ร่วมแสดงความคิดเห็นกับเรา
ขอขอบคุณสำหรับการเยี่ยมชมเวบไซต์ m-culture.in.th

เราได้จัดทำแบบสำรวจแบบง่ายๆ เพื่อจะ
ได้ทราบถึงสิ่งที่ผู้เยี่ยมชมเวบไซต์เรา
ชอบและให้เราได้เรียนเกี่ยวกับคุณมากขึ้น
 
ละติจูด (รุ้ง) : N 14° 29' 53.6503"
14.4982362
ลองจิจูด (แวง) : E 100° 40' 26.846"
100.6741239
เลขที่ : 186414
หน้าบันพระอุโบสถ : วัดใหญ่เทพนิมิตร์
เสนอโดย เสือมหาราช วันที่ 30 มีนาคม 2556
อนุมัติโดย พระนครศรีอยุธยา วันที่ 31 มีนาคม 2556
จังหวัด : พระนครศรีอยุธยา
0 542
รายละเอียด

หน้าบันพระอุโบสถ

ด้านหน้าหน้าบันด้านหน้าแบ่งออกเป็นสองส่วนคือ บนและล่าง ใช้ชุดลายกระจังฐานพระเป็นตัวแบ่ง ด้านบนเป็นรูปพระนารายณ์ทรงครุฑยุดนาค แวดล้อมไปด้วยกนกเครือเถา ส่วนผนังช่วงล่างเป็นภาพลายปูนปั้น เล่าเรื่องทศชาติ เพื่อสะดวกและเป็นคู่มือสำหรับชมภาพ จึงขอยกเรื่องแบบย่อๆ มาลงไว้

เตมียชาดกว่าด้วยการบำเพ็ญเนกขัมมบารมี ครั้งนั้นพระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นพระเตมีย์ ทรงสังเวชใจเมื่อเห็นพระราชบิดาสั่งทำโทษนักโทษ จึงทำเป็นคนใบ้ หูหนวก เพื่อที่จะไม่ต้องพิจารณาลงโทษผู้ใด พระราชบิดาเชื่อฟังคำของอำมาตย์ จึงได้นำพระองค์ไปฝังเสีย แต่พระเตมีย์ได้ทรงแสดงอานุภาพ และแสดงโอวาทโปรดพระชนกพระชนนี พร้อมทั้งเหล่าอำมาตย์จนทั่วหน้า จากนั้นทรงลาพระชนกพระชนนี ออกบรรพชา

ภาพปูนปั้นจะอยู่ล่างขวาของหน้าบัน

มหาชนกชาดกว่าด้วยการบำเพ็ญวิริยะบารมี ครั้งนั้นพระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นพระมหาชนก พระมารดาพาหลบหนีออกจากเมืองตั้งแต่ยังอยู่ในครรภ์ มาอาศัยอยู่กับฤาษี จนกระทั้งเติบโตขั้น ออกเดินทางค้าขายทางทะเล เรือเกิดอับปาง ว่ายน้ำอยู่ในมหาสมุทรอยู่เป็นเวลานานถึง 7 วัน นางมณีเมฆขลาจึงได้มาพบและช่วยเหลือ ภายหลังได้ครองเมืองมิถิลา เกิดความเบื่อหน่ายในราชสมบัติ สละกิเลสออกบรรพชา

ภาพปูนปั้นจะอยู่ด้านล่างตรงกลางหน้าบัน

สุวรรณสามชาดกว่าด้วยการบำเพ็ญเมตตาบารมี ครั้งนั้นพระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นสุวรรณสาม เลี้ยงบิดามารดาซึ่งตาบอด พระองค์มีเมตตากรุณาต่อสัตว์ทั้งปวง วันหนึ่งกบิลยักษ์ ผู้ครองเมืองพาราณสีเสด็จประพาสป่า ได้ทรงยิงธนูถูกสุวรรณสามสิ้นชีพไป แต่ก่อนตายนั้นสุวรรณสามมิได้มีความขุ่นเคืองต่อพระองค์เลย ตรัสเล่าเรื่องบิดามารดาที่ตาบอดแก่พระเจ้าพาราณสีฟังแล้วสิ้นชีวิตลง ภายหลังกลับฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้ด้วยแรงอธิษฐานของบิดามารดา จากนั้นทรงแสดงธรรมโอวาทถวายแด่พระเจ้าพาราณสีให้ละเว้นจากการทำชั่วให้ทำแต่กุศล

