ร่วมแสดงความคิดเห็นกับเรา
ขอขอบคุณสำหรับการเยี่ยมชมเวบไซต์ m-culture.in.th

เราได้จัดทำแบบสำรวจแบบง่ายๆ เพื่อจะ
ได้ทราบถึงสิ่งที่ผู้เยี่ยมชมเวบไซต์เรา
ชอบและให้เราได้เรียนเกี่ยวกับคุณมากขึ้น
 
ละติจูด (รุ้ง) : N 16° 8' 54.6583"
16.1485162
ลองจิจูด (แวง) : E 103° 24' 6.818"
103.4018939
เลขที่ : 108730
ปั้นหม้อ
เสนอโดย วันที่ 17 สิงหาคม 2554
อนุมัติโดย virach วันที่ 7 กรกฎาคม 2555
จังหวัด : มหาสารคาม
11 691
รายละเอียด

วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการปั้นหม้อ

1. ดิน (ดินตามที่เหมาะในการเพาะปลูกและเหมาะในการปั้นหม้อ) โดยปกติดินที่ใช้ในการปั้นหม้อเป็นการผสมกันระหว่างดินเหนียวและดินเชื้อ ซึ่งดินเหนียวเป็นดินที่หาได้จากหนองเลิง ชาวบ้านหม้อถือเป็นเส้นโลหิตของหมู่บ้านก็ว่าได้ส่วนดินเชื้อได้จากดินโคลนผสมกับแกลบในหลุมลึกประมาณ 1 เมตร ในอัตราส่วน 1 ต่อ 1 ก็จะเป็นดินที่สามารถนำปั้นหม้อได้

