ร่วมแสดงความคิดเห็นกับเรา
ขอขอบคุณสำหรับการเยี่ยมชมเวบไซต์ m-culture.in.th

เราได้จัดทำแบบสำรวจแบบง่ายๆ เพื่อจะ
ได้ทราบถึงสิ่งที่ผู้เยี่ยมชมเวบไซต์เรา
ชอบและให้เราได้เรียนเกี่ยวกับคุณมากขึ้น
 
ละติจูด (รุ้ง) : N 20° 14' 42.0832"
20.2450231
ลองจิจูด (แวง) : E 100° 6' 35.4175"
100.1098382
เลขที่ : 197142
กลองหลวง ๑๒ ราศี (กลองหลวงล้านนา)
เสนอโดย เชียงราย วันที่ 27 กรกฎาคม 2565
อนุมัติโดย เชียงราย วันที่ 27 กรกฎาคม 2565
จังหวัด : เชียงราย
0 517
รายละเอียด

การตีกลองหลวง เป็นประเพณีของคนล้านนา ในภาคเหนือตอนบน ๘ จังหวัด คือ จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดลำพูน จังหวัดลำปาง จังหวัดพะเยา จังหวัดแพร่ จังหวัดน่าน จังหวัดเชียงราย และจังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยเฉพาะจังหวัดเชียงรายคงมีอำเภอเชียงแสนพยายามจะรื้อฟื้นให้เป็นมรดกภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านศิลปะการแสดง ประเพณี พิธีกรรมและเทศกาลให้คงอยู่เป็นเอกลักษณ์ของอำเภอเชียงแสน

กลองหลวงล้านนา มีเอกลักษณ์โดดเด่น สร้างโดยภูมิปัญญาท้องถิ่นของคนล้านนา เนื่องจาก กลองหลวง เป็นกลองหน้าเดียวที่มีขนาดใหญ่ ตัวกลองทำด้วยไม้ประดู่ท่อนเดียว ความยาวตั้งแต่ ๑.๓๐ เมตร และเส้นผ่าศูนย์กลางตั้งแต่ ๒๐ นิ้ว ขึ้นไป ขึ้นอยู่กับขนาดของไม้และความต้องการของช่าง ที่ทำกลอง หน้ากลองทำด้วยหนังวัวตัวเมีย เพราะหนังวัวตัวเมียเป็นหนังที่ไม่มีรอยเฆี่ยนตี ไม่เหมือนหนังวัวตัวผู้ที่มีรอยเฆี่ยนตีจากการใช้งาน

เดิมการตีกลองหลวงจะเป็นการตีเพื่อแข่งขัน ต่อมาขาดการสานต่อจึงได้เป็นการตีเฉพาะวันสำคัญทางศาสนา และในประเพณีต่างๆ เช่น การตีกลองหลวงในงานสลากภัต งานสงกรานต์ งานสรงน้ำพระธาตุ งานลอยกระทง งานฟ้อน งานเซิ้ง เพราะเดิมไม่มีแผ่นเสียง ก็จะใช้กลองหลวงตีเป็นจังหวะ

การตีกลองหลวงจะตีไปพร้อมกับกลองตะโล้ดโป๊ดซึ่งเป็นกลองสองหน้า ทำหน้าที่ตีขัดสอดแทรกไปกับกลองหลวง ฉลา(ฉาบใหญ่) และฆ้องโหม่งซึ่งมีขนาดเล็กไปจนถึงใหญ่ จำนวน ๒ - ๙ ใบ ต่อกลองหลวงแต่ละใบหรือแต่ละคณะศรัทธาวัดนั้นๆ

อำเภอเชียงแสนเป็นอีกแห่งหนึ่งในล้านนา ที่ได้พยายามรื้อฟื้นและอนุรักษ์เพื่อรักษาประเพณีการ ตีกลองหลวง โดย ท่านเจ้าคุณพระพุทธิญาณมุนี เจ้าคณะจังหวัดเชียงราย ได้สนับสนุนให้มีการตั้งชมรมกลองหลวงขึ้นในปี พ.ศ. ๒๕๕๕ เพื่อร่วมฉลอง ๗๕๐ ปีเมืองเชียงราย โดยมีนายวงศ์ ทาลังกา เป็นตัวแทนกลองหลวงวัดผ้าขาวป้าน เป็นประธานชมรมกลองหลวงเชียงแสน และได้รวมตัวกันในชุดการแสดง “กลองหลวง ๑๒ ราศี” นับแต่บัดนั้นจนกลายเป็นอัตลักษณ์ด้านศิลปะการแสดงของชาวอำเภอเชียงแสน และได้สืบทอดมาจนปัจจุบัน

กลองหลวงมาจากไหนและเข้ามาเชียงแสนเมื่อใด?

