัตน์ ปุญฺญรตโนเป็นพระกรรมวาจา มีพระครูคำปันเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2541 ในฉายาทางพระพุทธศาสนาว่าสีลสํวโรและได้รับตำแหน่งเป็นรักษาการเจ้าอาวาสวัดสุพรรณรังษีจนถึงปี พ.ศ. 2548 จึงได้รับตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสวัดสุพรรณรังษีตั้งบัดนั้นเป็นต้นมา

ตลอดระยะเวลาที่ท่านกลับมาบวชอยู่ในศาสนาท่านได้ปฏิบัติธรรมประพฤติดีปฏิบัติชอบตามหลักพระธรรมวินัยมา โดยตลอดและได้ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาหลายอย่างด้วยกัน เช่น 1. พระวิหารวัดสุพรรณรังษี และเสนาสนะภายในวัด 2. สร้างบันไดและลานปฏิบัติธรรมวัดม่อนจอมธรรม จังหวัดลำพูน 3. สร้างพระธาตุเจดีย์วัดบุญนาค อำเภอสันป่าตอง 4. สร้างพระประธานในพระวิหารและหน้าบันวิหาร วัดแม่วิน อำเภอแม่วาง 5. สร้างพระวิหาร วัดดงเย็น อำเภอจอมทอง 6. บูรณะวิหารและเจดีย์ วัดผาลาด อำเภอเมืองเชียงใหม่ 7. สร้างวัดและห้องสมุดหมู่บ้านแม่ต๋อม อำเภออมก๋อย 8.สร้างศาลาปฏิบัติธรรมวัดทุ่งบุรี อำเภอแม่วาง ฯลฯ

ด้วยจริยะวัตรอันดีและการปฏิบัติในศีลธรรมกรรมฐานปัจจุบันท่านจึงได้รับดำรงตำแหน่งเป็น 1. พระฐานานุกรมในพระญาณสมโพธิที่พระสมุห์ 2. เป็นประธานศูนย์อบรมประชาชนตำบลทุ่งต้อม (อ.ป.ต.) 3. ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์วัดสุพรรณรังษี (ศ.พ.อ.) 4. ครูสอนศีลธรรมของมหาวิทยาลัยมกุฏราชวิทยาลัย วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร และได้รับรางวัลดีเด่นประจำอำเภอ และจังหวัดมาโดยตลอด

ด้วยภารกิจและจริยวัตรอันดีงามของท่านหากมีผู้สนใจหรือจิตศรัทธาที่จะทำบุญหรือฝึกปฏิบัติธรรมกับท่านพระครูบาให้ติดต่อได้ที่053-312363 หรือ 082-6251626