ภาพปูนปั้นจะอยู่ด้านล่างขวาของหน้าบัน

เนมิราชชาดกว่าด้วยการบำเพ็ญอธิษฐานบารมี ครั้งนั้นพระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นพระเจ้าเนมิราชชาดก ทรงหมั่นในการบำเพ็ญทาน รักษาศีลอุโบสถทุกวัน จนพระอินทร์สั่งให้พระมาตุลีเทวบุตรมารับขึ้นไปเที่ยวบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ก่อนที่จะเสด็จขึ้นไปบนสวรรค์นั้น มาตุลีเทวบุตรได้พาพระองค์เสด็จเที่ยวชมนรกชั้นต่างๆ จนพระองค์เกิดความสลดพระทัย จากนั้นเสด็จขึ้นไปเทศนาให้เหล่าเทพยดาฟังแล้วจึงกลับมายังโลกมนุษย์เล่าความเป็นไปให้ชาวเมืองฟังพร้อมทั้งสั่งสอนให้กระทำแต่ความดีละเว้นความชั่ว หมั่นให้ทาน จะได้ไม่ต้องตกนรก ต่อมาเมื่อพระองค์ทอดพระเนตรเห็นพระเกศาหงอกจึงสละสมบัติออกบรรพชา

ภาพปูนปั้นจะอยู่ด้านขวาของหน้าบัน

มโหสถชาดกว่าด้วยการบำเพ็ญปัญญาบารมี ครั้งนั้นพระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นพยานาค ชื่อ ภูริทัตต เป็นผู้เฉลียวฉลาดสามารถแก้คดีต่างๆ ได้สำเร็จ มีพระประสงค์ต้องการจะไปเกิดบนสวรรค์ จึงขอพระชนกชนนีไปจำศีลรักษาอุโบสถอยู่ที่ริมฝั่งน้ำทั้งวันและคืน ตลอดเวลา 1 ปี และได้ช่วยเหลือพรานผู้หนึ่ง ภายหลังพรานนั้นคิดอกตัญญู บอกที่อยู่ของพระองค์แก่หมองู เพราะอยากได้ของวิเศษ พระภูริทัตตถูกจับไปทรมานต่าง ๆ นานา แต่พระองค์ไม่ทรงถือโกรธ จากนั้นได้สั่งสอนถึงประโยชน์ของการรักษาอุโบสถศีลแก่นาคทั้งหลายจนทั่วหน้า

ภาพปูนปั้นจะอยู่กลางผนังเหนือตอนมหาชาดก

จันทกุมารชาดกว่าด้วยการบำเพ็ญขันติบารมี ครั้งนั้นพระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นจันทกุมาร โอรสของพระเจ้าสาวัตถี เป็นผู้พิพากษาในเมืองนั้นแทนพราหมณ์ผู้ซึ่งตัดสินไม่เที่ยงธรรม ต่อมาพระราชบิดาฟังคำยุยงของพราหมณ์เจ้าเล่ห์ ให้ฆ่าพระองค์พร้อมกับพระราชมารดาและชาวเมือง ซึ่งพระองค์ก็ไม่ได้ทรงทัดทานแต่อย่างใด ร้อนถึงพระอินทร์ต้องลงมาช่วย จึงรอดพ้นจากความตาย

ภาพปูนปั้นจะอยู่ระหว่างเรื่องภูริทัตกับพระมโหสถ

พรหมนารทชาดก ว่าด้วยการบำเพ็ญอุเบกขาบารมี ครั้งนั้น พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นพรหม ชื่อ พรหมนารท ได้ทรงแสดงธรรมสั่งสอนให้พระเจ้ากรุงมิถิลา ให้ละมิจฉาทิฐิเสียได้ โดยแสดงทุกข์ในนรกและทุกข์บนสวรรค์ให้พระราชาสดับ ทำให้พระราชาตั้งมั่นอยู่ในธรรมตลอดมา จากนั้นพรหมนารทก็เสด็จกลับยังพรหมโลก

