ร่วมแสดงความคิดเห็นกับเรา
ขอขอบคุณสำหรับการเยี่ยมชมเวบไซต์ m-culture.in.th

เราได้จัดทำแบบสำรวจแบบง่ายๆ เพื่อจะ
ได้ทราบถึงสิ่งที่ผู้เยี่ยมชมเวบไซต์เรา
ชอบและให้เราได้เรียนเกี่ยวกับคุณมากขึ้น
 
ละติจูด (รุ้ง) : N 16° 25' 57"
16.4325000
ลองจิจูด (แวง) : E 103° 30' 22"
103.5061111
เลขที่ : 127144
โปงลาง พิพิธภัณฑ์ของดีเมืองกาฬสินธุ์ อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ จังหวัดกาฬสินธุ์
เสนอโดย ปฎิพงษ์ ภูงามทอง วันที่ 15 มีนาคม 2555
อนุมัติโดย สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดกาฬสินธุ์ วันที่ 28 กรกฎาคม 2555
จังหวัด : กาฬสินธุ์
0 1753
รายละเอียด

โปงลางหรือเรียกว่า หมากกลิ้งกล่อม หมากเตอะเดิน เป็นเครื่องดนตรีที่พัฒนามาจาก " เกราะลอ " หรือ " ขอลอ " คำว่า โปงลางนี้ใช้เรียกดนตรีชนิดหนึ่งที่มีการละเล่นแพร่หลายทางภาคอีสานตอนกลางและตอนเหนือบางส่วน โดยเฉพาะจังหวัดกาฬสินธุ์ มีการเล่นแพร่หลายมาก เพราะเป็นกำเนิดโปงลาง ความหมายของโปงลางนั้นมี 2 คำ คือ คำว่า "โปง" และ "ลาง"โปง เป็นสิ่งที่ใช้ตีบอกเหตุ เช่น ตีในยามวิกาลแสดงว่ามีเหตุร้ายตีตอนเช้าก่อนพระบิณฑบาต ให้ญาติโยมเตรียมตัวทำบุญตักบาตร และตีเวลาเย็นเพื่อประโยชน์ให้คนหลงป่ากลับมาถูก เพราะเสียงโปงลางจะดังกังวาลไปไกล ( สมัยก่อนใช้ตีในวัด) ส่วนคำว่า ลาง นั้นหมายถึง ลางดี ลางร้าย โปงลาง หรือ เกราะลอ มีประวัติโดยย่อ คือ ท้าวพรหมโคตร ซึ่งเคยอยู่ประเทศลาวมาก่อนเป็นผู้ที่คิดทำเกราะลอขึ้น โดยเลียนแบบ "เกราะ" ที่ใช้ตีตามหมู่บ้าน ในสมัยนั้น เกราะลอทำด้วยไม้หลากเลื่อม ( ไม้เนื้ออ่อน สีขาว มีเสียงกังวาล ) ใช้เถาวัลย์มัดร้อย เรียงกัน ใช้ตีไล่ฝูงนก กา ที่มีกินข้าวในไร่ ในนา ต่อมาท้าวพรหมโคตรได้ย้ายมาอยู่ที่บ้านกลางเมือง จังหวัด กาฬสินธุ์และได้ถ่ายทอดการตีเกราะลอให้แก่นายปาน คือ เสียง โด เร มี ซอล และ ลา เมื่อนายปานเสียชีวิต นายขานน้องชายนายปานได้รับการถ่ายทอดการตีเกราะลอ ให้กับศิลปินแห่งชาติผู้พัฒนาโปงลางให้เป็นที่รู้จัก คือนายเปลื้อง ฉายรัศมี