2. ครกไม้ ทำด้วยไม้ที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 30 ซม. สูงประมาณ 1 เมตร ใช้เครื่องมือเจาะเป็นโพรงตรงกลางให้เกือบจะทะลุอีกด้านเหลือไว้ประมาณ 3-5 ซม. ใช้สำหรับตำหรือบดดินเชื้อให้ละเอียดเพื่อนำไปผสมกับดินเหนียวสำหรับการปั้นหม้อ
3. สาก ทำด้วยไม้เนื้อแข็งขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 3-5 ซม. ยาวประมาณ เมตร ใช้สำหรับบดดินเชื้อคู่กับครก 4. ตะแกงหรือเขิง ใช้สำหรับร่อนเอาดินเชื้อที่ละเอียดซึ่งตะแกงหรือเขิงเป็นเครื่องจักสานด้วยไม้ไผ่หรือที่เป็นเส้นลวดก็ได้ มีลักษณะกลม ๆ เล็กกว่ากระด้ง ซึ่งใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง เช่น แยกแกลบจากรำข้าว ดูลักษณะการใช้งานก็จะคงไม่แตกต่างกับตะแกรงร่อนทรายใช้ในงานก่อสร้าง
5. ลำเพลิน หรือบางท้องถิ่น เรียกว่า หม้อดิน ทำด้วยใบสับปะรด แต่ปัจจุบันในสับปะรดหาได้ยาก จึงหันมาใช้แผ่นพลาสติกแทนเป็นลักษณะรูปเหลี่ยมผืนผ้าขนาดกว้างประมาณ 1 เมตร ยาวประมาณ 2 เมตร ใช้สำหรับผสมดินเชื้อกับดินเหนียว (ชาวบ้านเรียกว่า เหยียบดิน) ให้เป็นเนื้อเดียวกันที่เรียกว่าลำเพลิน อาจมีสาเหตุจากจังหวะการเหยียบซึ่งมีลีลาคล้ายกับการเต้นหมอลำเพลินของชาวอีสานก็อาจเป็นได้
6. แป้นปั้น หมายถึง แป้นที่ใช้สำหรับการขึ้นรูปซึ่งมี 2 ลักษณะคือ แท่นไม้กลมและแป้นหมุนแท่นไม้กลมสูงประมาณ 50 ซม. ทางบ้านใช้ต้นมะพร้าวที่โค่นลงแล้วตัดเป็นท่อนยาวตามความเหมาะสม นำมาตั้งทำแท่นบางท้องถิ่นก็ใช้ครกไม้แทน ซึ่งใช้ประโยชน์ได้ทั้ง 2 ทาง คือ ใช้บดดินเชื้อให้ละเอียดและกลับอีกด้านหนึ่งก็สามารถที่จะใช้แป้นปั้นได้ เป็นแป้นปั้นแบบนี้เวลาขึ้นรูป (ขึ้นเบ้า) ช่างจะขึ้นเบ้าและเดินถอยหลังรอบ ๆ แท่นไม้เพื่อแต่งรูปทรง แป้นปั้นอีกลักษณะหนึ่งคือ แป้นหมุน แป้นแบบนี้ ผู้ปั้นจะยืนอยู่จุดเดียวและหมุนแป้นไปเรื่อย ๆ มีส่วนประกอบที่สำคัญคือ ส่วนที่เป็นไม้ และส่วนที่เป็นเดือย แป้นแบบหมุนนี้ชาวบ้านหม้อบอกว่าใช้ไม่ถนัดจึงหันมาใช้แบบดั้งเดิม คือ แบบถอยหลัง
7. หินดุ ทำด้วยดินชนิดเดียวกับดินที่ใช้ปั้นหม้อมีลักษณะหัวกลม ๆ รูปร่างคล้ายดอกเห็ดมีหลายขนาด ใช้สำหรับกระทุ้ง ดุนหรือดันหรือรองรับการตีจากด้านนอก เพื่อให้เป็นรูปทรงตามที่ต้องการซึ่งราคาประมาณอันละ 10 บาท ซึ่งชาวบ้านมีความเชื่อว่าการทำหินดุนั้นห้ามสตรีที่ยังมีประจำเดือนทำหินดุ เพราะเป็นการขะลำ
8. ไม้ลาย ทำด้วยไม้มีลักษณะรูปทรงคล้ายไม้พายเรือ ยาวประมาณ 30 เซนติเมตร มีด้ามจับ ใช้สำหรับตีหม้อ เพื่อให้ได้รูปทรงตามที่ต้องการ
9. ไม้สักคอ มีลักษณะเป็นแท่งไม้คล้ายตะเกียบแต่ขนาดอ้วนและสั้นกว่า ใช้สำหรับทำลวดลายลงบนคอหม้อลายที่แกะส่วนมากก็เป็นลายเรขาคณิต

10. ใบสวี สมัยก่อนทำด้วยใบสับปะรด แต่เนื่องจากปัจจุบันใบสับปะรดหาได้ยาก จึงหันมาใช้แผ่นพลาสติกแทน ใบสวีกว้างประมาณ 1 นิ้ว ยาว 6 นิ้ว ใช้สำหรับขึ้นรูปปากหม้อและเช็ดปากหม้อในการปั้นหม้อ
11. ลวดหรือเลื่อยตัดดิน

มีลักษณะคล้ายเลื่อยวงเดือน ใช้สำหรับตัดดินเหนียวให้ขาดและหลุดออกจากกัน
12. ไม้ก้อหม้อ มีลักษณะกลมความยาวแล้วแต่ความเหมาะสมกับภาชนะที่จะปั้นใช้สำหรับม้วนแผ่นเดินที่เตรียมไว้เพื่อให้เป็นรูปทรงตามต้องการ