ภาพปูนปั้นจะอยู่ผนังด้านบนเหนือจันทกุมาร

วิธูรชาดกว่าด้วย การบำเพ็ญสัจจาบารมี ครั้งนั้นพระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นวิธูรบัณฑิต เป็นผู้ถวายอรรถธรรมแก่พระเจ้าธนญชัยโกรพย์ราช ได้เป็นผู้ตัดสินระหว่างพระอินทร์ พระยานาค พระยาครุฑ และพระเจ้าธนญชัยโกรพย์กุมาร ในเรื่องว่าศีลของผู้ใดประเสริฐกว่ากัน โดยว่าศีลนั้นมีคุณธรรมเสมอกัน ทั้งสี่ต่างพากันยกย่องสรรเสริญวิธูรบัณฑิตว่าเป็นผู้มีปัญญาหามีผู้ใดเสมอไม่ ต่อมาได้สั่งสอนธรรมแก่ยักษ์ที่จะมาจับพระโพธิสัตว์ให้ละเว้นความชั่ว จนยักษ์ละความดุร้ายได้

ภาพปูนปั้นจะอยู่ด้านบนเหนือเรื่องภูริทัต

เวสสันดรชาดก หรือบางครั้งเรียกมหาชาติ ว่าด้วยการบำเพ็ญทานบารมี ครั้งนั้นพระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นพระเวสสันดร ทรงมั่นอยู่ในการให้ทานจนถูกขับไล่ออกจากเมืองเนื่องจากได้ยกช้างคู่บ้านคู่เมืองให้แก่พราหมณ์ชาวเมืองอื่น พระองค์พร้อมทั้งพระนางมัทรีและพระราชโอรส พระชาลี พระราชธิดา พระกัณหา ออกเดินป่าบวชเป็นดาบสทั้ง 4 พระองค์ ทรงยึดมั่นในการให้ทาน ท้ายที่สุดพระราชทานพระกัณหา พระชาลี ให้แก่ชูชก ส่วนพระนางมัทรี พระราชทานให้แก่พราหมณ์ (ซึ่งเป็นพระอินทร์แปลงลงมา) ภายหลังได้กลับคืนเมืองตามเดิม

ภาพปูนปั้นจะอยู่ขอบขวาบนของผู้ชม

ด้านหลังแบ่งหน้าบันออกเป็นสองส่วน เช่นเดียวกันกับด้านหน้า ตอนบนปั้นเป็นรูปครุฑยุดนาค แวดล้อมไปกนกเครือนาค ตอนล่างของหน้าบันเป็นลายใบเทศก้านแย่ง อยู่ในสภาพชำรุด

สถานที่ตั้ง
วัดใหญ่เทพนิมิตร์
เลขที่ 2 หมู่ที่/หมู่บ้าน 2
ตำบล สามไถ อำเภอ นครหลวง จังหวัด พระนครศรีอยุธยา
รายละเอียดการเข้าถึงข้อมูล
สำนักศิลปากรที่ 3 พระนครศรีอยุธยา
บุคคลอ้างอิง ธเนศ วีระสัย อีเมล์ thaneth.v@gmail.com
ชื่อที่ทำงาน สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา อีเมล์ ayutthayaculture@gmail.com
ถนน เอเซีย
จังหวัด พระนครศรีอยุธยา รหัสไปรษณีย์ 13000
โทรศัพท์ 0 3533 6882-3 โทรสาร 0 3533 6881
เว็บไซต์ http://www.ayu-culture.go.th
แสดงความคิดเห็น
โปรด เข้าสู่ระบบ ก่อนทำการแสดงความคิดเห็น

ชื่อผู้ใช้
รหัสผ่าน
ยังไม่มีการแสดงความคิดเห็น
ข้อมูลที่แสดงในระบบนี้ จัดเก็บโดยนักวิชาการวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม หากมีข้อเสนอแนะหรือข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อวัฒนธรรมจังหวัด
       ข้อมูลนี้เป็นประโยชน์หรือไม่