ประเพณีเทศกาลกินเจเดือนเก้าของชาวไทยเชื้อสายจีน เป็นประเพณี ในรอบปี ของชาวไทยเชื้อสายจีน ตำบลบ้านโป่ง อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี ชาวไทยเชื้อสายจีน ได้ยึดถือปฏิบัติ ประเพณีในรอบปีตามวาระที่แน่นอนในรอบๆ หนึ่ง และมีการสืบทอดตามเจตนารมณ์ของบรรพบุรุษ ประเพณีของชาวไทยเชื้อสายจีน ตำบลบ้านโป่ง อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี ที่รวบรวมได้ในการศึกษามี ๒ ประเพณี ได้แก่ประเพณี ซิโกว(ทิ้งกระจาด) ประเพณี เทศกาลกินเจ การศึกษาประเพณีแต่ละประเพณีผู้เขียนจะแยกประเด็นศึกษาดังนี้ วันเวลาที่ปฏิบัติ ประวัติความเป็นมา ความมุ่งหมาย ขั้นตอนการปฏิบัติ ความเชื่อที่เกี่ยวข้อง และคุณค่าของประเพณี ซึ่งมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
ประเพณีเทศกาลกินเจ เดือน เก้า ช่วงเวลาประมาณปลายเดือน ๘ ถึงต้นเดือน ๙ จีน จะมีเทศกาลถือ ศีลกินเจ อันเป็นประเพณีเก่าแก่ในรอบปีที่สำคัญ และจะมีการทำพิธีไหว้ องค์เทพเจ้าต่างๆ ที่อยู่ในตั๊ว* ประเพณีหนึ่งของชาวไทยเชื้อสายจีน ที่อาศัยอยู่ในเขตตำบลบ้านโป่ง อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี
ประวัติความเป็นมา
ประวัติความเป็นมาของเทศกาลกินเจ เดือน เก้า ตามปฏิทินจีนทุกๆ ปี มีกำหนด ๙ วัน นั้น ตามลัทธิมหายานในพุทธศาสนามีอรรถอธิบายว่าเป็นการประกอบพิธีกรรมสักการบูชาพระพุทธเจ้า ๗ พระองค์ กับ พระโพธิสัตว์ ๒ พระองค์ รวมเป็น ๙ พระองค์ พิธีกินเจกำหนดเอาวันตามจันทรคติ คือเริ่ม ตั้งแต่ วันขึ้น ๑ ค่ำ ถึง ๙ ค่ำ เดือน ๙ ตามปฏิทินจีนรวม ๙ วัน ๙ คืน พิธีกรรมสักการบูชา พระพุทธเจ้า ๗ พระองค์ กับพระโพธิสัตว์ ๒ พระองค์นี้ ผู้ที่ศรัทธาในพระพุทธศาสนาต่างสละโลกีย์วัตร และบำเพ็ญศีลสมาทาน กินเจ บริโภคแต่อาหารผักและผลไม้ งดละเว้นการกระทำกิจใดๆ อันนำมาซึ่งความเบียดเบียนเดือดร้อนให้แก่สัตว์ทั้งปวง กล่าวคือ
*ตั๊ว หมายถึง โบสถ์ โรงเจก็เปรียบเหมือนวัด และที่สำคัญก็คือ โบสถ์ เป็นที่ประทับของ องค์สัมมาสัมพุทธเจ้า
๑.ไม่เอาชีวิตของสัตว์มาต่อเติมชีวิตของเรา
๒.ไม่เอาเลือดของสัตว์มาเป็นเลือดของเรา