วิธีการเทียบเสียง

หมากกลิ้งกล่อมทำโดยการเหลาไม้ให้ได้ขนาดและเสียงตาม ต้องการยิ่งเหลาให้ไม้เล็กลงเท่าใดเสียงก็จะยิ่งสูงขึ้นซึ่งแตกต่างจากระนาดในปัจจุบันที่มีเจ็ดเสียงและมีการปรับแต่งเทียบเสียงด้วยการใช้ตะกั่วผสมขี้ผึ้งถ่วงใต้ผืนระนาด เพื่อให้ได้ระดับเสียงและคุณภาพเสียงที่ต้องการการบรรเลงหมากกลิ้งกล่อมหรือโปงลางนิยมใช้ผู้บรรเลงสองคนต่อเครื่องดนตรีหนึ่งชิ้นแต่ละคนใช้ไม้ตี 2 อัน คนหนึ่งตีเสียงเสพโดยตี 2 เสียงของเสียงติดสูตรลายแคนส่วนอีกคนหนึ่งตีเป็นทำนองเพลงการเรียกชื่อเพลงที่บรรเลงด้วยโปงลางมักจะเรียกตามลักษณะและลีลาของเพลงโดยการสังเกตจากสภาพของธรรมชาติที่อยู่รอบๆตัวเช่นเพลง "ลายนกไซบินข้ามทุ่ง" หรือเพลง "ลายกาเต้นก้อน" เป็นต้น

โปงลางลูกที่ 1

ใช้สัญลักษณ์ ม

เสียงมีต่ำ

โปงลางลูกที่ 2

ใช้สัญลักษณ์ ซ

เสียงซอลต่ำ

โปงลางลูกที่ 3

ใช้สัญลักษณ์ ล

เสียงลาต่ำ

โปงลางลูกที่ 4

ใช้สัญลักษณ์ ด

เสียงโด

โปงลางลูกที่ 5

ใช้สัญลักษณ์ ร

เสียงเร

โปงลางลูกที่ 6

ใช้สัญลักษณ์ ม

เสียงมี

โปงลางลูกที่ 7

ใช้สัญลักษณ์ ฟ

เสียงฟา

โปงลางลูกที่ 8

ใช้สัญลักษณ์ ซ

เสียงซอล

โปงลางลูกที่ 9

ใช้สัญลักษณ์ ล

เสียงลา

โปงลางลูกที่ 10

ใช้สัญลักษณ์ ด

เสียงโดสูง

โปงลางลูกที่ 11

ใช้สัญลักษณ์ ร

เสียงมีเรสูง

โปงลางลูกที่ 12

ใช้สัญลักษณ์ ม

เสียงมีสูง

โปงลางลูกที่ 13

ใช้สัญลักษณ์ ซ

เสียงซอลสูง

ส่วนประกอบของโปงลาง

โปงลางแบ่งส่วนประกอบออกเป็น 3 ส่วน คือ
- ผืนโปงลาง
- ขาโปงลาง
- ไม้ตีโปงลาง

1.ผืนโปงลาง
ประกอบด้วยลูกโปงลางทั้งหมด 13 ลูกโดยแต่ละถูกจะเรียงจากลูกใหญ่ (ข้างบน) ลงไปหาลูกเล็ก(ข้างล่าง)ลูกใหญ่ที่จะมีเส้นผ่าศูนย์กลาง
3 นิ้ว ยาว 60 เซนติเมตรจะเล็กตามลำดับไปจนถึงสุดท้ายซึ่งมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 2 นิ้ว โดยความยาวของท่อนที่13 หรือท่อนสุดท้ายจะเหลือยาว
27 เซนติเมตรปลายไม้ทั้งสองจะกลมทุกท่อนห่างจากท่อนปลาย 7 เซนติเมตรเจาะรูสำหรับร้อยผูกเชือกขนาด 2 หุนครึ่ง ตรงกลางลูกโปงลางจะตกแต่งให้บางทั้งสองด้านเพื่อปรับระดับเสียงของโปงลางให้เข้ากับเสียงแคนซึ่งลูกใหญ่ที่อยู่ด้านบนจะมีเสียงต่ำส่วนลูกที่เล็กสั้นจะมีเสียงสูงโปงลางจะมี 5 เสียง คือ โด เร มี ซอลลา

2. ขาโปงลาง
ในสมัยก่อนผืนโปงลางจะไม่นิยมใช้ขาแต่มักผูกโยงหรือแขวนไว้กับเสาส่วนอีกด้านหนึ่งจะผูกติดกับพื้นหรือใช้ขาเกี่ยวไ ว้แต่ในปัจจุบันจะนิยมใช้ขาโปงลางแบบถาวรเพื่อสะดวกในการติดตั้งขณะบรรเลง ขาโปงลางจะทำมาจากไม้เนื้อแข็งลูกใหญ่ไว้ด้านบนโดยจะมีตะปูตอกไว้ด้านบนของเสา ส่วนด้านล่างก็จะมีตะปูตอกไม้เหมือนกันเพื่อเกี่ยวเชือกร้อยโปงลาง

