หัวโขน นับเป็นงานศิลปะชั้นสูงที่รวมเอาผู้ที่มีความรู้ ความชำนาญในเชิงช่างหลาย
สาขาเข้าไว้ด้วยกัน อาทิเช่น ช่างหุ่น ช่างปั้น ช่างแกะสลัก ช่างกลึง ช่างรัก และช่างเขียน แต่
ในทางปฏิบัติกว่าจะได้มาซึ่งหัวโขนที่ถูกต้องและสวยงามนั้นต้องอาศัยเทคนิคและองค์ประกอบอื่นๆ
อีกมากมาย
ปัจจุบันหัวโขนมิได้เป็นเพียงส่วนประกอบสำคัญในการแสดงโขนเท่านั้น หากแต่หัวโขน
ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ทางศิลปวัฒนธรรมอย่างหนึ่งของไทยไปแล้ว ดังจะเห็นได้จากหัวโขนได้
ถูกย่อส่วนลงเพื่อจัดแสดงและประดับในสถานที่ต่างๆ เช่น ห้องนิทรรศการ ห้องแสดงสินคา
หัตถกรรมไทยหรือตามโรงแรม เป็นต้น นอกจากนี้หัวโขนยังได้กลายเป็นของสะสมสำหรับผู้ที่มี
รสนิยมทางศิลปะอันละเมียดละไมอีกด้วย
การทำหัวโขน
1.การปั้นหุ่น หุ่นในที่นี้หมายถึง รูปแบบ หรือลักษณะของหัวโขนได้แก่ หุ่นพระ-นาง
หุ่นยักษ์โล้น หุ่นยักษ์ยอด หุ่นลิงโล้น หุ่นลิงยอด และหุ่นพิเศษ
การปั้นหุ่นนั้นสิ่งแรกจะต้องเตรียมดินเหนียว นวดให้ได้ที่แล้วนำมาวางบนแป้นกระดาน
ปั้นเป็นรูปหุ่นแบบต่างๆ ตามต้องการ เมื่อปั้นดินเป็นหุ่นเรียบร้อยแล้วจึงกลับหุ่นดินเป็นหุ่นปูน
ปลาสเตอร์เพื่อจะได้เป็นหุ่นที่ถาวร
2.การพอกหุ่น และผ่าหุ่น เมื่อปั้นหุ่นได้เรียบร้อยตามต้องการแล้ว เอาแป้งเปียกละเลง
บนกระดาษสา ซึ่งฉีกเป็นชิ้นเล็กๆ ปิดลงให้รอบหุ่นให้หนาพอสมควรที่หุ่นจะทรงตัวอยู่ได้ โดย
จะต้องปิดกระดาษเป็นชั้นๆ แต่ละชั้นเท่าๆ กัน เมื่อเรียบร้อยแล้วนำไปผึ่งแดดประมาณ 3 วัน เมื่อ
แห้งแล้วนำมารีดเพื่อให้เรียบ ใช้มีดผ่าด้านหลังของหุ่นแล้วเย็บด้วยลวดขนาดเล็ก และตกแต่ง
ให้เรียบร้อยปิดกระดาษทับอีกครั้งหนึ่งจะได้หุ่นกระดาษที่สมบรูณ์พร้อมที่จะปั้นหน้าต่างๆ ได้
3.การแต่งหน้าหุ่น ติดลวดลาย และทำเครื่องประกอบ หุ่นกระดาษที่ออกมาแล้ว
จะต้องตกแต่งสัดส่วนต่างๆ บนใบหน้านูนเด่นขึ้น โดยใช้รักปั้นทับตามรูปหน้า คิ้ว จมูก ริมฝีปาก
ไพรปากแล้วปิดกระดาษสาทับ ใช้มีดตกแต่งส่วนที่ไม่เรียบและขัดด้วยกระดาษทราย
การติดลวดลาย เริ่มจากการใช้รักกระแหนะลายออกจากพิมพ์หินสบู่ที่แกะไว้จนได้เป็น
ลายเส้นและลายกระจัง นำลายรักมาติดบนกะโหลกให้ครบ ซึ่งต้องใช้รักเทือก (ยางรักผสม
น้ำมันยาง)เป็นตัวเชื่อมให้ลายเหล่านั้นติดแน่นอยู่กับกะโหลก การวางลวดลายจะต้องศึกษา
ลักษณะของหัวโขนแต่ละแบบซึ่งไม่เหมือนกันและเป็นไปตามแบบแผนโบราณซึ่งอาจดูได้
จากภาพรามเกียรติ์เครื่องประกอบของหน้าโขนที่ไม่อาจใช้กระดาษสาหรือรักทำได้ เช่น จอนหู
ซึ่งต้องใช้หนังวัวเป็นพื้นเพราะมีความแข็งแรง สามารถตัดให้โค้งงอตามความต้องการได้ และต้อง
ฉลุสลักลวดลายให้งดงามตามแบบศิลปะของการแกะสลักนอกจากนี้ยังต้องติดเครื่องประกอบอื่นๆ
ให้แก่หัวโขนคือ ตา ฟัน เขี้ยว และงาซึ่งทำจากหอยมุกโข่งไฟ
4.การปิดทองและการติดพลอยการปิดทองคำเปลวจะปิดลงบนหัวโขนตรงส่วนที่เป็น
ลายรัก หรืออาจปิดบริเวณด้านหน้าของหัวโขนในกรณีที่หัวโขนมีหน้าสีทอง เพื่อให้หัวโขนมีความ
สวยงาม
5.การลงสี การเขียนลวดลายลงบนหัวโขน การลงสีหัวโขนนั้นมีความจำเป็นอย่างยิ่ง
เพราะสีของหน้าโขนแต่ละหน้าไม่เหมือนกัน เช่น พระรามมีหน้าสีเขียวนวล พระลักษณ์จะมีหน้า
สีทอง
หลังจากลงสีหัวโขนเรียบร้อยแล้วจึงเขียนลวดลายต่างๆ โดยเฉพาะ “ลายฮ่อ”จะปรากฏ
มีอยู่ทุกหน้าของหัวโขน เขียนเส้นคิ้ว ตา ปาก ไพรปาก และเส้นฮ่อลงบนหน้าโขน ตกแต่งอย่าง
ละเอียดตามลักษณะของหน้าโขนชนิดนั้นๆ ความประณีตของลวดลายมีความสำคัญอย่างยิ่ง
เพราะส่วนนี้เองที่ทำให้ผู้ชมเกิดความรู้สึกว่างานนั้นงดงามหรือประณีตเพียงไร
โดย...วัฒนธรรมอำเภอพระนครศรีอยุธยา
สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
หัวโขน.............