๓.ไม่เอาเนื้อของสัตว์มาเป็นเนื้อของเรา
ซักมลทินออกจาก ร่างกาย วาจา และใจ สวมเสื้อผ้าขาวสะอาดบริสุทธิ์ปราศจากจุดด่างพร้อย พากันเดินทางสู่วัดวาอาราม พร้อมด้วยดอกไม้ธูป และเทียนไปนมัสการน้อมบูชาแด่ องค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือ พระพุทธเจ้า ๙ พระองค์
และเทพยเจ้าทั้งเก้า พระองค์นี้ ทรงอำนาจตบะอันเรืองฤทธิ์บริหาร ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุไฟ ธาตุลม และธาตุทองทั่วทุกพิภพน้อยใหญ่สารทิศจึงทรงแบ่งภาคต่อจากนี้อีกวาระหนึ่งเป็น ดาวนพเคราะห์ดังต่อไปนี้ ๑. ดาวไท้เอี๊ยงแช คือ พระอาทิตย์ ๒.ดาวไท้อิมแช คือ พระจันทร์ ๓.ดาวฮวยแช คือ ดาวพระอังคาร ๔.ดาวจุ๊ยแช คือ พระพุธ ๕.ดาวบั๊กแช คือ ดาวพฤหัสบดี ๖.ดาวกิมแช พระศุกร์๗.ดาวโท้วแช คือ พระเสาร์ ๘.ดาวล่อเกาแช คือ พระราหู ๙.ดาวโกยโต้วแช คือพระเกตุ เทพเจ้าทั้ง ๙ พระองค์ ทรงเครื่องทรงอย่างแบบพระมหากษัตริย์ ประชาชนจึงถวายพระนามว่า “เก้าอ๊วง”หรือ “กิ่วอ๊วง”* กำหนดเวลาทุกปีๆ ปีของขึ้น ๑ ค่ำ ถึง ๙ ค่ำ เดือน ๙ ตามจันคติ(ฝ่ายจีน) เทพยเจ้า ประจำดาวนพเคราะห์ ต่างองค์ทรงผลัดเปลี่ยนกันลงมาตรวจโลกทั้งกลางวันและกลางคืน บุคคลใดมีความประพฤติตั้งอยู่ใน กุศลกรรมวิถี ก็จักทรงประทานอำนวยความสมบูรณ์พูนสุขให้ หากบุคคลใดมีความประพฤติในทาง อกุศลกรรมวิถีก็จักทรงลงโทษตามโทษานุโทษ เทพยเจ้าแห่งดาวนพเคราะห์ งอยู่ใน กุศลกรรมวิถี ก็จักทรงประทานอำนวยความสมบูรณ์พูนสุขให้ หากบุคคลใดมีความประพฤติในทาง อกุศลกรรมวิถีก ทรงพระคุณธรรม แก่โลกเป็นอเนกประการ เฉพาะอย่างยิ่ง คือ ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุไฟ ธาตุลม และธาตุทอง ที่พระองค์ทรงประทานไว้ให้แต่ละอย่างเป็นของจำเป็นประจำในสรรพสังขาร อันไม่มีจำกัด รวมทั้งมนุษย์ สัตว์ ทุกชนิด ต้นไม้ ฯลฯ
