ร่วมแสดงความคิดเห็นกับเรา
ขอขอบคุณสำหรับการเยี่ยมชมเวบไซต์ m-culture.in.th

เราได้จัดทำแบบสำรวจแบบง่ายๆ เพื่อจะ
ได้ทราบถึงสิ่งที่ผู้เยี่ยมชมเวบไซต์เรา
ชอบและให้เราได้เรียนเกี่ยวกับคุณมากขึ้น
 
ละติจูด (รุ้ง) : N 15° 43' 7.6552"
15.7187931
ลองจิจูด (แวง) : E 100° 26' 22.7616"
100.4396560
เลขที่ : 193734
หัวโขนจิ๋ว
เสนอโดย นครสวรรค์ วันที่ 28 พฤษภาคม 2564
อนุมัติโดย นครสวรรค์ วันที่ 12 กันยายน 2564
จังหวัด : นครสวรรค์
0 244
รายละเอียด

โขนเป็นนาฏศิลป์ชั้นสูงที่เก่าแก่ของไทย มีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ตามหลักฐานจากจดหมายเหตุของ ลาลูแบร์ ราชทูตฝรั่งเศสสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ได้กล่าวถึงการเล่นโขนว่า เป็นการเต้นออกท่าทางเข้ากับเสียงซอและเครื่องดนตรีอื่น ๆ ผู้เต้นสวมหน้ากากและถืออาวุธโขนพัฒนามาจากศิลปะการแสดงหลายแขนงด้วยกัน คือ นำวิธีเล่นและวิธีแต่งตัวบางอย่างมาจากการเล่นชักนาค ดึกดำบรรพ์ นำท่าต่อสู้โลดโผน ท่ารำท่าเต้นมาจากกระบี่กระบอง และนำศิลปะการพากย์ การเจรจา เพลง และเครื่องดนตรีที่ใช้ประกอบกิริยาอาการของผู้แสดงที่เรียกว่า เพลงหน้าพาทย์ มาจากการแสดงหนังใหญ่ลักษณะสำคัญของโขนอยู่ที่ผู้แสดงต้องสวมหัวโขนหมดทุกตัว ยกเว้นตัวพระ ตัวนาง และตัวเทวดา มีต้นเสียงและลูกคู่ร้องบทให้ มีคนพากย์และเจรจา แสดงเรื่องรามเกียรติ์แต่เพียงเรื่องเดียว หัวโขนไม่ได้เป็นเพียงหน้ากากที่ใช้สวมศีรษะในการแสดงโขนเท่านั้น แต่หัวโขนเปรียบเสมือนเป็นตัวแทนของครูช่างในงานช่างฝีมือ ซึ่งช่างแต่ละคนให้ความเคารพนับถือ หรือหัวโขนใช้สื่อถึงเทพเจ้าของ ศาสนาฮินดูในพิธีการครอบครูสาขานาฏศิลป์ งานช่างฝีมือหัวโขนได้รับการสืบสานจากรุ่นสู่รุ่นขั้นตอนการทำหัวโขนจิ๋ว
วิธีการและกระบวนการทำหัวโขน โดยวิธีการอันเป็นไปตามระเบียบวิธีแห่งการช่างทำหัวโขนตามขนบธรรมเนียมนิยมอันมีมาแต่ก่อน และยังคงถือปฏิบัติการทำหัวโขนของช่างหัวโขน บางคนต่อมาจนกระทั่งปัจจุบัน อาจลำดับระเบียบวิธีของวิธีการและกระบวนการทำหัวโขน ดังนี้

วัสดุ/อุปกรณ์๑. กระดาษสา กระดาษข่อย กระดาษฟาง ( ใช้อย่างใดอย่างหนึ่ง)๒. รักน้ำเกลี้ยง รักตีลาย๓. สมุกใบตองแห้ง สมุกใบลาน สมุกใบจาก (โดยใช้อย่างใดอย่างหนึ่ง)๔. น้ำมันยาง๕. ปูนแดง๖. ชันแดง๗. ชันผง๘. ทองคำเปลว๙. กระจกสี๑๐. พลอยกระจก๑๑. หนังวัวแห้ง๑๒. สีฝุ่น๑๓. กาว๑๔. แป้งเปียก๑๕. ยางมะเดื่อ๑๖. ลวดขนาดต่าง ๆเครื่องมือ๑. แม่พิมพ์หินสบู่๒. ไม้ตีกระยัง๓. ไม้เสนียด๔. ไม้คลึงรัก๕. มีดตัดกระดาษ๖. เพชรกระจก๗. ไม้ตับคีบกระจก๘. กรรไกร๙. เข็มเย็บผ้า๑๐. ด้าย๑๑ สิ่วหน้าต่าง ๆ๑๒. ตุ๊ดตู่๑๓. เขียงไม้๑๔. แปรงทาสี๑๕. พู่กันขนาดต่าง ๆ

