ชาวลาวเวียงของอำเภอหนองปรือ เป็นชาวลาวที่มีเชื้อสายจากชาวลาวเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว อพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานในประเทศไทยในสมัยกรุงธนบุรี อพยพเข้ามามากขึ้น ในสมัยต้นรัตนโกสินทร์ และโยกย้ายถิ่นฐานไปยังพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์ในช่วงรัชกาลที่ 5แม้ว่าจะต้องย้ายถิ่นฐานไปยังที่ต่างๆ ชาวลาวเวียงเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่มีอัตลักษณ์ที่โดดเด่น ชาวลาวเวียงส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธนิกายเถรวาท ซึ่งนับว่ามีความสำคัญต่อการดำเนินชีวิต โดยทำหน้าที่เป็นกลไกในการกล่อมเกลาโน้มน้าวจิตใจ และสร้างจิตสำนึกในแง่ศีลธรรมจรรยาเพื่อให้เกิดความประพฤติที่ถูกต้องให้กับชาวบ้านมาตั้งแต่ในอดีต ด้วยการนำเอาหลักธรรมคำสั่งสอนสำคัญ ๆ เช่น เบญจศีล เบญจธรรม พรหมวิหาร 4 สังคหวัตถุ 4 เป็นต้น มาเป็นแนวยึดถือปฏิบัติหรือเป็นตัวกระตุ้นประคับประคองเพื่อให้การดำเนินชีวิตร่วมกันของคนในชุมชน
อัตลักษณ์การแต่งกาย และผ้าทอที่โดดเด่นของชาวลาวเวียง คือ อัตลักษณ์ของการทอคือการต่อตีนซิ่นด้วยฝ้ายหรือไหม ตีนซิ่นตอนบนตกแต่งด้วยการจกลวดลาย และเว้นตีนซิ่นตอนล่างเป็นผืนผ้า อัตลักษณ์ของลายผ้าส่วนใหญ่จะมาจากสิ่งของใกล้ตัวที่ใช้ในวิถีชีวิต
ภาษาลาวเวียง เป็นภาษาในตระกูลไท-กะได ซึ่งเป็นตระกูลภาษาที่มีความสำคัญมากตระกูลหนึ่ง ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ภาษาลาวเวียงที่ยังคงใช้ในปัจจุบันนี้ เช่น ตาเว็น (ดวงอาทิตย์) โซ่น (ตา,ยาย)แข้ว (ฟัน) โถงยาง (ถุงพลาสติก) ผ้าโต่ง (ผ้าถุง) เกิบ (รองเท้า) โส่ง (กางเกง) หางกะเตี่ยว (โจงกระเบน) บักเขียบ (น้อยหน่า) บักสีดา (ฝรั่ง) เข่าแลง (ข้าวเย็น) มื้อสวย (มื้อกลางวัน) ตาหล่าง (ใต้ถุนบ้าน) เบิ่ง (มอง,ดู) เว่า (พูด) ฯลฯ (วรรณพร บุญญาสถิตย์ และคณะ, 2559, หน้า 54-55)
ประเพณีที่สำคัญของชาวหนองปรือ คือ ประเพณีแห่ปราสาทผึ้ง ซึ่งจะจัดขึ้นช่วงวันสงกรานต์ ระหว่างวันที่ ๑๓-๑๗ เมษายนของทุกปี การจัดทำ และแห่ปราสาทผึ้งนั้น เมื่อสมัยก่อนชาวบ้านชาวเมืองคงยังไม่มีไต้ใช้ หรือน้ำมันตะเกียงเพื่อแสงสว่างในยามค่ำคืน คงต้องอาศัยการไปเที่ยวเก็บหาขี้ชันก้อนบ้าง ขี้ชันโพรงบ้างตามต้นไม้ในป่า หรือได้จากน้ำมันพืชบ้าง เช่น น้ำมันมะพร้าว เอามาทำเป็นประทีปตามไฟเพื่อแสงสว่าง ด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้ผู้คนคิดขึ้นมาว่าขี้ผึ้งที่เก็บได้จากรวงผึ้งนั้น ก็มีน้ำมันที่พอจะนำมาทำเป็นต้นเทียนตามไฟ เพื่อแสงสว่างได้เช่นกัน ชาวบ้านจะนำปราสาทผึ้งที่ได้ตกแต่งอย่างสวยงามไปประกอบพิธี โดยการแห่ปราสาทผึ้ง ไปรอบหมู่บ้าน และนำกลับไปตั้งที่วัดเพื่อถวายเป็นพุทธบูชา