ความเป็นมาของกลุ่ม
กลุ่มทอผ้าไท บ้านหนองสะแก หมู่ที่ 4 ต.เขาชายธง อ.ตากฟ้า เป็นการรวมกลุ่มชาวบ้านมีสมาชิกกลุ่มมีประมาณ 20 ราย ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2535 เริ่มจากคนในชุมชนไปเรียนทอผ้าจาก อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี เพื่อมุ่งมั่นที่จะเรียนรู้มรดกภูมิปัญญาการทอผ้ามัดหมี่ รวมถึงการขึ้นด้าย การมัดลาย การย้อมผ้า การทอเป็นผืน โดยเรียนรู้จากภูมิปัญญาคนเก่า คนแก่ โดยได้รับการสนับสนุนกี่ทอผ้าจากสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดนครสวรรค์ 4 ตัว สานักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนครสวรรค์ จำนวน 5 ตัว และกลุ่มพอพีรายได้ซื้อเองอีก ปัจจุบันมีกี่ทอผ้า 30 ตัว ทั้งนี้สานักงานวัฒนธรรมจังหวัดนครสวรรค์ได้ส่งเสริมสนับสนุนต่อยอดพัฒนาผลิตภัณฑ์ การส่งเสริมการตลาด ปัจจุบันเป็นรุ่นที่ 2 มี นายปิยะภรณ์ สานวล ประธานกลุ่มทอผ้าไทบ้านหนองสะแก การทอผ้าได้หลากหลายลาย เป็นการผลิตผ้าแบบครบวงจร ซึ่งสมาชิกในกลุ่มมีอาชีพหลักคือการทอผ้า และการเกษตรควบคู่กันสมาชิกกลุ่มจะทอผ้าตามออเดอร์ที่ได้รับมา และอยากจะเรียนรู้เพิ่มเติมเพื่อให้เกิดลวดลายผ้าใหม่ ๆ ซึ่งปัญหาในปัจจุบันคือ การกำหนดราคาของผ้าทอยังมีราคาที่ถูก ทำให้กลุ่มมีรายได้น้อย และไม่เป็นแรงจูงใจให้คนรุ่นใหม่เข้ามาศึกษาเพื่อสืบทอดต่อไป
เส้นใยที่ใช้ในการทอผ้า
1. ใยฝ้ายธรรมชาติ (สีธรรมชาติ)
2. ใยฝ้ายโรงงาน(สีสังเคราะห์)
การทอ
กี่ หรือ หูก เป็นเครื่องทอผ้าพื้นบ้านที่พัฒนามาจากการทอผ้าโดยผูกด้ายเส้นยืนกับต้นไม้หรือเสาเรือน มาเป็นโครงสี่เหลี่ยม กี่ทอผ้า มีไม้คานกี่เป็นโครงด้านบนเพื่อรับไม้คานหาบที่รับน้าหนักของฟืมด้วยเชือก และมีสายเชือกโยงไม้ขัดร่องเขาที่หัวท้าย มีไม้กาสำหรับยึดเส้นด้ายยืน โครงสร้างและส่วนประกอบของกี่ประดิษฐ์ขึ้นเพื่อให้เกิดความสะดวกในการทอผ้า ส่วนใหญ่ทำด้วยไม้ จึงอยากนำเสนอให้หลายๆท่านที่สนใจได้ทำความเข้าใจ
1. เสาหลักขาตั้งหูก เป็นเสาทรงสี่เหลี่ยม ขนาดความสูงเท่ากันทั้ง 4 ต้น
2. ไม้คานหูก เป็นคานไม้พาดเชื่อมต่อระหว่างเสาหลักทั้ง 4 ต้น เครือเส้นด้ายยืนพาดบนไม้คานด้านหน้าและโยงมาผูกไม้คานด้านหลังดึงเส้นยืนให้ตรง
