ร่วมแสดงความคิดเห็นกับเรา
ขอขอบคุณสำหรับการเยี่ยมชมเวบไซต์ m-culture.in.th

เราได้จัดทำแบบสำรวจแบบง่ายๆ เพื่อจะ
ได้ทราบถึงสิ่งที่ผู้เยี่ยมชมเวบไซต์เรา
ชอบและให้เราได้เรียนเกี่ยวกับคุณมากขึ้น
 
ละติจูด (รุ้ง) : N 16° 0' 49.95"
16.0138750
ลองจิจูด (แวง) : E 101° 53' 21.0196"
101.8891721
เลขที่ : 195929
ผ้ามัดหมี่ลายคั่นขอนารี
เสนอโดย ชัยภูมิ วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2565
อนุมัติโดย ชัยภูมิ วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2565
จังหวัด : ชัยภูมิ
0 982
รายละเอียด

ชื่อลายผ้ามัดหมี่ลายคั่นขอนารี

ความเป็นมาของลายผ้า

ชัยภูมิ เป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์ทับซ้อนกันมาหลายยุคหลายสมัย สมัยก่อนประวัติศาสตร์ ช่วงประมาณ ๕,๐๐๐-๒,๐๐๐ ปี มีหลักฐานเช่น ภาพเขียนผนังถ้ำเงิบบนภูซำผักหนาม บ้านวังอุ่น ตำบลทุ่งพระ อำเภอคอนสาร การพบเครื่องใช้ของมนุษย์ โครงกระดูกมนุษย์ ภาชนะดินเผาเนื้อแกร่ง เคลือบน้ำโคลนสีแดง ที่บ้านโนนเสลา อำเภอภูเขียว และที่บ้านบัว อำเภอเกษตรสมบูรณ์ เป็นต้น ช่วงสมัยประวัติศาสตร์ คือสมัยทวาราวดี พบหลักฐาน เช่นใบเสมาหินที่บ้านกุดโง้ง ตำบลหนองนาแซง อำเภอเมือง พระยืน และใบเสมามาหิน ที่อำเภอคอนสวรรค์ พระธาตุหนองสามหมื่น บ้านแจ้ง อำเภอภูเขียว เป็นต้น สมัยขอมเมืองพระนคร ( พุทธศตวรรษที่ ๑๖-๑๘ ) พบหลักฐานเช่น ปรางค์กู่ อำเภอเมืองชัยภูมิ กู่แดง กู่บ้านกุดยาง อำเภอบ้านเขว้า ปรางค์กู่บ้านแท่น พระแท่นศิลา อำเภอบ้านแท่น สันนิษฐานจากรูปแบบก่อสร่างเพื่อประกอบพิธี ทางการรักษาโรค เรียกว่า อโรคยาศาล ช่วงสมัยรัตนโกสินทร์

ในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ( จ.ศ.๑๑๗๔ ) พ.ศ.๒๓๖๐ กว่า ๒๐๐ ปี พระยาภักดีชุมพล(แล) เจ้าเมืองชัยภูมิคนแรก และท่านท้าวบุญมี ภรรยา ซึ่งเป็นชาวเมืองเวียงจันทร์เป็นข้าราชการ ในเจ้าอนุวงศ์ เมืองเวียงจันทร์ ได้อพยพย้ายถิ่นฐานมาตั้งเมืองที่เมืองชัยภูมิ ซึ่งเป็นเมืองเก่า ในบริเวณเมืองชัยภูมิแห่งนี้ มีวัฒนธรรมที่ทับซ้อนกันมารวมไปถึงวัฒนธรรมการแต่งกาย การประดิษฐ์เครื่องนุ่งห่ม การออกแบบลวดลายบนผืนผ้า โดยเฉพาะการทำลายผ้ามีหลายวิธี เช่นการมัดย้อม (มัดหมี่) การเก็บขิดยกลาย เป็นต้น ลายต่างๆ ที่ได้มานั้น เกิดจากทั้งความคิดและความเชื่อที่มีมาแต่โบราณสืบต่อกันมา เช่น สมัยประวัติศาสตร์ ช่วงพุทธกาล มีความเชื่อว่า ผ้ายกขิดเป็นเครื่องรางที่สามารถปกป้องสิ่งชั่วร้ายต่างๆ ได้ จึงนิยมนำผ้ายกขิด มาทำเป็นผ้าห่อพระไตรปิฎก และให้พระมหากษัตริย์ เชื้อพระวงศ์ นำไปทำเป็นเครื่องนุ่งห่ม ถือว่าเป็นของสูง ผ้ายกขิดนั้น มีหลายประเภท ทั้งยกขิดด้วยเส้นทอง เส้นไหม และเส้นฝ้าย ต่อมาได้มีการทำผ้ายกขิดแพร่หลายขึ้น แต่ยังคงความเชื่อเช่นเดิมอยู่
คนโบราณเมืองชัยภูมิ ก็ไดรับอิทธิพลความเชื่อดังกล่าวด้วยโดยได้นำผ้าขิดมาทำเป็นหมอน ที่นอน เพื่อปกป้องร่างกายในเวลานอนหลับ เพราะเชื่อว่าจิตคนเราจะอ่อนเมื่อนอนหลับ ส่วนสุภาพสตรีนั้นจะนำผ้าขิดมาต่อที่หัวซิ่น และตีนซิ่น ตัวผ้าซิ่นจะเป็นซิ่นคั่น

สำหรับผ้าลายขอกะหรี่ เป็นลายของบ้านห้วยต้อน ซึ่งมีเรื่องเล่าเป็นที่มาของชื่อลาย คือสมัยก่อนที่ชาวบ้านไม่มีน้ำประปาเข้าหมู่บ้าน ก็จะไปหาบน้ำที่บ่อ หรือที่สระมาใช้มากินกัน แล้วก็เอาตะขอมาเกาะถังหาบน้ำมาใส่ตุ่ม จากตะขอที่เกาะถังหาบน้ำนั้น ก็เลยเอามาคิด มาทำเป็นลายมัดหมี่ ก็ปรากฏว่า ขอจะวกไปวนมา ไม่ต่อเนื่องกัน ซึ่งทำยาก ชาวบ้านก็เลยอุทานออกมาว่า “อีกะหรี่เอ้ย ทำไมมันทำยากแท้” จึงเรียกชื่อว่า ลายขอกะหรี่ ต่อมาด้วยชื่อเรียกไม่สุภาพ จึงได้ตั้งชื่อเรียกใหม่ว่า ลายขอนารี

ในปี พ.ศ. ๒๕๑๑ มีข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ของจังหวัดชัยภูมิ ได้นำผ้าไหมมัดหมี่จากบ้านต้อน ซึ่งเป็นหมู่บ้านหนึ่งในอำเภอบ้านเขว้า จังหวัดชัยภูมิ ขึ้นทูลเกล้าถวาย สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เป็นผ้ามัดหมี่ชื่อลาย ขอนารี (ชื่อเดิมคือ ลายขอกระหรี่) เมื่อพระองค์ท่านได้ทรงทอดพระเนตรเห็นท่านได้มีพระราชดำริให้อนุรักษ์ลายดังกล่าวไว้ ผ้ามัดหมี่ ลายขอนารี นั้นเป็นลายที่มีการประยุกต์มาจากลายขอ ซึ่งเป็นลายดังเดิมแต่สันนิษฐานว่า น่าจะเกิดหลัง ผ้าลายหมี่ขั้น ซึ่งเป็นลายพื้นฐาน

