"พิธีไหว้เจ้าที่ควาย" เป็นพิธีกรรมความเชื่อของ
อย่างหนึ่ง เกิดจากปัญหาของชาวบ้านที่ประสบเกี่ยวกับ ความไม่มั่นคง
ในการทำมาหากิน ควายเป็นปัจจัยสำคัญในการผลิต ชีวิตความเป็นอยู่ก็ย่อมขึ้นอยู่กับ วัวควายด้วย สมัยก่อนจังหวัดกระบี่เลี้ยงควายมาก ถึงกับส่งเป็นสินค้าออกไปขายต่างประเทศ บริเวณ หน้าเมืองในปัจจุบันเดิมเป็น "สะพานควาย" การเลี้ยงควายในสมัยก่อนนั้นมักปล่อยเป็นฝูงให้หากิน เองในทุ่งเลี้ยงสัตว์ เมื่อถึงฤดูการทำนาก็ต้อนฝูงให้ลงเหยียบย่ำในนาจนเป็นดินโคลนพร้อมที่จะปักดำได้ มูลของควายที่ย้ายคอกไปตามแหล่งทุ่งนาก็กลายเป็นปุ๋ยอย่างดีแต่ปัญหาที่ชาวบ้านประสบก็คือเรื่องโจร ผู้ร้ายที่ขโมยควาย บางทีก็ต้อนไปหมดทั้งฝูง หรือไม่ก็ประสบกับปัญหาโรคระบาด และภัยจากอื่น ๆ เช่นสัตว์ร้ายจำพวกเสือ เป็นต้น เจ้าของควายจึงหันไปพึ่ง"เจ้าที่" ให้ช่วยปกปักรักษา คือจะทำพิธีไหว้ เจ้าที่เพื่อขอความคุ้มครองให้ฝูงควายของตน
ช่วงเวลาการทำพิธีไหว้เจ้าที่ควาย ปกติจะประกอบพิธีกรรมปีละ 2 ครั้ง คือตอนลงนาแสนตอนจากนา –พิธีกรรม หมู่บ้านหนึ่งจะมีหมอเซ่นไหว้เจ้าที่อยู่สองสามคน มีการสืบทอดต่อกันไปเรื่อยจากรุ่นบรรพบุรุษ มาถึงลูกหลาน เล่ากันว่าหมอรุ่นก่อนที่ตายไปแล้ววิญญาณจะกลายเป็น "นายหมรูน/หรือนายหมูน" มีหน้าที่ รับใช้เจ้าที่ชั้นสูงขึ้นไป (ภาษาท้องถิ่นเรียกเจ้าที่ชั้นสูงขึ้นว่า "พ่อตา")
ในพิธีกรรมไหว้เจ้าที่ควายชาวบ้านจะจัดทำร้านกำมะลอสูงจากพื้นดินประมาณ1 ฟุต ขนาด กว้างยาวประมาณ 3 ฟุต บนร้านปูใบตอง ตั้งเครื่องเซ่น เช่น ไก่ต้ม เหล้า ข้าว น้ำ หมาก พลู บุหรี่ มีบันได เล็ก ๆ พาดลงจากร้าน บนพื้นดินหน้าร้านปูใบตองจัดวางเครื่องเซ่น เช่นกัน วางไส้ไก่ เลือด ขน พร้อม ข้าวสุก ไว้สำหรับผีหรือเจ้าที่ที่ไม่สามารถขึ้นกินบนร้านได้