ร่วมแสดงความคิดเห็นกับเรา
ขอขอบคุณสำหรับการเยี่ยมชมเวบไซต์ m-culture.in.th

เราได้จัดทำแบบสำรวจแบบง่ายๆ เพื่อจะ
ได้ทราบถึงสิ่งที่ผู้เยี่ยมชมเวบไซต์เรา
ชอบและให้เราได้เรียนเกี่ยวกับคุณมากขึ้น
 
ละติจูด (รุ้ง) : N 16° 15' 55.8594"
16.2655165
ลองจิจูด (แวง) : E 103° 44' 25.9962"
103.7405545
เลขที่ : 130670
การเล่นว่าว โรงเรียนร่องคำ อำเภอร่องคำ จังหวัดกาฬสินธุ์
เสนอโดย opas วันที่ 12 เมษายน 2555
อนุมัติโดย mculture วันที่ 21 มีนาคม 2559
จังหวัด : กาฬสินธุ์
1 537
รายละเอียด

การเล่นว่าว โรงเรียนร่องคำ อำเภอร่องคำ จังหวัดกาฬสินธุ์ 46210

-โทรศัพท์ 043897030 โทรสาร 043897295

- ที่ตั้ง 100 ม.13 บ.ศรีเมือง ต.ร่องคำ อ.ร่องคำ จ.กาฬสินธุ์

- นายประพันธ์ ทักษิโณ คณะผู้บริหาร ครู บุคลากรและนักเรียนโรงเรียนร่องคำ ได้ร่วมจัดประเพณีลงแขกเกี่ยวข้าวที่ศูนย์การเรียนรู้ที่ 1 แหล่งเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง และได้นำว่าวมาทำการเล่นในการลงแขกเกี่ยวข้าว และได้รับความสนใจจากครูนักเรียนเป็นอย่างมาก

ประวัติการเล่นว่าวในประเทศไทย

การเล่นว่าวในประเทศไทยนั้นได้มีมานาน ตั้งแต่สมัยโบราณโดยในแต่ละสมัยก็ได้มีการกล่าวถึงการเล่นว่าวที่แตกต่างกัน ไป แต่หากจะพูดถึงการเล่นว่าวมีมาแต่ครั้งสมัยใดนั้นคงจะเป็นการยากที่จะกล่าว ให้ชัดเจนเพราะจากตำนานหลักฐานที่กล่าวถึงการเล่นว่าวของไทยนั้นได้ปรากฏมา ตั้งแต่อดีตกาลแล้ว

สมัยสุโขทัย(พ. ศ.1781-1981)

- ในสมัยนี้ได้กล่าวถึง เรื่องราวของพ่อขุนศรีอินทรทิตย์ซึ่งทรงโปรดการเล่นว่าวจนเกิดเหตุการณ์ให้ พระองค์ทรงเกิดความรักกับบุตรสาวพระยาเอื้อ ทั้งนี้ยังมีการกล่าวไว้ในตำรับท้าวศรีจุฬาลักษณ์ซึ่งเป็นพระสนมเอกของพระ ร่วงซึ่งกล่าวถึงเดือนยี่ในการพระราชพิธีบุษบาภิเษกว่าเป็นงานนักขัตฤกษ์ที่ หมู่นางสนมกำนัลดูการชักว่าวหง่าว (ว่าวดุ๊กดุ่ย)

สมัยกรุงศรีอยุธยา (พ.ศ.1893-2310)

- ซึ่งเป็นสมัยที่สมเด็จพระรามาธิบดีเป็นปฐมกษัตริย์การสร้างกรุง เมื่อ พ.ศ.1901 ทรงตั้งกฎมณเฑียรบาลว่าห้ามมิให้ผู้ใดเล่นว่าวข้ามพระราชวังอันเนื่องมาจากทรงเกรงว่า ว่าวที่ใช้เล่นกันจะไปเกี่ยวหรือทำความเสียหายให้แก่สิ่งก่อสร้างในพระราชวัง และเมื่อครั้งสมัยพระเพทราชาก็ได้ทรงใช้ว่าวในการทำสงครามโดยใช้ ลูกระเบิดติดกับว่าวจุฬาแล้วชักว่าวลอยข้ามกำแพงเพื่อเข้าโจมดีฝ่ายข้าศึกโดยในสมัยนี้ได้ปรากฏชื่อว่าวปักเป้าขึ้นมาด้วย ทั้งนี้ยังทรงให้มีการแข่งขันการเล่นว่าวโดยเล่นเพื่อเอาแพ้ชนะกัน

