พระอาจารย์สร้อย(หลวงพ่อสร้อย)
ตั้งอยู่ที่ภายในวัดเขาแก้ววรวิหาร ตั้งอยู่เลขที่ ๑ หมู่ที่ ๑ ตำบลต้นตาล อำเภอเสาไห้ จังหวัดสระบุรี พระอาจารย์สร้อย วิจาโร เป็นพระเถระที่มีชื่อเสียงและทรงคุณวิปัสสนากรรมฐาน และฉันอาหารมังสวิรัติมื้อเดียว เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของประชาชนเป็นจำนวนมาก พระครูศรีรัตนบาลได้นิมนต์มาประจำพรรษา ณ วัดเขาแก้ววรวิหารเมื่อปี พ.ศ.๒๕๐๓ เพื่อเป็นกำลังสำคัญในการช่วยก่อสร้างพระเจดีย์ และศาลาการเปรียญ และท่านได้มรณภาพด้วยโรคชรา ๗๙ปี เมื่อปี พ.ศ.๒๕๐๓-๒๕๐๔ พระอาจารย์สร้อยธุดงค์ไปปักกรดอยู่แถวปลายทุ่งบางกะปิ ใครจะนิมนต์ท่านเข้าไปในชายคาท่านจะไม่ยอม ต่อมาพลเรือตรีสนิท โปกฤษณะ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลทหารเรือบุคคโล ไปพบเข้า มีความเลื่อมใส และได้ทราบว่าพระอาจารย์สร้อยอาพาธ จึงนิมนต์ท่านเข้าไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลทหารเรือ โดยให้อยู่ตึกพิเศษ ๑ พระอาจารย์สร้อยได้ออกบิณฑบาตทุกวัน ท่านไม่ได้ไปไกลนักท่านจะออกบิณฑบาตจากแถวตึกคนไข้พิเศษ ๑ ไปที่ประตูทางเข้าออกของโรงพยาบาลทหารเรือ ซึ่งตรงนั้นมีต้นมะฮอกกานี แล้วท่านก็ยืนหลับตาประมาณ ๑๔ นาที จึงลืมตาขึ้นแล้วถือบาตรกลับ เข้าห้องพักคนป่วยตรงที่ท่านยืนบิณฑบาตนั้นเป็นทางเข้าออกปกติ ทุกคนเห็นท่านยื่นเฉยๆ ไม่เห็นใครเอาอะไรมาใส่บาตรให้ แต่ทุกครั้งที่ท่านเอาบาตรกลับมามีข้าวสุกสีเหลืองอ่อนๆ และดอกไม้แปลกๆที่ไม่เคยเห็นติดมาด้วย ๒- ๓ ดอกทุกครั้ง สร้างความแปลกใจแก่ผู้มาพบเห็นเป็นประจำ บาตรที่ท่านพระอาจารย์สร้อยจะเอาไปบิณฑบาตนั้นนายทหารเรือเป็นผู้จัดให้ท่าน นายทหารเรือผู้นั้นยืนยันว่า “ผมตรวจและทำความสะอาดทุกวัน ผมรับรองว่าบาตรไม่อะไรจริงๆ ในเมื่อท่านเอาบาตรไปแขวนคออยู่ในสายตาของพวกผม ห่างจากตึก ๑๐ เมตร และติดประตูกรมแพทย์ทหารเรือ แต่แปลกตรงที่เราไม่เห็นใครเอาของมาใส่บาตรเลยแต่ทุกครั้งท่านเอาบาตรส่งให้มีข้าวและดอกไม้กลับมาทุกวัน”พระอาจารย์สร้อยอายุ ๗๐ แล้ว ยังเดินธุดงค์ไปกรุงเทพฯได้บ่อยครั้ง แต่ละครั้งท่านจะใช้บาตรใหญ่มากในการออกบิณฑบาต ญาติโยมจะใส่จนเต็ม บาตรที่พระอาจารย์สร้อยใช้บิณฑบาตหนักมากแม้แต่บางคนยังอุ้มไม่ไหว แต่พระอาจารย์สร้อยอุ้มได้หลายกิโลเมตร คนเลยเรียกว่า“หลวงพ่อบาตรใหญ่”