ร่วมแสดงความคิดเห็นกับเรา
ขอขอบคุณสำหรับการเยี่ยมชมเวบไซต์ m-culture.in.th

เราได้จัดทำแบบสำรวจแบบง่ายๆ เพื่อจะ
ได้ทราบถึงสิ่งที่ผู้เยี่ยมชมเวบไซต์เรา
ชอบและให้เราได้เรียนเกี่ยวกับคุณมากขึ้น
 
ละติจูด (รุ้ง) : N 16° 51' 35.3588"
16.8598219
ลองจิจูด (แวง) : E 103° 36' 59.5361"
103.6165378
เลขที่ : 118856
พระราชวงศ์กับผ้าไหมแพรวา
เสนอโดย อดิศรกาฬสินธุ์ วันที่ 22 พฤศจิกายน 2554
อนุมัติโดย สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดกาฬสินธุ์ วันที่ 12 มกราคม 2555
จังหวัด : กาฬสินธุ์
0 1359
รายละเอียด

พระราชวงศ์กับผ้าไหมแพรวา

พระราชเสาวนีย์ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถกับชาวผู้ไทย

อำเภอคำม่วง จังหวัดกาฬสินธุ์เมื่อวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๒๐

“ผ้านี้มาจากไหน”

ชาวบ้านกราบทูลว่า “ทำกันเอง”

สมเด็จฯ ตรัสต่อว่า “อยากได้...สวย...มีไหม...จะทำให้...ได้ไหม”

ชาวบ้านกราบทูลตอบด้วยความปลื้มปิติว่า “ได้ค่ะ”

ก่อนที่ผ้าแพรวาสูงค่าจะมีโอกาสออกสู่สายตาชาวไทยและชาวต่างประเทศ การทอผ้าแพรวาได้เดินทางผ่านกาลเวลาอันยาวนานหลายชั่วอายุคนจนเรียกได้ว่าเกือบสูญหายไปจากท้องถิ่นไทย จวบจนเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๐ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จเยี่ยมพสกนิกรชาวอำเภอคำม่วง จังหวัดกาฬสินธุ์ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทอดพระเนตรชาวผู้ไทยบ้านโพนนับสิบที่มารอรับเสด็จ ล้วนแล้วแต่แต่งกายแบบผู้ไทยเต็มยศ คือ นุ่งผ้าถุงไหมมัดหมี่มีตีนซิ่น สวมเสื้อแขนกระบอกสีดำและคราม คอตั้ง ผ่าหน้าตลอด ติดแถบสีแดง ห่มสไบผ้าแพรวาสีแดง ส่วนผู้ชายชาวผู้ไทยก็นำผ้าแพรวาสีแดงมาคาดเป็นผ้าขาวม้า

พระองค์ทรงสนพระทัยมาก จึงทรงไต่ถามจากชาวบ้านได้ความว่า เป็นผ้าที่สืบทอดจากบรรพบุรุษ และลูกหลานได้นำมาใช้สืบต่อกันมา และในช่วงนั้นยังไม่มีผ้าเช่นนี้วางขาย อีกทั้งยังมีจำนวนน้อย ชาวบ้านจำนวน ๔-๕ หลังคาเรือน รวมกันทั้งหมดมีเพียงไม่กี่ผืน เมื่อยามมีงานสำคัญที่ต้องนุ่งจะอาศัยหยิบยืมกันใช้เรื่อยมา

ทั้งนี้เนื่องด้วยองค์สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเล็งเห็นว่าผ้าแพรวานั้นเป็นเสมือน เพชรในตม เป็นภูมิปัญญาไทยที่มีคุณค่า จึงทรงมีพระเมตตาธิคุณให้นำมาสืบทอดแก่ลูกหลานและพัฒนากระบวนการผลิตเพื่อให้เกิดรายได้สู่ชุมชน จึงมีพระราชเสาวนีย์ให้ราชเลขานุการในพระองค์ นำเส้นไหมมามอบให้แก่ชาวบ้านเพื่อทอถวาย