- ในจดหมายเหตุของ มองซิเออร์ ลาลูแบร์ อัครราชทูตของพระเจ้าหลุยที่ 14 กรุงฝรั่งเศส ซึ่งเข้ามาเจริญสัมพันธไมตรี ในแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช กล่าวถึงการเล่นว่าวของไทยว่า เป็นการเล่นที่สนุกสนาน เป็นที่นิยมในหมู่เจ้านายและขุนนาง

สมัยกรุงรัตนโกสินทร์

- ในสมัยรัชกาลที่ 4 (พ.ศ.2394-2111) พระองค์ทรงมีพระบรมราชานุญาตให้ประชาชนเล่นว่าวได้ที่ท้องสนามหลวง ต่อมาในรัชกาลที่ 5 ในปี พ.ศ.2449 ได้มีการจัดการแข่งขันว่าวจุฬา-ปักเป้าชิงถ้วยทองคำพระราชทานที่พระราชวัง สวนดุสิตการแข่งขันนี้มีเป็นประจำทุกปี จนสิ้นรัชสมัยของพระองค์และในสมัยรัชกาลที่ 6 (พ.ศ. 2453-2468) พระองค์ ได้ทรงให้มี การจัดกีฬาว่าวขึ้นมาอีก ครั้งหนึ่ง

ความหมาย

- ว่าวเป็นการละเล่นของไทยที่มีมาช้านาน โดยการเล่นต้องหาโอกาสที่เหมาะสม ในการเล่นซึ่งโอกาสที่เหมาะสมในที่นี้ก็ คือ การหาช่วงเวลาที่มีอากาศดีลมพัดอย่างสม่ำเสมอไม่แรงจนเกินไป เพราะอาจทำให้ว่าวเสียการทรงตัวและขาดได้พร้อมทั้งสถานที่ในการเล่นว่าวควร จะเป็นสถานที่กว้างพอที่จะทำให้ว่าวลอยได้อย่างอิสระสวยงาม การเล่นว่าวใช้อุปกรณ์ในการเล่นที่ไม่ยุ่งยากเพราะส่วนประกอบของว่าว โดยหลักแล้วจะมีเพียงไม้ไผ่ที่นิยมใช้ทำโครงว่าว และกระดาษที่ ใช้ติด กับโครงว่าวที่เราสร้างไว้ กระดาษกับเชือกที่ใช้ผูกกับไม้ความแข็งแรงนั้นขึ้นอยู่กับว่าจะใช้ในการแข่ง ขันหรือเล่นเพื่อความสนุกสนาน หากใช้ในการแข่งขันเชือกกับกระดาษที่ใช้ควรจะเหนียวพอที่จะโต้ลมได้จนจบการ แข่งขันโดยไม่มีการชำรุดไปเสียก่อน

ว่าวที่นิยมเล่นในเทศกาลการจัดการแข่งขันการเล่นว่าว

ประเภทและชนิดของว่าว

- ในปัจจุบันการเล่นว่าวได้พัฒนาขึ้นรูปแบบของว่าวก็ได้ถูกพัฒนา ให้เป็นที่รู้จักกันมากขึ้น รวมทั้งมีการประดิษฐ์ให้มีความทันสมัย สีสัน รูปแบบสวยงามเป็นที่น่าสนใจยิ่งขึ้นด้วยเช่นกัน โดยว่าวที่เล่นกันในประเทศไทยได้แบ่งเป็น 2 ประเภทใหญ่ คือ

1.ว่าวแผง เป็นว่าวที่ไม่มีความหนา มีแต่ส่วนกว้าง และส่วนยาว เช่นว่าวจุฬา ว่าวปักเป้า ว่าวอีลุ้ม ว่าวรูปสัตว์ ต่างๆ

2.ว่าวภาพ ชื่อของว่าวก็เป็นสิ่งที่บอกได้ว่าว่าวประเภทนี้ต้องเกี่ยวข้องกับ ความคิดสร้างสรรค์ ฝีมือที่ใช้ในการประดิษฐ์ว่าวเพื่อให้เกิดลักษณะที่พิเศษ เป็นที่น่าสนใจแก่ผู้คน ซึ่งว่าวภาพก็แบ่งย่อยเป็น 3 ประเภทอีก คือ

