ลิเก คณะคุณ ป.ปากควาย หรือคณะหยาดนภา ดาวรุ่ง
นายมณฑล อโหสิ เกิดเมื่อวันพุธ เดือนกันยายน พ.ศ. 2498 ปีมะแม อายุ 49 ปี นับถือศาสนาพุทธ สถานที่เกิด ตำบลงิ้วราย อำเภอตะพานหิน จังหวัดพิจิตร บิดาชื่อ นายมงคล อโหสิ มารดาชื่อ นางทองหล่อ อโหสิ จำนวนพี่น้อง 4 คน ชาย 2 คน หญิง 2 คน ได้แก่ นางคารม อโหสิ นางไพเราะ อโหสิ นายมณฑล อโหสิ นายเมฆินทร์ อโหสิ
สมรสกับ นางสกาวรัตน์ อโหสิ จำนวนบุตร 3 คน ชาย 2 คน หญิง 1 คน ได้แก่ นายอภิรักษ์ อโหสิ นางสาวรุ่งนภา อโหสิ และ เด็กชายมณเฑียร อโหสิ
การศึกษา ระดับประถมศึกษา ชั้นปีที่ 4 โรงเรียนเทศบาล ท่าหิน ตำบลท่าหิน อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี สถานที่อยู่ปัจจุบัน บ้านเลขที่ 31/5 หมู่ที่ 1 ตำบลดงป่าคำ อำเภอเมือง จังหวัดพิจิตร โทรศัพท์ 0-5667-4086
การสืบเชื้อสายศิลปิน จากบิดา นายมงคล อโหสิ เป็นศิลปินลิเก มีสมญานามว่า ขุน ปากครก มีพี่น้อง ภรรยาและบุตรเป็นการแสดงประเภทลิเกด้วย
ประวัติการแสดง เริ่มฝึกหัดการแสดงลิเกเมื่อปี พ.ศ. 2511 อายุ 13 ปี สิ่งที่กระตุ้น
ให้รักงานการแสดงลิเก คือ เติบโตมาก็อยู่ในวิกลิเกเห็น บิดา มารดา แสดงอยู่เสียงปี่พาทย์ตะโพนฝังใจ เริ่มฝึกหัดจริงตอนอายุ 15 ปี กับพี่ชายต่างมารดา ชื่อนคร อโหสิ สอนให้นั่งดูตอนพี่แสดงความรู้สึกในการแสดงครั้งแรก อาย ประหม่า ไม่มองคนดู ขาสั่นและกลัวผิด
การรับมอบ-ครอบครู-ไหว้ครู ทำประจำทุกปี ประกอบด้วย ดอกไม้ ธูปเทียน หญ้าแพรก เงิน 12 บาท หัวหมู เป็น ไก่ ผลไม้ และสุรา
เป็นหัวหน้าคณะที่สมบูรณ์เมื่ออายุ 26 ปี ชื่อ คณะอภิรักษ์ ดาวรุ่ง หรือหยาดนภา ดาวรุ่งสมาชิกในคณะมีจำนวน 12 คน ผู้แสดง 12 ใช้นักดนตรีจากที่ต่างๆ ค่าแสดงครั้งแรก 20 บาท ผลงานการแสดงส่วนใหญ่เล่นบทตัวโจ๊ก มีสมญานามของตนเองว่า ป. ปากควาย มีผลงานการประพันธ์เรื่อง แต่งกลอนลิเกบ้าง และยังคงแสดงอยู่เป็นประจำ มีความชำนาญพิเศษในสาขา คือ แต่งเพลงและกลอน อุดมการณ์ในการแสดง คือ “ไม่ว่าเราจะเป็นหัวหน้าหรือลูกน้อง ต้องแสดงให้เต็มที”
ผลงานการแสดงประกวดสุดยอดลิเก OTOP ครั้งที่ 2 ประจำปี 2548 ชื่อเรื่องการแสดง “สายเลือดเดียวกัน” จำนวนผู้แสดง 6 คน ประกอบด้วย
1. นายไพโรจน์ แสงทอง 2. นางสาวรุ่งนภา อโหสิ (บุตรสาว)
3. นายมณฑล อโหสิ 4. นายศักดิ์ชัย กระจ่างเอี่ยม
5. นายบุญสว่าง บัวหลวง 6. นางอนุ บัวหลวง
บทย่อเนื้อเรื่อง “สายเลือดเดียวกัน”
“กษัตริย์ภูมินทร์ ครองเมืองชัยยะบุรี เมียชื่อรัศมี มีลูกสองคน ชายหนึ่ง หญิงหนึ่ง ยังเล็กอยู่ เกิดสงครามกับเมืองเสปุระ องค์หญิงรัศมี อุ้มลูกชายหนีไป องค์ภูมินทร์
ถูกจับตัวพร้อมลูกหญิง ต่อมา องค์ภูมินทร์ได้แต่งงานกับราชธิดาแห่งเมืองเสปุระ และเปลี่ยนชื่อจาก “ภูมินทร์” เป็น “บาระมี” ส่วนลูกสาวชื่อ “ผกามาศ” บาระมี รัก และหวงมาก
ขวัญเมือง เป็นแม่ทัพแห่งเมืองเสปุระ แอบรักกับราชธิดาผกามาศ ราชธิดาผกามาศนัดแม่ทัพขวัญเมืองมาพบ องค์บารมีหรือภูมินทร์มาเห็น ไล่ขวัญเมืองไป ผกามาศขอไปชมอุทธยาน
“เสมา” คือลูกขององค์ภูมินทร์ ซึ่งรัศมีหนีสงครามมาอาศัยวัดอยู่ เสมาอยากรู้อดีตว่ามาจากไหน องค์หญิงรัศมีบวชชี เสมาถาม แต่แม่ชีไม่บอก หลวงตาหมูเป็นคนบอก เสมา แค้นใจเดินทางเข้าเมืองเสปุระ เพื่อแก้แค้น ราชธิดาผกามาศ กับเสมาพบกัน เมื่อเสมารู้ว่าผกามาศคือธิดาแห่งเสปุระก็ข่มขืนราชธิดาผกามาศ มาบอกกษัตริย์บารมี กษัตริย์บารมีสั่งให้ขวัญเมืองออกจับเสมา
เสมา เจอกับ ขวัญเมือง จึงเกิดการสู้กัน ขวัญเมืองแพ้ กษัตริย์บารมีเข้าช่วยจับเสมาได้กษัตริย์บารมีให้ผกามาศฆ่าเสมา”