3. ไม้รองนั่ง เป็นแผ่นไม้ที่พาดไว้บนคานไม้ด้านล่างด้านคนทอ เพื่อให้คนทอนั่งคนทอนั่งและวางอุปกรณ์ การทอ เช่น ตะกร้าใส่ด้าย ใส่หวี
4. ไม้ม้วนผ้า หรือไม้กาพั่น หรือไม้กาพัน เป็นท่อนไม้สี่เหลี่ยมที่ปลายทั้งสองข้างเสียบเข้าเดือยที่หลักไม้ ด้านใกล้กับผู้ทอเพื่อม้วนเก็บผ้าที่ทอเสร็จเรียบร้อยเอาไว้
5. ไม้หาบหูก เป็นไม้ไผ่ทรงกระบอกขนาดกลางยาวพาดคานไม้ เพื่อใช้ผูกเชือกโยงฟืมและรอกที่พยุงตะกอหรือเขาเอาไว้
6. ไม้เหยียบหูก เป็นไม้ไผ่ลาขนาดเล็ก ยาวประมาณ 1 เมตร ผูกโยงกับตะกอหรือเขาสาหรับเหยียบเพื่อบังคับการสลับขึ้นลงของเครือเส้นด้ายยืน จานวนไม้เหยียบขึ้นกับจานวนตะกอที่ใช้ทอผ้า
7. ตะกอหรือเขา เป็นแผงเส้นด้ายที่ถักเกี่ยวเครือเส้นด้ายยืนเอาไว้ โดยใช้ไม้ไผ่ 2 ซี่เป็นคาน ถ้าเป็นผ้าทอแบบสองตะกอก็จะมีตะกอหรือเขา 2 อัน ซึ่งจะคัดเก็บเครือเส้นด้ายยืนสลับกันเส้นต่อเส้น เพื่อยกเส้นด้ายยืนขึ้นลง ให้กระสวยเส้นด้ายพุ่งผ่านไปสานทอขัดเพื่อให้เกิดลวดลายบนผืนผ้า
8. ฟืม (ฟันหวี) เป็นอุปกรณ์การทอที่สาคัญที่อยู่หน้าตะกอหรือเขา ใช้กระทบเส้นด้านพุ่งให้สานทอกับเส้นด้ายยืนเป็นผืนผ้า หน้าฟืมจะมีทั้งขนาดยาวและขนาดสั้น ขึ้นกับว่าจะทอผ้าหน้าแคบหรือกว้างสามารถถอดเปลี่ยนได้
9.รอก เป็นอุปกรณ์ช่วยพยุงตะกอหรือเขา โดยผูกโยงไว้กับไม้คานหูก
ขั้นตอนการทอผ้าด้วยกี่กระตุก
วัสดุ/อุปกรณ์ที่ใช้
1. ด้ายยืน 2. ด้ายพุ่ง 3. กี่ 4. เครื่องค้นด้าย 5. ฟันฟืม หรือฟันหวี 6. ไม้ม้วน 7. ตะกอ (มีไว้สาหรับให้เส้นด้ายสอดขึ้นลง)
ขั้นตอนการทอผ้าด้วยกี่มือวัตถุดิบและส่วนประกอบ1. กี่2. ไม้ดาบ3. กระสวย4. ฟืม5. ม้าเหยียบ6. เขาเหยียบ7. เขาฟืม8. ด้ายเส้นยืน9. ด้ายสอด10. ด้ายพุ่ง11. ด้ายแต่งดอก12. ลอกล้อ13. หลอด14. เผี่ยน15. เขายกดอก16. เผียขอ17. โก้งกว้าง18. หางเห็น19. มะกวัก20. ขนเม่น หรือ ไม้แหลม
ขั้นตอนการผลิต1. คัดเลือกเส้นด้ายที่จะทอ คัดเลือกสี2. คัดเลือกเครือที่มีลวดลายที่ต้องการ3. ทำการทอ
เทคนิค / เคล็ดลับในการผลิต- คัดและตรวจสอบเส้นด้ายที่จะทำการทอ- การให้สีที่กลมกลืนและลงตัว- การทอต้องเรียบและแน่น- ใช้ยางยืดในการควบคุมสกอ