ต่อมาในเดือนพฤศภาคม ๒๕๒๑ เมื่อชาวบ้านโพนทอผ้าไหมแพรวาเสร็จสิ้น จึงได้นำไปทูลเกล้าถวาย ณ พระราชวังไกลกังวล สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงโปรดและทรงนำไปตัดฉลองพระองค์ที่มีความงดงามมาก อีกทั้งยังทรงรับสั่งให้ทางราชการจัดตั้งกลุ่มอาชีพสตรีทอผ้าไหมแพรวาบ้านโพนขึ้น ซึ่งถือเป็นการชุบชีวิตใหม่ให้แก่ชาวบ้านโพน เพราะในสมัยก่อน ชาวบ้านโพนยังคงทำมาหาเลี้ยงชีพด้วยรายได้จากการทำนาปลูกข้าว ทำไรและสวน จึงมีรายได้ที่ไม่แน่นอน หากปีไหนสภาพภูมิอากาศแห้งแล้งก็จะได้ผลผลิตน้อยตามไปด้วย สภาพความเป็นอยู่ของบ้านโพนจึงยังยากจนและแร้นแค้นเป็นอันมาก อีกทั้งถนนหนทางยังธุรกันดารยากต่อการเข้าถึง แต่แล้วเมื่อการทอผ้าไหมแพรวาได้รับการสนับสนุนและก่อตั้งขึ้นอย่างเป็นกิจลักษณะในรูปแบบของกลุ่มอาชีพในโครงการศิลปาชีพฯ ในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และทรงให้การส่งเสริมสนับสนุนในรูปแบบต่างๆ โดยโปรดเกล้าฯ ให้พัฒนารูปแบบการทอผ้าจากผ้าห่มยาว ๑ วา กว้างครึ่งวา ก็ขยายออกเป็นผืนผ้ากว้าง โดยส่วนหนึ่งยังคงเป็นผ้าแพรวายกลายดอกตามลวดลายต่างๆ อันเป็นเอกลักษณ์ อีกส่วนหนึ่งเป็นผ้าพื้น รวมกันเป็นผืนยาวประมาณ ๕ เมตร เพื่อให้เพียงพอที่จะตัดชุดของสตรีได้ ๑ ชุด และโปรดเกล้า ให้พัฒนาจากเดิมซึ่งมีสีเฉพาะสีแดงเข้มให้มีสีพื้นหลากหลาย ส่วนลายดอกสลับสอดสีไหมให้กลมกลืนสวยงาม

ต่อมาชาวบ้านโพนพร้อมใจกันทอผ้าไหมแพรวายาวที่สุดในโลก ๙๙ เมตร ๖๐ ลาย ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เพื่อแสดงถึงความจงรักภักดีและรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณถวายเป็นราชสักการะเนื่องในโอกาสฉลองสิริราชสมบัติครบ ๕๐ ปี ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ในวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน ๒๕๓๙ ณ พระตำหนักภูพานราชนิเวศน์ อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ :

ทรงพระกรุณาอนุรักษ์และฟื้นฟูการทอผ้าไหม มัดหมี่ และแพรวา

ทรงฟื้นฟูชูเชิดศิลปะ งามพระจริยะประเสริฐผล

งามทอผ้าศิลปาชีพประทีปชน เส้นไหมยลงามระยับประทับใจ

ศิลปะมัดหมี่ไทยสายใยรัก แจ่มประจักษ์ลายสร้างสรรค์อันสดใส

มัดย้อมทอล้ำค่าปัญญาไทย งามแพรพรรณวิไลชวนนิยม

ไหมทอลายวิจิตรสฤษฏ์ค่า ไหมแพรวาลายเรขงามเสกสม

พระปรีชาแหล่งหล้าล้วนชื่นชม น้อมผคมเทิดพระคุณพระบุญงาม

สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงสนพระราชหฤทัยในศิลปะการทอผ้าของไทยเป็นอย่างยิ่ง ทรงตระหนักในความสำคัญของการทอผ้า ซึ่งเป็นการบันทึกวัฒนธรรมท้องถิ่นต่างๆลงบนผืนผ้า คนไทยในท้องถิ่นต่างๆมีวิธีการทอผ้าและสร้างสรรค์ลวดลายงดงามต่างกันไปไม่มีท้องถิ่นใดเป็นรองกัน และเป็นแบบฉบับของแต่ละท้องถิ่นที่สืบทอดต่อกันมาแต่โบราณกาล ทั้งการทอผ้าฝ้าย ทอผ้าไหม และการจกผ้า แต่ละท้องถิ่นต่างประดิษฐ์คิดลายบนผืนผ้าด้วยกรรมวิธีอันชาญฉลาดต่างๆกันไป ซึ่งล้วนเป็นภูมิปัญญาของคนไทยชนิดที่น่าจะไม่มีประเทศใดในโลกเทียบเทียมได้ เช่น การทอผ้ามัดหมี่ โดยวิธีมัดย้อมเส้นฝ้ายหรือไหมก่อน การทอผ้าแพรวา ผ้าขิดของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ผ้ายกดอกของภาคเหนือ ผ้าแต่ละผืนแม้มีลวดลายและย้อมสีเดียวกัน แต่ก็มีความแตกต่างกันจนอาจกล่าวได้ว่าเป็นผ้าชิ้นเดียวในโลก

สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ มีพระราชวิสัยทัศน์กว้างไกล ทรงพระราชดำริว่า ถ้าราษฎรในชนบททำการเกษตรกรรมเป็นอาชีพเพียงอย่างเดียว ถ้าฝนฟ้าไม่ตกต้องตามฤดูกาล ก็จะประสบความเดือดร้อน ระหว่างเสด็จพระราชดำเนินทรงเยี่ยมราษฎรในภูมิภาคต่างๆ ทรงพบว่าแต่ละท้องถิ่นมีผ้าทอมือ ที่งดงามเป็นเอกลักษณ์ของตนเองและกำลังจะเสื่อมสูญไปเพราะมีผ้าทอด้วยเครื่องจักรเข้ามาแทนที่ จึงทรงพระกรุณาส่งเสริม การทอผ้าเพื่อเป็นอาชีพเสริมแก่ราษฎร และเพื่ออนุรักษ์ฟื้นฟูมรดกศิลปกรรมการทอผ้าอันเป็นภูมิปัญญาไทยที่ล้ำค่าให้คืนมาดำรงคงอยู่คู่เป็นเอกลักษณ์ของชาติตลอดไป โปรดเกล้าฯ ให้มูลนิธิศิลปาชีพฯจัดหาวัสดุอุปกรณ์และครูจากกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมและผู้ชำนาญในการทอผ้าชนิดต่างๆไปสอนชาวบ้าน และโปรดฯ ให้พัฒนาการปลูกหม่อนเลี้ยงไหม การผลิตเส้นไหม การย้อมสีให้มีคุณภาพและสีไม่ตกด้วย

สถานที่ตั้ง
บ้านโพน อำเภอคำม่วง จังหวัดกาฬสินธุ์
หมู่ที่/หมู่บ้าน ศูนย์วัฒนธรรมผู้ไทยบ้านโพน
ตำบล โพน อำเภอ คำม่วง จังหวัด กาฬสินธุ์
รายละเอียดการเข้าถึงข้อมูล
พิพิธภัณฑ์ของดีเมืองกาฬสินธุ์
บุคคลอ้างอิง สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดกาฬสินธุ์ อีเมล์ m.culture.ks@gmail.com
ชื่อที่ทำงาน สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดกาฬสินธุ์ อีเมล์ m.culture.ks@gmail.com
ถนน กาฬสินธุ์
รหัสไปรษณีย์ 46000
โทรศัพท์ 043815805-6 โทรสาร 043811394
เว็บไซต์ http://www.ksculture.go.th
แสดงความคิดเห็น
โปรด เข้าสู่ระบบ ก่อนทำการแสดงความคิดเห็น

ชื่อผู้ใช้
รหัสผ่าน
ยังไม่มีการแสดงความคิดเห็น
ข้อมูลที่แสดงในระบบนี้ จัดเก็บโดยนักวิชาการวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม หากมีข้อเสนอแนะหรือข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อวัฒนธรรมจังหวัด
       ข้อมูลนี้เป็นประโยชน์หรือไม่