• ว่าวประเภทสวยงาม

• ว่าวประเภทความคิด

• ว่าวประเภทขบขัน

ว่าวที่นิยมเล่นกันในภาคต่างๆ

- ภาคเหนือ ลักษณะของว่าวไทยภาคเหนือ แต่เดิมจะมีรูปแบบง่ายๆโดยโครงสร้างก็ประกอบด้วยไม้ไผ่ที่มาทำเป็นโครงมีไม้ ที่ทำเป็นแกนกลางและทำเป็นปีกว่าวทีกระดาษที่ไว้ปิดโครงไม้รูปร่างว่าวคล้าย ว่าวปักเป้าของภาคกลาง แต่ไม่มีหาง ว่าวรูปแบบอื่นๆคงได้รับแบบอย่างมาจากการทำว่าวของภาคกลางว่าวที่นิยมมากที่ สุด คือ ว่าวสองห้อง ภาคกลางเรียกว่า ว่าวดุ๊ยดุ่ย รองลงไป ได้แก่ ว่าวอีลุ้ม

ภาคกลาง

- ภาคกลางเป็นภาคที่นิยมการเล่นว่าวซึ่ง ว่าวที่เป็นที่นิยมเล่นกันจะมีด้วยกันหลายรูปแบบแต่ที่เป็นแบบดั้งเดิมคือว่าวปักเป้า ว่าวดุ๊ยดุ่ย ว่าวอีเพรด ว่าวอีลุ้ม ส่วนว่าวที่เป็นรูปแบบใหม่ก็เช่นว่าวงู ว่าวนกยูง ว่าวคน ว่าวผีเสื้อ

ภาคตะวันออก

ว่าวที่ภาคตะวันออกเล่นกันเช่นว่าวอีลุ้ม ว่าวหาง ว่าวหัวแตก ว่าวดุ๊ยดุ่ย ว่าวกระดาษ ว่าวในมะกอก

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

- ประชาชนส่วนมากนิยมเล่นว่าวพื้นเมือง และว่าวที่นิยมมากที่สุด คือ ว่าวสองห้อง ภาคกลางเรียกว่า ว่าวดุ๊ยดุ่ย รองลงไป ได้แก่ ว่าวอีลุ้มส่วนว่าวที่มีการเล่นว่าวหาง (ว่าวดุ๊ยดุ่ย), ว่าวอีลุ้ม (ว่าวอีลุ่ม) ว่าวปลาโทดโทง ว่าวประทุน

ภาคใต้

- การเล่นว่าวในภาคใต้นิยมเล่นเพื่อความสนุกสนานเป็นส่วนใหญ่ ว่าวที่เล่นกันมากในภาคใต้มีหลายชนิด เช่น ว่าววงเดือน ว่าวปักเป้า ว่าวนก ว่าวหลา (ว่าวจุฬา) ว่าวอีลุ้ม ว่าวงู ว่าวคน ว่าวกระบอก และว่าวใบไม้ ว่าวที่นิยมเล่นกันมาก คือว่าววงเดือนแบบมี คนรุ่นก่อนๆ มักนิยมเล่นว่าววงเดือน ซึ่งมีขนาดที่ใหญ่คือการทำว่าวที่มีขนาดของปีกยาวประมาณ 3-4 เมตร ใช้คนส่งว่าวขึ้น 2-3 คน และคนชัก 3-4 คน ส่วนว่าววงเดือนอีกชนิดหนึ่งจะเป็นแบบไม่มีแอกซึ่งเล่นเพื่อการแข่งขันว่าวตัว