ในลัทธิมหายาน ยังกล่าวไว้ว่า ดาวเคราะห์ทั้ง ๙ นี้ ต่างกระทำการในหน้าที่หมุนเวียนธาตุทั้ง ๕ ให้แก่โลกมนุษย์นับเป็นเวลาหลายล้านปีมาโดยมิได้หยุดพักเลย ก็เนื่องด้วยพระองค์ทรงบัญชาบริรักษ์ควบคุมอยู่และทรงเล็งทิพยญานว่า ถ้าหากดวงดาวนพเคราะห์จะหยุดพักแม้เพียงขณะใดขณะหนึ่งเล็กน้อยเท่านั้น ก็จะเกิดมหัตภัยอย่างใหญ่หลวงสุดจะประมาณได้ โลกมนุษย์ก็จะถึงซึ่งความพินาศสลายลงมนุษย์และสัตว์โลกจะตายหมด จะไม่มีแม้แต่ละอองธุลีของสังขารเหลือเลย อันพิธีบูชาดาวนพเคราะห์นั้น นับว่ามี อนิสงฆ์มากมาย ทั้งกรรมคติและเกิดธรรมมิตรสู่บรรดาพุทธบริษัททั้งหลายได้มีโอกาสกระทำการวิสาสะกันในยามที่ต่างคนต่างมีจิตเบิกบานผ่องแผ้ว ถือศีล กินเจ นุ่งขาว ห่มขาว อันเป็นปัจจัยเตือนตนเองให้สำนึกว่า ตนเป็นคนบริสุทธิ์ขาวสะอาดทั้งกายวาจา และใจ อยู่ในศีลธรรมและสามัคคีธรรม พรั่งพร้อมอยู่แล้วที่จะให้อภัยอโหสิกรรมซึ่งกันและกัน ร่วมกันน้อมนมัสการ เทพยเจ้าทั้ง ๙พระองค์นี้ เป็นการแสดงความเคารพในพระเมตตากรุณาธิคุณที่ทรงไว้ซึ่งธาตุทั้ง ๕ ให้แก่โลกทุกโลกดำรงอยู่ตามจักรราศียั่งยืนตลอดมาจึงพร้อมกันน้อมขอพระกรุณาธิคุณได้โปรดประทานพระอภิบาลรักษาพระมหากษัตริย์ พร้อมทั้งประชาชนทั้งหลายอยู่เย็นเป็นสุข
*เก้าอ๊วง หรือ กิ่วอ๊วง แปลว่า นพราชา
ยังอีกตำนานหนึ่งกล่าวไว้ว่า การกินเจเดือน ๙ นี้เชื่อกันว่า ช่วง ๑๐ วันตอนต้นเดือน ๙ นี้ เป็นช่วงที่ “ฮุดโจ้วเฮี้ยง”** ที่สุดและองค์ที่ได้ชื่อว่าศักดิ์สิทธิ์ที่สุดนี้ก็คือ “องค์กิ๋วอ่วงฮุดโจ้ว”*** เสด็จลงมาจากสวรรค์เพื่อโปรดสรรพสัตว์ในโลกมนุษย์ในช่วงเทศกาลกินเจใครตั้งจิตอธิฐานขอสิ่งใดจักสมปรารถนา แต่ต้องตั้งจิตให้บริสุทธิ์และถือศีลกินเจอย่างเคร่งครัด
ขั้นตอนพิธีกรรม
พิธีเจ่งตั๊วคือ พิธีทางสงฆ์ในการปะพรมน้ำพระพุทธมนต์เพื่อชำระล้างโรงเจหรือมณฑลพิธีให้สะอาดบริสุทธิ์สมบูรณ์ไปด้วยความเป็นสิริมงคล เพื่อรอรับเสด็จพระญาณขององค์ฮุดโจ้ว* มักจะทำในวันก่อนเก้าว่วยชิวอิก**
พิธีเฉียเก่คือ พิธีอัญเชิญพระญาณองค์ฮุดโจ้วและรับเสด็จ ณ มณฑลพิธี หรือริมน้ำ ในสมัยโบราณมีความเชื่อว่าองค์ฮุดโจ้วพระองค์ท่านเสด็จมาทางเรือ เมื่อใกล้เวลาอันเป็นมงคลฤกษ์แล้ว ประธานหรือหัวหน้าฝ่ายพิธีกรรมของโรงเจจะทำการ ปัวะปวย*** ว่าพระญาณของพระองค์ได้มาถึงหรือยังเมื่อถึงแล้วจะมีการตั้งริ้วขบวนมังกร แล้วอัญเชิญกระถางธูปขององค์ฮุดโจ้วประทับบนเกี้ยว และมุ่งสู่โรงเจโดยผ่านตลาดเพื่อเป็นการประกาศการเสด็จมาถึงขององค์ฮุดโจ้ว และถือว่าเทศกาลกินเจได้เริ่มแล้ว
