ทวดสะบ้าย้อย
สิ่งศักดิ์สิทธิ์ เป็นความเชื่อที่ควบคู่กับคนไทยมาแต่โบราณกาล เป็นสิ่งยึดเหนี่ยวและเป็นวิถีชีวิต
“ศาลาทวด” ตั้งอยู่ในเขตเทบาล ตำบลสะบ้าย้อย อำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา ลักษณะเป็นศาลาไทย ขนาดกะทัดรัด กว้างประมาณ ๒.๕ เมตร ภายในศาลามีรูปปั้นของ “ทวด”เป็นรูปหล่อครึ่งตัว สีดำคล้ายสัมฤทธิ์ ลักษณะหน้าคมเข้ม ร่างกายบึกบึนแข็งแรง วางอยู่บนแท่นสูง ตั่งล่างถัดลงมาเป็นที่วางกระถางธูป และเครื่องสักการะ พวงมาลัย หรือดอกไม้ ด้านหน้าศาลาเป็นลานซีเมนต์กว้าง ใกล้ศาลาด้านซ้ายและขวา มีรูปปั้นช้าง ด้านละ ๒ ตัว เก้าอี้หินอ่อนวางไว้ด้านข้าง ยามบ่ายรถราวิ่งผ่านน้อยเหลือเกิน แต่ทุกครั้งที่รถผ่านหน้า “ทวด”ก็จะมีเสียงแตรรถดังเป็นสัญญาณสั้น ๆ ๒-๓ ครั้ง นั่นคือการแสดงความเคารพและคารวะ
ทวดสะบ้าย้อยเดิมเป็นทหาร ในสมัยรัตนโกสินทร์ มีการทำสงครามและไปตีเมืองปัตตานี ชาวบ้านอพยพย้ายไปอยู่อาศัยถิ่นอื่น เช่น จะนะ หนองจอก (กรุงเทพฯ) เพื่อมาหาที่อยู่แหล่งใหม่เมื่อมาถึงแห่งนี้เป็นที่ราบ มีห้วย หนอง ลำคลอง เหมาะแก่การเพาะปลูก สมัยก่อนมีน้ำเป็นสีเขียว น้ำไม่ค่อยแห้ง นายพรม ชอบไปยิงปลาในเวลากลางคืน และวันหนึ่งได้ฝันว่า”อย่าไปยิงปลาเพราะเขาจะไปว่ายน้ำเล่น”ถึงตอนเช้าไปดูปรากฏว่าน้ำบริเวณนั้นเป็นสีแดง เขียว สลับกันไป ไม่ซ้ำกัน เลยจุดธูปบนบานสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ถึงเวลากลางคืนมีคนมาบอกว่ามีคนนอนตาย ไปดูปรากฏว่ามีจริง นายรมเลยบนบานต่อบริเวณน้ำนั้น ว่าช่วยปกป้องไม่ให้มีคนตายในคูเมือง (หมู่บ้าน) แนวเขตร่องรอยของเขต นายพรม เลยทำศาลปักหน้าบ้าน (หน้าหลาทวด) ทำเป็นศาลเพียงเล็ก ๆ