วิธีการทำและอุปกรณ์การทำว่าว

- ว่าวเป็นการละเล่นที่สามารถหาอุปกรณ์ได้ง่ายแต่ก็มีสิ่งหนึ่งที่ ควรใส่ใจก็คือเรื่องของการเลือกวัสดุที่มีคุณภาพมาประกอบการทำว่าวเพื่อให้ ว่าวสามารถตัวอยู่บนอากาศได้อย่างสวยงาม เริ่มจากการหาไม้มาประกอบเป็นโครงสร้าง ไม้ที่นำมาประกอบเป็นโครงสร้างโดยทั่วไปแล้วสามารถใช้ไม้ชนิดใดก็ได้แต่ ส่วนใหญ่นิยมนำไม้ไผ่มาใช้ เนื่องจากไม้ไผ่เป็นไม้ที่มีความยืดหยุ่นและเหนียว ทนแรงลม การเลือกไม้ไผ่ควรเลือกไม้ที่มีอายุ 3 ปีขึ้นไปแล้วผ่าซีกนำไปตากแดด เหลาให้มีขนาดที่พอดีไม่เล็กจนเกินไปเพราะจะไม่สามารถต้านแรงลมได้นาน หรือไม่ควรใหญ่จนเกินไปเพราะหากมีน้ำหนักมากเกินไปอาจจะทำให้ว่าวขึ้นสู่ กระแสลมได้ไม่สูงไม่สวยงาม อุปกรณ์ต่อมาก็จะเป็นเรื่องของสายป่านหรือเชือกที่นำมาผูกกับไม้สายที่นำมา ผูกควรเหนียว การผูกสายป่านควรผูกให้แต่ละด้านให้เท่ากันและรัดให้แน่นต่อมาอุปกรณ์ที่ สำคัญชิ้นสุดท้ายก็เป็นกระดาษที่ใช้นำมาปิดว่าว กระดาษที่นิยมคือกระดาษสา โดยนำกระดาษมาตัดตามรูปโครงว่าวให้ใหญ่กว่าขนาดโครงว่าวเล็กน้อยแล้วนำกาวมา ติดตามขอบของโครงว่าว ซึ่งในปัจจุบันก็มีการสร้างสรรค์นำสี หรือกระดาษสีต่างๆนำมาติดเพื่อความสวยงามมากมายพร้อมทั้งเป็นการยึดให้ กระดาษติดโครงว่าวมากขึ้น

วิธีการเล่นว่าวและการแข่งขันบนอากาศของว่าวจุฬากับว่าวปักเป้า

- การนำว่าวขึ้นสู่กระแสลมหากว่าเล่นเพียงคนเดียวก็ให้เอาวางราบอยู่กับพื้น หันหัวว่าวมาทางหัวคนชักว่าว ระยะห่างจากตัวสัก 2-3 เมตร แล้ววิ่งพร้อมกระตุกสายป่านโดยการรักษาจังหวะการกระตุก ไม่แรงเกินไปเพื่อให้ว่าวสามารถปรับตัวเข้ากระแสลม แต่หากเล่นกัน 2 คน ก็ให้อีกคนหนึ่งเป็นคนส่งว่าว อีกคนหนึ่งก็เป็นคนชักว่าวโดยคนส่งว่าวควรห่างจากคนชักว่าวประมาณ 4-5 เมตร ตั้งหัวว่าวขึ้นเพื่อรอจังหวะของกระแสลมแล้วจึงส่งว่าวไป คนชักว่าวจะกระตุกสายป่านจนว่าวลอยขึ้นแล้วก็ควบคุมโดยการกระตุกสายป่านให้เป็นถูกจังหวะ การบังคับว่าวหากว่าแรงที่เรากระตุกสายป่านมีมากจะทำให้ว่าวขึ้นได้สูงตามแรงที่เรากระตุก และหากต้องการผ่อนลงมาให้ว่าวอยู่ในระดับที่ต่ำก็ควรลดแรงลงมาเล็กน้อย

การแข่งขันเล่นว่าวจุฬากับว่าวปักเป้า

การแข่งขัน

- ในปัจจุบันว่าวที่นิยมนำมาแข่งขันกันตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันก็เห็นจะเป็น ว่าวจุฬากับว่าวปักเป้า ซึ่งเป็นว่าวที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกัน และเปรียบเหมือนคู่ปรับกันด้วย โดยโครงสร้างของว่าวจุฬาจะมีขนาดใหญ่ มีกำลังมาก หากเปรียบเทียบแล้ว ว่าวจุฬาจะมีขนาดใหญ่กว่าว่าวปักเป้าเป็น 2 เท่า การแข่งขันเริ่มจาก ผู้เล่นทั้งสองฝ่าย อยู่ในบริเวณของตน โดยจะให้ว่าวของตัวเองโฉบเข้าหาอีกฝ่ายหนึ่ง ว่าวปักเป้าจะมีเหนียงที่เป็นเชือกป่านคล้องตัวว่าวจุฬาให้เสียการทรงตัว ซึ่งว่าวปักเป้าที่อยู่ในแดนของตนก็จะร่อนไปมาเพื่อหาโอกาสโฉบว่าวจุฬามาโดย การใช้เหนียง ส่วนว่าวจุฬาจะ ติดดอก จำปาไว้ ซึ่งดอกจำปานี้จะทำให้ว่าวปักเป้ามาติดว่าวจุฬา ในขณะการเล่นผู้ชักว่าวทั้งสองฝ่ายห้ามล้ำแดนกัน กฎการได้ชัยชนะคือหากว่าวจุฬาสามารถลากพาว่าวปักเป้าเข้าทีละตัวหรือหลายตัว ก็ได้ ถ้านำคู่ต่อสู้มาในแดนของตนได้สำเร็จก็เป็นฝ่ายชนะ หรือ ว่าวปักเป้าลากพาว่าวจุฬามาแดนของตนได้ก็เป็นฝ่ายชนะได้เช่นกัน แต่ถ้าหากว่าขณะที่ชักมาว่าวปักเป้าขาดลอยไปเสียก็ไม่มีฝ่ายใดได้คะแนน

