บ้านทรายมูล หมู่ที่ 2ตำบลทรายมูล อำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น อยู่ห่างจากที่ว่าการอำเภอน้ำพองไปทางทิศตะวันออกประมาณ 12 กิโลเมตร และห่างจากศาลากลางจังหวัดขอนแก่นไปทางทิศเหนือประมาณ 40 กิโลเมตร มีเนื้อที่ทั้งหมดของหมู่บ้านประมาณ 1,700 ไร่ ประชากรในหมู่บ้านส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม
ประวัติความเป็นมาบ้านทรายมูลเดิมชื่อบ้านเหมียดแอ่ ตั้งขึ้นเมื่อประมาณปีพุทธศักราช 2433 โดยการอพยพของผู้คนจากบ้านเหมียดแอ่ ซึ่งปัจจุบันเป็นหมู่บ้านร้าง อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือห่างบ้านทรายมูล 3 กิโลเมตร สาเหตุที่เป็นหมู่บ้านร้างเนื่องจากผู้คนทั้งหมดของหมู่บ้านเกิดโรคระบาดล้มตายกันเป็นจำนวนมาก จึงทำให้ผู้ที่รอดตายพากันอพยพหนีเพื่อหาทำเลที่ตั้งหมู่บ้านใหม่ที่อุดมสมบูรณ์ พวกที่อพยพมาทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ได้ยึดเอาซึมหัวควายที่เป็นทำเลที่เหมาะสม เป็นที่ราบลุ่มดินทรายผสมกับมูลสัตว์ป่า และซากพืชที่เน่าเปื่อยรวมกันอยู่ทำให้ดีดี เลยยึดเอาเป็นที่ตั้งบ้านเรือนหลายครอบครัว และตั้งชื่อหมู่บ้านว่า “ทรายมูล” โดยมีขุนมูลคาม ศรีตาแสน เป็นหัวหน้าหมู่บ้านและอยู่ในเขตปกครองของตำบลบัวใหญ่ ต่อมาราษฎรจังหวัดอุบลราชธานี จังหวัดร้อยเอ็ด และจังหวัดมหาสารคาม อพยพหนีความแห้งแล้งมารวมกับพวกที่มาอยู่ก่อนทำให้เกิดการขยายตัวของหมู่บ้าน และปี พ.ศ. 2440 จึงได้ตั้งให้ นายขุนมูลคาม ศรีตาแสน เป็นผู้ใหญ่บ้าน ปกครองหมู่บ้านด้วยความร่มเย็น ในปี พ.ศ. 2460 บ้านทรายมูลได้แยกการปกครองมาเป็นบ้านทรายมูล หมู่ที่ 2 โดยการ แบ่งเขตปกครองด้วยถนนกลางหมู่บ้านตามแนวทิศตะวันออกและทิศตะวันตก บ้านทรายมูลหมู่ที่ 1 อยู่ทิศใต้ของบ้านทรายมูลหมู่ที่ 2
ด้านการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรมบ้านทรายมูล หมู่ที่ 2 นับถือศาสนาพุทธ มีวัดประจำหมู่บ้าน 1 แห่ง คือ วัดศรีบุญเรือง สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย ด้านวัฒนธรรมประเพณีชาวบ้านหนองหว้า ยึดถือปฏิบัติตามฮีตประเพณีอีสาน มีโรงเรียนประจำหมู่บ้าน คือ โรงเรียนบ้านทรายมูล สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาขอนแก่น เขต ๔
บ้านทรายมูล หมู่ที่ 2ตำบลทรายมูล อำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น อยู่ห่างจากที่ว่าการอำเภอน้ำพองไปทางทิศตะวันออกประมาณ 12 กิโลเมตร และห่างจากศาลากลางจังหวัดขอนแก่นไปทางทิศเหนือประมาณ 40 กิโลเมตร มีเนื้อที่ทั้งหมดของหมู่บ้านประมาณ 1,700 ไร่ ประชากรในหมู่บ้านส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม
ประวัติความเป็นมาบ้านทรายมูลเดิมชื่อบ้านเหมียดแอ่ ตั้งขึ้นเมื่อประมาณปีพุทธศักราช 2433 โดยการอพยพของผู้คนจากบ้านเหมียดแอ่ ซึ่งปัจจุบันเป็นหมู่บ้านร้าง อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือห่างบ้านทรายมูล 3 กิโลเมตร สาเหตุที่เป็นหมู่บ้านร้างเนื่องจากผู้คนทั้งหมดของหมู่บ้านเกิดโรคระบาดล้มตายกันเป็นจำนวนมาก จึงทำให้ผู้ที่รอดตายพากันอพยพหนีเพื่อหาทำเลที่ตั้งหมู่บ้านใหม่ที่อุดมสมบูรณ์ พวกที่อพยพมาทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ได้ยึดเอาซึมหัวควายที่เป็นทำเลที่เหมาะสม เป็นที่ราบลุ่มดินทรายผสมกับมูลสัตว์ป่า และซากพืชที่เน่าเปื่อยรวมกันอยู่ทำให้ดีดี เลยยึดเอาเป็นที่ตั้งบ้านเรือนหลายครอบครัว และตั้งชื่อหมู่บ้านว่า “ทรายมูล” โดยมีขุนมูลคาม ศรีตาแสน เป็นหัวหน้าหมู่บ้านและอยู่ในเขตปกครองของตำบลบัวใหญ่ ต่อมาราษฎรจังหวัดอุบลราชธานี จังหวัดร้อยเอ็ด และจังหวัดมหาสารคาม อพยพหนีความแห้งแล้งมารวมกับพวกที่มาอยู่ก่อนทำให้เกิดการขยายตัวของหมู่บ้าน และปี พ.ศ. 2440 จึงได้ตั้งให้ นายขุนมูลคาม ศรีตาแสน เป็นผู้ใหญ่บ้าน ปกครองหมู่บ้านด้วยความร่มเย็น ในปี พ.ศ. 2460 บ้านทรายมูลได้แยกการปกครองมาเป็นบ้านทรายมูล หมู่ที่ 2 โดยการ แบ่งเขตปกครองด้วยถนนกลางหมู่บ้านตามแนวทิศตะวันออกและทิศตะวันตก บ้านทรายมูลหมู่ที่ 1 อยู่ทิศใต้ของบ้านทรายมูลหมู่ที่ 2
ด้านการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรมบ้านทรายมูล หมู่ที่ 2 นับถือศาสนาพุทธ มีวัดประจำหมู่บ้าน 1 แห่ง คือ วัดศรีบุญเรือง สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย ด้านวัฒนธรรมประเพณีชาวบ้านหนองหว้า ยึดถือปฏิบัติตามฮีตประเพณีอีสาน มีโรงเรียนประจำหมู่บ้าน คือ โรงเรียนบ้านทรายมูล สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาขอนแก่น เขต ๔