3. ไม้ตีโปงลาง
ไม้สำหรับตีโปงลางส่วนมากจะทำด้วยไม้ชนิดเดียวกันกับไม้ที่ทำโปงลางไม้ที่นิยมทำไม้ตีมากที่สุดคือไม้มะหาดเพราะจะมีเสีย ดังกังวานมากเมื่อไม้ตีกระทบลูกโปงลาง ไม้ตีโปงลางจะมีหลายแบบด้วยกัน ซึ่งมักจะแตกต่างกันไปตามความถนัดของผู้ตีส่วนมากจะมีความยาว 20-25 เซนติเมตร ด้านหัวของไม้ตีจะมีขนาดใหญ่มีทั้งแบบหัวกลม หัวแบน และหัวโค้งในปัจจุบันนิยมแบบหัวโค้งเพราะในเวลาตีแบบหัวโค้งเพราะในเวลาตีแบบหัวโค้งสามารถที่จะเลื่อนไหลได้อย่างรวดเร็วโดยไม่สะดุดลูกอื่นๆ

การทำโปงลาง

ไม้ที่ใช้ทำโปงลางนั้นส่วนมากที่ใช้ไม้แข็งเพราะจะให้เสียงที่ไพเราะและกังวาล ไม้ที่นิยมใช้มากที่สุดคือ ไม้หมากหาด ( มะหาด ) ใช้ทำลูกโปงลางไม้ประดูใช้ทำไม้ตีและขาตั้ง ไม้มะหาดนั้นจะแบ่งตามเกรด ดังนี้

1. ไม้มะหาดทองคำจัดอยู่ในเกรด A 2. ไม้มะหาดทองคำจัดอยู่ในเกรด B 3. ไม้มะหาดทองคำอยู่ในเกรด C

วิธีการทำลูกโปงลาง

จะตัดไม้จากต้นเป็นท่อน ๆ ท่อนละ 65 เซนติเมตร แต่ละท่อนจะผ่าแบ่งออกได้ 4-8 ลูก แล้วแต่ขนาดของไม้ แล้วนำท่อนไม้ มาเหลานำมาเข้าเครื่องกลึงเพื่อให้สวยงาม เมื่อเสร็จแล้วก็วัดความยาวลูกแรกยาว 60 เซนติเมตร เส้นผ่าศูนย์กลาง 7 เซนติเมตร ลูกต่อมาลดลงตามสัดส่วน ห่างกันลูกละ 1 เซนติเมตร ลูกสุดท้ายยาว 29 เซนติเมตร ต่อไปนำไม้ที่ได้มาวัดหัวท้ายข้างละ 12 เซนติเมตร และลดลงตามส่วนลูกล่างสุดวัดได้ 6 เซนติเมตร ในแต่ละข้างเรียงไม้ให้สม่ำเสมอกันแล้วนำมีดมาถากให้มีลักษณะเว้าทั้ง ของลูกโปงแล้วนำมาแต่งเสียงโดยวิธีการตัดไม้ออก และเทียบเสียงให้กับโปงลางต้นแบบ ขั้นตอนสุดท้าย เจาะรูโดยวัดเข้ามาวิธีเดียวกันกับการถากลูกโปงลางให้เว้า