คุณค่าและประโยชน์ในการเล่นว่าว

- ว่าวเป็นกีฬา การละเล่นที่มีมาช้านาน รวมทั้งบ่งบอกเอกลักษณ์ของความเป็นไทยได้ดี เป็นการฝึกใช้ความสามารถทางศิลปะ ความคิดสร้างสรรค์ ความแข็งแรง อดทน ความมีไหวพริบ ความสามัคคีที่ต้องช่วยกันให้ชนะอีกฝ่าย

บรรณานุกรม

ยุพิน ธชาศรี . ว่าวไทย .กรุงเทพฯ :กิมง้วนการพิมพ์, 2526

รวบรวมข้อมูลโดย : น.ส. โศธิดา ศิริอำนวยศิลป์ นักศึกษาช่วยงาน ปีงบประมาณ 2551 งานพัฒนาและจัดการสารสนเทศ

หมวดหมู่
อื่นๆ
สถานที่ตั้ง
การเล่นว่าว โรงเรียนร่องคำ อำเภอร่องคำ จังหวัดกาฬสินธุ์
เลขที่ 100 หมู่ที่/หมู่บ้าน ม.13 บ.ศรีเมือง ถนน ขอนแก่น-โพนทอง
ตำบล ร่องคำ อำเภอ ร่องคำ จังหวัด กาฬสินธุ์
รายละเอียดการเข้าถึงข้อมูล
โรงเรียนร่องคำ
บุคคลอ้างอิง โรงเรียนร่องคำ อีเมล์ opas2510@yahoo.co.th
ชื่อที่ทำงาน โรงเรียนร่องคำ อีเมล์ opas2510@yahoo.co.th
เลขที่ 100 หมู่ที่/หมู่บ้าน ม.13 บ.ศรีเมือง ถนน ขอนแก่น - โพนทอง
ตำบล ร่องคำ อำเภอ ร่องคำ จังหวัด กาฬสินธุ์ รหัสไปรษณีย์ 46210
โทรศัพท์ 043897030 โทรสาร 043897295
เว็บไซต์ ้http://www.lib.ru.ac.th/journal/kite.html
แสดงความคิดเห็น
โปรด เข้าสู่ระบบ ก่อนทำการแสดงความคิดเห็น

ชื่อผู้ใช้
รหัสผ่าน
สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดกาฬสินธุ์ 17 เมษายน 2555 เวลา 10:52
ดีมากครับ



opas 12 เมษายน 2555 เวลา 16:37
นายประพันธ์ ทักษิโณ คณะผู้บริหาร ครู บุคลากรและนักเรียนโรงเรียนร่องคำ ได้ร่วมจัดประเพณีลงแขกเกี่ยวข้าวที่ศูนย์การเรียนรู้ที่ 1 แหล่งเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง และได้นำว่าวมาทำการเล่นในการลงแขกเกี่ยวข้าว และได้รับความสนใจจากครูนักเรียนเป็นอย่างมาก



opas 12 เมษายน 2555 เวลา 12:13
การเล่นว่าว โรงเรียนร่องคำ อำเภอร่องคำ จังหวัดกาฬสินธุ์
ข้อมูลที่แสดงในระบบนี้ จัดเก็บโดยนักวิชาการวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม หากมีข้อเสนอแนะหรือข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อวัฒนธรรมจังหวัด
       ข้อมูลนี้เป็นประโยชน์หรือไม่