การเตรียมวัสดุวัสดุที่จะต้องจัดเตรียมขึ้น โดยเฉพาะสำหรับทำเป็นลวดลายต่าง ๆ ประดับตกแต่งทำหัวโขนแต่ละแบบ คือ รักตีลาย ต้องเตรียมทำขึ้นไว้ใช้ให้พอแก่งานเสียก่อน รักตีลาย ประกอบด้วย รักน้ำเกลี้ยง ชันน้ำมันยาง ผสมเข้าด้วยกัน เอาขึ้นตั้งไฟอ่อน ๆ เคี่ยวไปจนงวดเหนียวพอเหมาะแก่การเอา ลงกดในแม่พิมพ์หินทำเป็นลวดลาย ซึ่งแข็งตัวแล้วไม่เปลี่ยนแปลงการเตรียมหุ่น หุ่นในที่นี้คือ หุ่นหัวโขนแบบต่าง ๆ ซึ่งจะใช้เป็นต้นแบบสำหรับทำหัวโขน หุ่นเป็นต้นแบบที่จะใช้กระดาษปิดทับให้ทั่วแล้ว ถอดออกเป็นหัวโขน ซึ่งภายในกลวงเพื่อที่จะใช้สวมครอบศีรษะได้พอเหมาะ หุ่นหัวโขนชนิดสวมครอบศีรษะและปิดหน้ามักทำเป็นหุ่นอย่าง รูปโกลน มีเค้ารอย ตา จมูก ปาก ขมวดผมการปิดหุ่น ว่าด้วยการปิดกระดาษทำหัวโขน การปิดกระดาษทับลงบนหุ่นนี้ ช่างบางคนเรียกว่า "พอกหุ่น” ก็มีเรียกว่า "ปิดหุ่น” ก็มี คือ การเอากระดาษสา กระดาษข่อยและกระดาษฟาง อย่างใดอย่างหนึ่ง ตัดเป็นสี่เหลี่ยมขนาดย่อมกว่าฝ่ามือเล็กน้อย นำมาทาแป้งเปียกให้ทั่ว แล้วปิดกระดาษทับ ซ้อนกันสัก ๒ - ๓ แผ่น จึงเอาไปปิดทับลงบนหุ่นเป็นลำดับกันไปจนทั่วหุ่นศีรษะแบบนั้น ๆ ทำเช่นนี้หลายชั้นให้หนาพอที่จะทรงตัวอยู่ได้ในภายหลังที่ถอดศีรษะกระดาษออกจากหุ่น จึงเอาหุ่นที่ปิดกระดาษเรียบร้อยแล้วออกตั้งผึ่งแดดให้แห้งสนิท ซึ่งมักใช้เวลาประมาณ ๓ วันการถอดหุ่น การเอาศีรษะกระดาษออกจากหุ่นซึ่งทำโดยการใช้มีดปลายแหลม กรีดตรงศีรษะกระดาษจากตอนบนให้ขาดเป็นทาง ลงไปด้านหลังจนสุดขอบกระดาษตอนล่าง จึงถอดศีรษะกระดาษออกจากหุ่น ศีรษะกระดาษซึ่งถอดออกจากหุ่นแล้วต้องจัดการเย็บประสานริมกระดาษที่ขาดเป็นแนวนั้น ให้ติดสนิทกัน แล้วปิดกระดาษทับแนวทั้งด้านนอกและด้านในให้เรียบ จึงตัดริมส่วนขอบล่างของศีรษะให้เรียบร้อย พอเสร็จการขั้นนี้ก็จะได้ศีรษะกระดาษที่เรียกว่า "กะโหลก” พร้อมที่จะนำมาปั้นกระแหนะรักทำส่วนละเอียดต่าง ๆ ออกไปการปั้นใบหน้าหัวโขน หรือกระแหนะ เป็นขั้นตอนทำส่วนละเอียดต่าง ๆ คือ การใช้ลักตีลายทำให้อ่อนตัวนำมาปั้นกระแหนะเพิ่มเติม ลงบนกะโหลก ทำส่วน คิ้ว ตา จมูก ปาก ไพรปาก ขอบคาง ให้ได้รูปร่างชัดเจน และแสดงอารมณ์ของใบหน้า นั้น ตามขนบธรรมเนียมนิยมในใบหน้าแต่ละแบบนั้นส่วนหนึ่ง กับทำการประดับลวดลายแต่งลงบนตำแหน่งที่เป็นเครื่องศิราภรณ์สำหรับหัวโขนแต่ละหัว เช่น ประดับส่วนเกี่ยวก้อยรักร้อย ประดับกระจังซุ้มบนวงล้อมจอมชฎามงกุฎ เป็นต้น และในขั้นนี้จะต้องจัดการทำส่วนหูสำหรับศีรษะยักษ์ ลิง พระ และนางแบบปิดหน้า เป็นต้น กับทำกรรเจียกจอนหูสำหรับประกอบชฎาและมงกุฎ ด้วยการใช้แผ่นหนังวัวแห้ง นำมาตัด สลักฉลุทำเป็นลวดลายโกลนๆ ขึ้นก่อนจึง ปั้นรักตีลาย ปั้นรักตีลาย ใช้รักตีลายตีพิมพ์เป็นลวดลายละเอียด