วิวัฒนาการของวงโปงลาง

แต่เดิมเครื่องดนตรีพื้นบ้าน ยังไม่มีการผสมวงกันแต่อย่างใดใช้เล่นเป็นเครื่องเดี่ยวตามความถนัดของนักดนตรีที่มีอยู่ตามท้องถิ่นต่างๆ โอกาสที่จะมาร่วมเล่นด้วยกันได้ก็ต่อเมื่อมีงานบุญหรืองานประเพณีต่างๆ เช่น บุญเผวด จะมีการแห่กันหลอนของแต่ละคุ้มหรือแต่ละหมู่บ้านมาที่วัดคุ้มไหนหรือหมู่บ้านไหนมีนักดนตรีอะไรก็จะใช้บรรเลงและแห่ต้นกันหลอนมาที่วัด พอมาถึงวัดก็จะมีการผสมผสานกันของแต่ละเครื่องมือ เช่น พิณ แคน ซอ กลองเป็นต้น หลังจากผสมผสานกันโดยไม่ได้ตั้งใจแล้ว ก็จะแลกเปลี่ยนและถ่ายทอดเชื่อมเข้าหากันโดยเฉพาะนักดนตรีจะไปมาหาสู่กันร่วมกันเล่น ร่วมกันสร้าง ในที่สุดก็กลายเป็นวงดนตรีและมีการพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ เช่น วงโปงลาง ปี พ.ศ.2505 หลังจากอาจารย์เปลื้อง ฉายรัศมี ซึ่งเป็นผู้ที่สนใจและศึกษาพัฒนา การตีและการทำเกราะลอจนเปลี่ยนชื่อมาเป็นโปงลางและได้รับความนิยมจากชาวบ้านโดยทั่วไป จากนั้นอาจารย์เปลื้องได้เกิดแนวความคิด ในการนำเอาเครื่องดนตรีอีสานชนิดอื่นๆ มาบรรเลงรวมกันกับโปงลาง จึงได้รวบรวมสมัครพรรพวกที่ชอบเล่นดนตรี มาบรรเลงรวมกัน ปรากฏว่าเป็นที่แตกตื่นของชาวบ้าน พอตกเย็นก็จะมีคนมามุงดูขอให้บรรเลงให้ฟัง แต่ละวันหมดยาเส้น ไปหลายหีบ ทำให้ได้รับความนิยม และเป็นที่สนใจของชาวบ้านเป็นอย่างมาก จนมีผู้ว่าจ้างไปบรรเลงเป็นครั้งแรกเนื่องในงานอุปสมบท ณ บ้านปอแดง ตำบลอุ่นเม่า อำเภอเมือง จังหวัดกาฬสินธุ์ ในราคา 40 บาท เป็นที่ชื่นชอบของของผู้ที่พบเห็นและได้ฟังจากงานอุปสมบทของบ้านปอแดง และได้รับการติดต่อให้ไปแสดงอีกในหลายๆ ที่ ปี พ.ศ.2511 อาจารย์เปลื้อง ฉายรัศมี ได้นำคณะโปงลางไปร่วมแสดงเพื่อเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในวันเฉลิมพรรษา 5 ธันวามหาราช จึงมีโอกาสที่ทำให้ได้พบกับนายประชุม อิทรตุล ป่าไม้อำเภอยางตลาด ซึ่งนายประชุมได้นำวงดนตรีสากลมาร่วมบรรเลงประกอบลีลาศ มหรสพที่แสดงในคืนนั้นมีคณะหมอลำหมู่ ซึ่งหัวหน้าหมอลำเป็นเพื่อนอาจารย์เปลื้อง ทั้งสองจึงไปขอยืมกลองชุดสากล เพื่อนำไปเล่นเข้ากับหมอลำ นายประชุมจึงไม่ขัดข้องแต่ต้องให้วงลีลาศเลิกก่อน หมอลำก็ทำการแสดงไปก่อนได้ครึ่งคืนก็ต้องพักทานข้าวตอนดึกจึงทำให้เกิดช่องว่างของเวทีผู้คนก็ยังไม่กลับยังรอดูหมอลำต่อ อาจารย์เปลื้อง ฉายรัศมี จึงได้นำเอาโปงลางที่ตนนำมาขึ้นแขวนบนต้นเสาของเวที ในขณะนั้นหัวหน้าหมอลำก็ยังไม่รู้จัก และไม่เคยเห็น โปงลางมาก่อน ทุกคนก็เกิดความสงสัยว่าอาจารย์เปลื้องนำอะไรขึ้นมาแขวนกับต้นเสาบนเวที แต่พอคณะโปงลางบรรเลงขึ้น ทุกคนต่างตกตะลึง และสงสัยว่าสิ่งที่กำลังตีอยู่ในขณะนั้นคืออะไร หลังจากหมอลำกินข้าวเสร็จผู้ชมก็ยังไม่ยอมให้เลิกเล่น ขอให้เล่นต่อแทนหมอลำไปเลยก็ได้ จากการแสดงในครั้งนั้นนี่เอง นายประชุม ได้ชวนอาจารย์เปลื้อง ไปอยู่ด้วยโดยฝากให้เข้าทำงานที่โรงเลื่อยยางตลาด นายประชุม อินทรตุล จึงได้สนับสนุนและตั้งวงโปงลางขึ้น ชื่อว่าวงโปงลางกาฬสินธุ์ โดยมอบหมายให้อาจารย์เปลื้อง เป็นหัวหน้าวง จากผลงานการแสดงที่หลังจากตั้งวงแล้วไม่นาน นายบุรี พรหมลักขโนผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ ได้ติดต่อให้นำโปงลางไปแสดงออกรายการทีวีช่อง 5 จังหวัดขอนแก่น เพื่อเป็นการเผยแพร่ และท่านได้แนะนำว่าน่าจะมีชุดฟ้อนรำไปด้วยจะน่าดูยิ่งขึ้น นายประชุม อิทรตุล จึงมอบหมายให้คุณเกียง บ้านสูงเนิน คุณลดาวัลย์ สิงห์เรือง (ผู้ช่วยผู้อำนวยการวิทยาลัยนาฏศิลปะกาฬสินธุ์ในขณะนั้น) และภรรยาของนายประชุมเองฝึกชุดฟ้อน ชุดแรก คือ รำซวยมือ ชุดที่สอง คือ ชุดเซิ้งภูไท ชุดเซิ้งสวิง ชุดบายศรีสู่ขวัญ และไทภูเขา ต่อมาคณะโปงลางกาฬสินธุ์ได้มีโอกาสไปแสดง ณ วังสวนจิตลดา วังละโว้ วังสวนผักกาด วังสราญรมย์ และแสดงเผยแพร่ในมหาลัยต่างๆ