ดังนั้น เมื่อมีการสืบค้นเพื่อหาลายผ้ามัดหมี่ที่เป็น เอกลักษณ์ ของจังหวัดชัยภูมิ จึงได้เชิญ ผู้รู้ ผู้เชี่ยวชาญด้านลายผ้า และนักอนุรักษ์ผ้าโบราณ มาทำประชาพิจารณ์ และรวมกันคิดค้นว่า ควรจะนำผ้ามัดหมี่ลายใด ขึ้นเป็นลายเอกลักษณ์ของจังหวัดชัยภูมิ เมื่อหาข้อสรุปได้แล้วจึงมีความเห็นจากข้อมูลในอดีตและปัจจุบัน ว่า จังหวัดชัยภูมิมีลายผ้าโบราณจำนวนมาก แต่มีลายดั้งเดิม อายุกว่า ๒๐๐ ปี ที่ท่านท้าวบุญมี ภรรยาพระยาภักดีชุมพล (แล) เจ้าเมืองคนแรกได้ สอนให้สตรีชาวเมืองชัยภูมิทอผ้า ทำขึ้นเพื่อใช้เป็นเครื่องนุ่งห่มนั้น คือผ้านุ่งหรือผ้าซิ่น ลายหมี่คั่น (ที่เป็นลายพื้นฐาน) เย็บต่อกับผ้าขิดที่เป็นหัวซิ่นและตีนซิ่น จึงได้นำหมี่คั่นลายโบราณมารวมกับลายมัดหมี่ขอนารี ซึ่งสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ได้มีพระราชดำริให้อนุรักษ์ไว้ จึงได้เกิดเป็นลายผ้าเอกลักษณ์ ของจังหวัดชัยภูมิขึ้น

ความโดดเด่น/อัตลักษณ์เฉพาะ

ผ้ามัดหมี่ลายคั่นขอนารี มีความโดดเด่นที่ลายผ้า ซึ่งเป็นลายผ้าโบราณที่เกิดจากการผสมผสานกันระหว่าง “ลายหมี่คั่น” และ “ลายขอนารี” โดย “หมี่คั่น” เป็นลายที่ แม่บุญมี ภริยาของพระยาภักดีชุมพล (แล) เจ้าเมืองคนแรก ได้ส่งเสริมให้ชาวบ้านรู้จักการทอผ้าไหมไว้ใช้ในครอบครัว สำหรับใช้เป็นเครื่องนุ่งห่ม ได้แก่ ผ้านุ่งหรือผ้าซิ่น ลายหมี่คั่น ส่วน “ลายขอนารี” ชื่อเดิมคือ ลายขอกระหรี่ เป็นลายที่ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ของจังหวัดชัยภูมิ ทูลเกล้าถวายสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๑ เมื่อพระองค์ได้ทรงทอดพระเนตรจึงได้มีพระราชดำริให้อนุรักษ์ลายผ้าดังกล่าวนี้ไว้ และพระราชทานชื่อใหม่ว่า “ขอนารี”

นอกจากนี้ ในปัจจุบันได้มีการนำเส้นใยไหม ซึ่งเรียกว่า ไหมประดิษฐ์ มาใช้เป็นเส้นไหมในการทอ ซึ่งมีความเงางาม ไม่ยับและรักษาง่าย ราคาไม่แพง จึงเป็นที่นิยมของผู้สวมใส่เป็นอย่างมาก

โอกาสในการใช้

ผ้ามัดหมี่ลายหมี่คั่นขอนารี เป็นผ้าทออัตลักษณ์ของจังหวัดชัยภูมิ และอำเภอเมืองชัยภูมิ การผลิตจะมีทั้งเส้นไหมและเส้นใยฝ้าย ปัจจุบันมีหลากหลายสี ทั้งที่ย้อมด้วยสีธรรมชาติ และย้อมด้วยสีเคมี ดังนั้นจึงสามารถใช้ได้ในทุกโอกาส ทั้งที่นำมาตัดเป็นชุดสวมใส่ที่ทันสมัย เป็นเสื้อ และเป็นผ้าซิ่น เช่น แต่งไปร่วมงานบุญประเพณีต่างๆ ใช้เป็นเครื่องแต่งกายของเจ้าบ่าวเจ้าสาว ใช้เป็นของไหว้สำหรับญาติฝ่ายชายในงานแต่งงาน งานบวชใช้แต่งตัวนาคและผู้ที่ไปร่วมงาน รวมถึงงานบุญ งานประเพณีต่างๆ