ติดประดับให้ครบถ้วนตามแบบที่เป็นนิยม ติดประทับให้ตรงตามตำแหน่งบนกะโหลก ที่ได้ปั้นหน้าติดลวดลายประดับไว้พร้อมอยู่แล้ว ก็จะสำเร็จเป็นศีรษะหรือหัวโขนขั้นหนึ่งการลงรักปิดทอง เป็นงานตกแต่งหัวโขนให้สวยงามงานขั้นนี้งานใช้รักน้ำเกลี้ยงทาทับส่วนที่ทำเป็นลวดลายต่างๆ ซึ่งต้องการทำให้เป็นสีทองคำโดยทารักสัก ๒-๓ มิลลิเมตร แต่ละทับหรือครั้งต้องปล่อยให้รักที่ได้ทาไว้คราวหนึ่ง ๆ แห้งสนิทและเรียบเนียนทุกครั้งไป จนขั้นสุดท้ายทาด้วยรักน้ำเกลี้ยงแต่บาง ๆ จึงนำทองคำเปลวมาปิดทับ บนพื้นที่ ๆ ได้ทารักไว้นั้นจนทั่วการประดับกระจกหรือพลอยกระจก เป็นการตกแต่งส่วนละเอียดให้มีขึ้นในลวดลาย โดยเฉพาะที่ไส้ตัวกระจัง ไส้กระหนก ไส้ใบเทศ เป็นต้น ให้เกิดเป็นประกายแวววาว เมื่อรับแสงสว่าง ทำให้แลดูคล้ายประดับด้วย อัญมณีต่างๆดังที่มีในเครื่องศิราภรณ์ จริง ๆกระจกที่นำมาตัดเป็น ชิ้นเล็กๆมีรูปร่างพอเหมาะแก่การประดับลงเป็นส่วนไส้ลวดลายดังกล่าวข้างต้น เรียกว่า กระจกเกรียบ ปัจจุบันกระจกชนิดนี้หาไม่ได้ง่ายนัก ช่างทำหัวโขน จึงใช้พลอยกระจกประดับลงเป็นไส้ลวดลายแทน การประดับกระจกก็ดี ประดับพลอยกระจกก็ดี ทำให้ติดกับตัวลายต่างๆ ที่ปิดทองคำเปลวไว้แล้วนั้นได้ด้วย การใช้ เทือกรัก ทาบางๆลงตรงตำแหน่งที่จะประดับกระจกหรือพลอยนั้น เทือกรักก็ยึดชิ้นกระจกหรือพลอยนั้นติดทนอยู่นาน ๆ การระบายสีและเขียนส่วนละเอียด เป็นขบวนการทำหัวโขนขั้นหลังที่สุด โดยก่อนที่จะระบายสีและเขียนส่วนละเอียดบน ใบหน้าของหัวโขน ต้องใช้กระดาษปิดทับเนื้อที่ในวงหน้าทั้งหมดให้ทั่วเสียชั้นหนึ่งก่อน ปิดกระดาษ ให้ผิวเรียบพิเศษ แล้วผึ่งให้แห้งสนิทจึงจัดการระบายและเขียนสี ต่อไปได้ สีที่ใช้ระบายและเขียนส่วนใบหน้าหัวโขนนี้ ช่างทำหัวโขนตามขนบธรรมเนียมนิยม มักใช้สีฝุ่นผสมกาวกระถินหรือยางมะขวิด โดยใช้อย่างใดอย่างหนึ่งผสมน้ำ เรียกว่ากันว่า สีน้ำกาว บ้าง สีฝุ่นบ้าง สีชนิดนี้มีคุณลักษณะสดใสและนุ่มนวลทำให้เกิดความต่างกันระหว่างความนุ่มนวลบนหน้ากับความแวววาว ของเครื่องศิราภรณ์ ที่เป็นสีทองและประกายแก้วที่ติดตกแต่งไว้อย่างกลมกลืนกัน

สถานที่ตั้ง
นครสวรรค์
อำเภอ ตาคลี จังหวัด นครสวรรค์
รายละเอียดการเข้าถึงข้อมูล
บุคคลอ้างอิง อวยพร พัชรมงคลสกุล อีเมล์ paitoog@hotmail.com
ชื่อที่ทำงาน สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดนครสวรรค์
แสดงความคิดเห็น
โปรด เข้าสู่ระบบ ก่อนทำการแสดงความคิดเห็น

ชื่อผู้ใช้
รหัสผ่าน
ยังไม่มีการแสดงความคิดเห็น
ข้อมูลที่แสดงในระบบนี้ จัดเก็บโดยนักวิชาการวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม หากมีข้อเสนอแนะหรือข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อวัฒนธรรมจังหวัด
       ข้อมูลนี้เป็นประโยชน์หรือไม่