ขั้นตอนในการปั้นหม้อ

นำเอาดินมาหมักไว้ในบ่อ เอามาเหยียบย่ำใส่กับส่วนผสมซึ่งเป็นดินเชื้อ ดินเชื้อ : คือดินที่ได้มาจากการนำเอาดินโคลนมาผสมกับแกลบแล้วปั้นเป็นก้อนกลม ๆ พอเหมาะแล้วนำไปตากแดดพอแห้งก็นำไปเผา พอเผาเสร็จก็นำมาบดหรือตำด้วยครกไม้ละเอียดแล้วใช้ตะแกรงหรือเขิงร่อนเอาส่วนที่ละเอียดที่สุดไว้ แล้วนำมาผสมกับดินเหนียวเมื่อผสมเสร็จก็นำมาปั้นหม้อ แต่ถ้าดินยังนุ่มไม่พอต้องเหยียบหรือย่ำอยู่จนดินเหนียวกับดินเชื้อผสมเข้ากันดีแล้วจึงนำมาปั้นได้
การทำหม้อ ต้องขึ้นเบ้าก่อน (ขึ้นรูป) แล้ววางไว้เหมือนครกตั้งทิ้งไว้ให้ดินเหนียวหมาดเสียก่อน ตอนขึ้นเบ้าต้องทำตรงให้อ้วนส่วนปลายจะเรียวเล็กกว่าแล้วใช้หัวแม่มือเจาะหัวท้ายให้เป็นหลุมตากทิ้งไว้พอหมาดแล้วก็ใช้ไม้ก้อหม้อเจาะเข้าตรงรูที่ทำไว้ ด้วยการกลิ้งไม้ก้อไปหาก็จะได้เป็นรูตรงกลางที่ทะลุถึงกันแล้วตากไว้ พอทำเสร็จแล้วก็ปั้นผ่าหม้อแต่จะทำเล็กกว่าตัวหม้อ ฝาหม้อจะเล็กมีลักษณะเหมือนครก (ดูรูป) พอทำฝาเสร็จก็เอาตัวหม้อขึ้นแป้นหรือครกไม้จะใช้ได้ 2 ทาง ๆ หนึ่งจะเป็นครกไม้อีกทางจะเป็นแป้นสำหรับขึ้นรูป แล้วก็นำมาสวีปากคือการทำปากหม้อด้วยใช้ใบพลาสติกหลาย ๆ ชั้น (ใบ) คือการคลึงปากหม้อด้วยการเดินถอยหลังประมาณ 2-3 เที่ยวจะได้ปากหม้อและคอหม้อ แล้วใช้ไม้กลิ้งปากจะทำจากไม้ไผ่หรือดินเผาก็ได้ด้วยการแกะลายต่าง ๆ ให้รอบไม้หรือดินนั้นแล้วนำมากลิ้งปากหม้อจนเป็นลายแล้วก็นำไปตากแดดอีก ขั้นที่ 2 การเด๊าะหม้อ คือการใช้ไม้สายและหินดุ ด้วยการนำเอาหินดุนั้นเข้าข้างในหม้อใช้หินดุดันดินเหนียวให้พองออกมาแล้วใช้ไม้ลายดีด้วยการเดินรอบ ๆ หม้อ หรือแป้นนั้นพอเสร็จก็นำไปตากแดดอีก ขั้นที่ 3 นำไปผึ่งแดดแล้วนำมาตีอีก ถ้าไม่มีแดดก็ตีไม่ได้ ขั้นที่ 4 นำมาตีอีกพอตีเสร็จก็นำมาวางกับตีนหม้อ คือ ปากหม้อที่เผาแล้วนำมาทุบออกให้เหลือแต่ปากหม้อกับคอหม้อตีให้กลมเหมือนหม้อแล้วก็วางไว้กับตีนหม้อตากแดดอีก พอเสร็จแล้วก็นำมาทำลายด้วยสักคอด้วยลายต่าง ๆ อาจเป็นลายเรขาคณิตหรือรูปหัวใจก็ได้ เป็นอันเสร็จตากแดดให้แห้งเพื่อรอการเผา การทำฝาหม้อ เมื่อทำขึ้นรูปไว้แล้ว ขั้นแรก นำมาขึ้นแป้นแล้วสวีปากประมาณ 2-3 รอบแล้ว การสวีปากก็คือการคลึงใช้นิ้วหัวแม่มือทั้ง 2 