กลองหลวงมาจากจังหวัดลำพูน โดยวัดปางหมอปวงได้ซื้อมาจากจังหวัดลำพูน เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๗ ในราคา ๘๐,๐๐๐ บาท (แปดหมื่นบาทถ้วน) เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๗ แล้ววัดต่างๆในอำเภอเชียงแสนก็หาซื้อมาเป็นลำดับ จวบจนตั้งเป็นชมรมกลองหลวงเชียงแสน

ในปัจจุบันหากขาดการสนับสนุนและอนุรักษ์กลองหลวงล้านนาไว้ก็จะสูญหายไปเนื่องจาก

๑. ไม้ประดู่ต้นใหญ่ หน้ากว้าง ไม่สามารถหาได้แล้ว

๒. ขาดผู้ชำนาญการในการทำกลอง (การขุดเจาะ ขึ้นรูป ขึ้นเสียง)

๓. ขาดผู้สืบทอด เพราะผู้ฝึกสอนมีอายุมากแล้ว

รายชื่อวัด กลองหลวง ๑๒ ราศี แต่ละราศี

๑. วัดพระเจ้าล้านทอง หมู่ ๒ ตำบลเวียง อำเภอเชียงแสน ปีชวด

๒. วัดเจดีย์หลวง หมู่ ๓ ตำบลเวียง อำเภอเชียงแสน ปีฉลู

๓. วัดผ้าขาวป้าน หมู่ ๒ ตำบลเวียง อำเภอเชียงแสน ปีขาล

๔. วัดปงสนุก หมู่ ๓ ตำบลเวียง อำเภอเชียงแสน ปีเถาะ

๕. วัดพระธาตุผาเงา หมู่ ๕ ตำบลเวียง อำเภอเชียงแสน ปีมะโรง

๖. วัดป่าสักหางเวียง หมู่ ๙ ตำบลเวียง อำเภอเชียงแสน ปีมะเส็ง

๗. วัดปางหมอปวง หมู่ ๖ ตำบลป่าสัก อำเภอเชียงแสน ปีมะเมีย

๘. วัดป่าคา หมู่ ๓ ตำบลแม่เงิน อำเภอเชียงแสน ปีมะแม

๙. วัดดอยจำปี หมู่ ๓ ตำบลป่าสัก อำเภอเชียงแสน ปีวอก

๑๐. วัดบ้านทุ่ง หมู่ ๒ ตำบลบ้านแซว อำเภอเชียงแสน ปีระกา

๑๑. วัดดอยจัน หมู่ ๑ ตำบลโยนก อำเภอเชียงแสน ปีจอ

๑๒. วัดบ้านแซว หมู่ ๑ ตำบลบ้านแซว อำเภอเชียงแสน ปีกุน

สถานที่ตั้ง
ตำบล เวียง อำเภอ เชียงแสน จังหวัด เชียงราย
รายละเอียดการเข้าถึงข้อมูล
บุคคลอ้างอิง นายสุเทพ ล้อสีทอง
ชื่อที่ทำงาน สภาวัฒนธรรมอำเภอเชียงแสน
เลขที่ 204 หมู่ที่/หมู่บ้าน หมู่ที่ 3
ตำบล เวียง อำเภอ เชียงแสน จังหวัด เชียงราย รหัสไปรษณีย์ 57150
โทรศัพท์ 081-5319805
แสดงความคิดเห็น
โปรด เข้าสู่ระบบ ก่อนทำการแสดงความคิดเห็น

ชื่อผู้ใช้
รหัสผ่าน
ยังไม่มีการแสดงความคิดเห็น
ข้อมูลที่แสดงในระบบนี้ จัดเก็บโดยนักวิชาการวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม หากมีข้อเสนอแนะหรือข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อวัฒนธรรมจังหวัด
       ข้อมูลนี้เป็นประโยชน์หรือไม่