ผู้อนุรักษ์และสืบทอด

๑. นางคำปุ่น แก้วดอนดู่ อายุ ๕๖ ปี ที่อยู่ ๒๘๕ หมู่ ๑๘ บ้านหนองคอนไทย ตำบลกุดตุ้ม

อำเภอเมืองฯ จังหวัดชัยภูมิ

๒. นางทองใส แก้วอุดร อายุ ๖๕ ปี ที่อยู่ ๓๒๓ หมู่ ๑๘ บ้านหนองคอนไทย ตำบลกุดตุ้ม

อำเภอเมืองฯ จังหวัดชัยภูมิ

๓. นางระเบียบ พลแก้ว เลขที่ ๒๖ หมู่ ๑๑ บ้านนาเสียว ตำบลนาเสียว อำเภอเมืองฯ จังหวัดชัยภูมิ

๔. นางอรดี โชตินาเสียว เลขที่ ๒๖๘ หมู่ ๑๑ บ้านนาเสียว ตำบลนาเสียว อำเภอเมืองฯ จังหวัดชัยภูมิ

๕. นางกองแก้ว นาจกระโทก เลขที่ ๙๗ หมู่ ๑๑ บ้านเสี้ยวน้อยพัฒนา ตำบลบ้านเล่า อำเภอเมืองฯ

จังหวัดชัยภูมิ

๖. นางวนิดา พิกุลทอง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ ๑๘ เลขที่ ๒๘๓/๑ หมู่ ๑๘ บ้านหนองคอนไทย ตำบลกุดตุ้ม อำเภอเมืองฯ จังหวัดชัยภูมิ

หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ที่ร่วมสนับสนุนและอนุรักษ์

๑. ส่วนราชการในสังกัดจังหวัดชัยภูมิทุกแห่ง

๒. องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจังหวัดชัยภูมิทุกแห่ง

๓. องค์การบริหารส่วนจังหวัดชัยภูมิ

๔. สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดชัยภูมิ

๕. เครือข่ายทางวัฒนธรรมจังหวัดชัยภูมิ

๖. ที่ทำการปกครองอำเภอเมืองชัยภูมิ

แหล่งจำหน่าย

-นางคำปุ่น แก้วดอนดู่ เลขที่ ๒๘๕ หมู่ ๑๘ บ้านหนองคอนไทย ตำบลกุดตุ้ม อำเภอเมืองฯ

จังหวัดชัยภูมิ โทร. ๐๖๕-๔๑๓๙๑๑๖

-นางทองเนื่อง ประจญกล้า เลขที่ ๔๑ หมู่ ๑๘ บ้านหนองคอนไทย ตำบลกุดตุ้ม อำเภอเมืองฯ จังหวัดชัยภูมิ โทร. ๐๙๑-๕๓๕๔๘๒๓

สถานที่ตั้ง
อำเภอ เมืองชัยภูมิ จังหวัด ชัยภูมิ
รายละเอียดการเข้าถึงข้อมูล
บุคคลอ้างอิง นาวี แสงฤทธิ์ อีเมล์ navig_35@hotmail.com
ชื่อที่ทำงาน สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดชัยภูมิ
แสดงความคิดเห็น
โปรด เข้าสู่ระบบ ก่อนทำการแสดงความคิดเห็น

ชื่อผู้ใช้
รหัสผ่าน
ยังไม่มีการแสดงความคิดเห็น
ข้อมูลที่แสดงในระบบนี้ จัดเก็บโดยนักวิชาการวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม หากมีข้อเสนอแนะหรือข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อวัฒนธรรมจังหวัด
       ข้อมูลนี้เป็นประโยชน์หรือไม่