ข้างกดเป็นเส้นที่ลอยขึ้นมาด้วยการใช้นิ้วชี้ประคองข้างล่างไว้ ขั้นที่สอง สวีปากเสร็จตากแดดให้หมาดแล้วนำมาทำหัวหรือที่จับฝาหม้อ ผึ่งแดดอีก พอผึ่งแดดแล้วก็นำมาทำลายต่าง ๆ ด้วยไม้สักคอหม้อแล้วตากแดดไว้ให้แห้งประมาณ 2-3 วัน ก็เผาถ้าฝนตกก็นานหน่อย ถ้าไม่เผาก่อนถ้าเรานำเอาใช้จะใช้ได้ไม่นานดินถูกน้ำจะเปื่อย การทำกระถางก็เหมือนกัน ปากกระทงนั้นใช้มือปิดเอาหลังจากสวีปากแล้ว การทำต้นหม้อ ขั้นแรก ปั้นเป็นรูปต้นไม้ที่มีกิ่งก้านสาขาแยกออกมาหลาย ๆ กิ่ง แล้วหม้อเล็ก ๆ นั้นจะใช้แป้นหมุน (เครื่องไฟฟ้าทำเป็นหม้อเล็ก ๆ ถ้าใช้มือทำจะทำไม่ได้เลย พอปั้นหม้อเสร็จแต่ละก็นำเอาประกอบเข้ากับกิ่งต้นหม้อ การทำอ่างน้ำ ขั้นแรก ก็ปั้นให้เป็นก้อนกลม เสียก่อนโดยปั้นทีละหลายก้อนก่อนแล้วค่อยนำขึ้นวางบนแป้นที่ใช้ไฟฟ้าหมุนแล้วใช้มือประคองช่วยในการทำก็จะมีผ้าขาวผืนเล็ก ๆ ช่วย มีไม้ไผ่ แบน แหลมหัวใช้สำหรับกีดดินออก (ส่วนที่เกินทิ้ง) และจะมีไม้เล็ก ๆ แหลมสำหรับวัดขนาดปากอ่าง การเผาหม้อ ใช้ไม้ต่าง ๆ ที่หาซื้อมามัดละ 50 บาท และฟางข้าว ต้องใช้พื้นที่ในการเผาที่โล่งขั้นตอนในการทำเตาเผา คือ จะมีหลักตีหม้อ หรือหลักค้ำไม้เหมือนกับการสร้างบ้าน หลักตีหม้อสูงประมาณ 5-6 นิ้ว หลักนี้จะปั้นเอาจะมีไม้ที่ยาววางพาดกับหลักค้ำเป็น มุมฉากแล้ววางไม้กองขึ้นสูงพอประมาณก็นำเอาหม้อที่แห้งแล้วมาวางคว่ำปากลงทั้งหม้อเล็กใหญ่ ฝาด้วย แล้วเอาฟางมาคลุมอีกทีแล้วก็จุดไฟเผาด้วยการยัดฟางใต้หลักค้ำ การเผาใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงทั้งเผาทั้งเอาออกถ้าเอาออกช้าก็จะแตกได้

สถานที่ตั้ง
หมู่ที่/หมู่บ้าน บ้านหม้อ
จังหวัด มหาสารคาม
รายละเอียดการเข้าถึงข้อมูล
http://www.thumboon.com/readarticle.php?article_id=61
แสดงความคิดเห็น
โปรด เข้าสู่ระบบ ก่อนทำการแสดงความคิดเห็น

ชื่อผู้ใช้
รหัสผ่าน
นุก 17 สิงหาคม 2554 เวลา 14:19
สวยจังเลย ทำได้ไง



orawan2203 17 สิงหาคม 2554 เวลา 14:01
ดีค่ะ แต่เนื้อหาตัวเล็กไปอ่านไม่ค่อยออก
ข้อมูลที่แสดงในระบบนี้ จัดเก็บโดยนักวิชาการวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม หากมีข้อเสนอแนะหรือข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อวัฒนธรรมจังหวัด
       ข้อมูลนี้เป็นประโยชน์หรือไม่