การประกวด

เป็นการจัดประกวดตามเทศการต่างๆ หรือจัดการประกวดตามสถานที่ต่างๆ เช่น

การประกวดชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี (ประเภท ก.ประชาชนทั่วไป) สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี (ประเภท ข.นักเรียนมัธยม) พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ (ประเภท ค.นักเรียนประถม) ในงานประจำปีจังหวัดกาฬสินธุ์ "มหกรรมโปงลาง แพรวาและงานกาชาดจังหวัดกาฬสินธุ์

หมวดหมู่
ศิลปวัตถุ
สถานที่ตั้ง
จังหวัดกาฬสินธุ์
จังหวัด กาฬสินธุ์
รายละเอียดการเข้าถึงข้อมูล
พิพิธภัณฑ์ของดีเมืองกาฬสินธุ์
บุคคลอ้างอิง นายปฏิพงษ์ ภูงามทอง อีเมล์ patipong_2@hotmail.com
ชื่อที่ทำงาน สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดกาฬสินธุ์ อีเมล์ webmaster@ksculture.go.th
เลขที่ ชั้น ๒ ศาล หมู่ที่/หมู่บ้าน ศาลากลางจังหวัดหลังเก่า ซอย - ถนน -
จังหวัด กาฬสินธุ์ รหัสไปรษณีย์ 46000
โทรศัพท์ 043815805 โทรสาร 043815806
เว็บไซต์ www.ksculture.go.th
แสดงความคิดเห็น
โปรด เข้าสู่ระบบ ก่อนทำการแสดงความคิดเห็น

ชื่อผู้ใช้
รหัสผ่าน
สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดกาฬสินธุ์ 28 กรกฎาคม 2555 เวลา 13:09
ดีมาก ให้เจ้าของข้อมูลทราบและเข้าเยี่ยมชม เผยแพร่ ประชาสัมพันธ์ต่อไป
ข้อมูลที่แสดงในระบบนี้ จัดเก็บโดยนักวิชาการวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม หากมีข้อเสนอแนะหรือข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อวัฒนธรรมจังหวัด
       ข้อมูลนี้เป็นประโยชน์หรือไม่