สีที่ใช้ย้อมสีธรรมชาติสามารถใช้ส่วนที่ได้จากใบ เปลือก แก่น ราก ดอก ผล เมล็ด เป็นตัวให้สีซึ่งการได้สีนั้นจะต้องใช้การสกัดสี ด้วยกรรมวิถีต่างๆ เพื่อรักษาคุณภาพของสีไว้ตามความเหมาะสม ของชนิดพื้นนั้นๆ
การสกัดสีธรรมชาติการสกัดสีธรรมชาติ คือ วิธีการแยกส่วนที่เป็นสีออกมาจากวัตถุดิบ เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์จากการย้อมสีได้ โดยก่อนการสกัดสีให้ได้ออกมามากที่สุด กรรมวิธีการสกัดที่นิยมใช้กัน มี 2 วิธี การสกัดร้อน และการสกัดเย็น
สีสังเคราะห์เป็นสีย้อมผ้าผลิตจากโรงงานสีสันจะสดสวยและติดทนนานสีไม่ตก
การย้อมสี1. นำเส้นไหมที่ลอกกาวแล้วไปแช่น้าให้อิ่มตัวแล้วบิดหมาด กระตุกให้เส้นไหมเรียงตัว2. นำน้ำสีที่ได้มาต้มให้เดือด ใส่สารส้มลงไปประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ คนให้ละลายเข้ากัน3. จากนั้นนำเส้นไหมที่เตรียมลงไปย้อมสีแบบย้อมร้อน หลิกเส้นไหมไปมาเพื่อให้สีติดสม่าเสมอนาน 30-45 นาที หรือจนกว่าเส้นไหมจะดูดน้าสีจนหมด (น้าสีจะใส)4. เมื่อครบเวลา นำเส้นไหมที่ย้อมไว้ขึ้นมาบีบน้าออกให้หมาด ล้างในน้ำจนเส้นไหมสะอาด กระตุกให้เส้นเรียงตัวแล้วผึ่งให้แห้ง
การพัฒนาต่อยอดได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนสนับสนุนกลุ่มผ้าทอที่ผลิตขึ้นในจังหวัดนครสวรรค์ให้เติบโต เป็นการส่งเสริมเศรษฐกิจฐานรากตามนโยบายของจังหวัดนครสวรรค์ให้ขยายตัว เป็นการพัฒนาภูมิปัญญาลายผ้าที่สืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่น และเป็นการพัฒนาลายผ้าทอสมัยใหม่ การทอผ้าลายขอเจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ รวมถึงการนำลายมาใช้ในการทอเพื่อจำหน่าย และยังให้แนวคิดเรื่องการพัฒนาลายใหม่ ๆ การพัฒนาและสืบทอดองค์ความรู้สู่เยาวชนจากรุ่นสู่รุ่น และการสร้างเครือข่ายการทอผ้า การอบรมเรื่องการมัดย้อม เพื่อให้กลุ่มได้ดำเนินงานให้ครบวงจรและพัฒนาให้เป็นมาตรฐานยิ่งขึ้นไป
การใช้ในโอกาสต่างๆสามารถนามาตัดเย็บ ในงานบุญ งานบวช และประเพณีต่างๆ ตามความเหมาะสม นำมาตัดเย็บใช้ในการแสดงที่เป็นเอกลักษณ์ของท้องถิ่น ใส่ในงานประเพณีต่างๆ
สถานที่ผลิต/จำหน่ายกลุ่มวิสาหกิจชุมชนทอผ้าไทบ้านหนองสะแก : นายปิยะภรณ์ สานวล ประธานกลุ่มที่ตั้ง ๑๔๓ หมู่ ๔ ต.เขาชายธง อ.ตากฟ้า จ.นครสวรรค์ โทร ๐๘๑-๐๓๘๒๗๙๐