พิธีอังตั๊วคือ พิธีทางสงฆ์ในการอัญเชิญพระญาณขององค์ฮุดโจ้วสู่ ณ ที่ประทับในโรงเจหรือพุทธสถาน กิจปฏิบัติของทางพระสงฆ์จีนฝ่ายมหายานในระหว่างเทศกาลกินเจ
เวลา ๐๕.๐๐ น. สวดสาธยายพระสูตรต่อหน้าพระพักตร์องค์ฮุดโจ้ว
เวลา ๑๐.๐๐ น. ประกอบพิธีก่งฮุก ซึ่งเป็นการถวายเครื่องบูชาแก่องค์ฮุดโจ้ว
เวลา ๑๖.๐๐ น. สวดสาธยายพระสูตรต่อหน้าพระพักตร์องค์ฮุดโจ้ว
**“ฮุดโจ้วเฮี้ยง” หมายถึง เป็นช่วงเวลาที่ องค์พระพุทธเจ้า ๙ พระองค์ แผ่พระบารมีมากที่สุด
*** “องค์กิ่วอ่วงฮุดโจ้ว” หมายถึง พระพุทธเจ้า ๗ พระองค์ พระโพธิสัตว์ ๒ พระองค์ หรือ พระพุทธเจ้า ๙ พระองค์
*องค์ฮุดโจ้ว หมายถึง องค์กิ๋วอ่วงฮุดโจ้ว หรือ พระพุทธเจ้า ๙ พระองค์
**วันก่อนเก้าว่วยชิวอิก หมายถึง วันสิ้นเดือนแปด
***ปัวะปวย หมายถึง การเสี่ยงทาย
เวลา ๑๙.๐๐ น. พระสงฆ์จะประกอบพิธีสวดมนต์เพื่อถวายเป็นพุทธบูชาร่วมกับฝ่ายฆราวาส
หลังจากนั้นพระสงฆ์จะเดินนำสาธุชนพร้อมถือธูปกันคนละ ๑ ดอก เดินรอบโรงเจ ๓ รอบ ซึ่งเรียกกันว่า “พิธีเกี่ยวเฮียว”****พร้อมทั้งสวดพระคาถา “เอี่ยะ ซือ กวง เต้ง จิง งั้ง หรือ ภาษาบาลีเรียกว่า พระไภษัชยคุรุไวฑูรย์ประภาส” ท่านคือพระพุทธเจ้าแห่งยา*****
พิธีปั้งจุ๋ยเต็งคือ พิธีลอยกระทง ซึ่งมักกำหนดไว้ในวันชิวลักหรือวันที่ ๖ ของเทศกาลเวลายามเย็น โดยประธานโรงเจหรือหัวหน้าฝ่ายพิธีกรรมจะอัญเชิญองค์กิ๋วอ่วงฮุดโจ้วขึ้นเกี้ยวประทับออกแห่รอบตลาด เพื่อโปรดชาวตลาดให้อยู่เย็นเป็นสุข
พิธีซิโกวคือ พิธีทิ้งกระจาด มักจะกำหนดในวันชิวเก้าของเทศกาล โดยในวันชิวลักพระสงฆ์จีนและกรรมการโรงเจจะตั้งเสาธงทำด้วยลำไม้ไผ่ ๒ ต้น ตรงด้านข้างของประตูทางเข้าโรงเจ โดยเสาด้าน ซ้ายจะประดับธงสีเหลือง ซึ่งเป็นธงขององค์ฮุดโจ้ว ส่วนทางด้านขวาจะประดับธงแดง เราเรียกว่า “คุกเขียกโกวฮุ้ง”*ซึ่งเป็นธงของยมทูตผู้คุมวิญญาณสรรพสัตว์ที่เร่ร่อนและมีการปิดป้ายประกาศที่เรียกว่า ปั๋งบุ้ง**
ติดอยู่ทางขวาของประตูซึ่งป้ายนี้จะบอกถึงกำหนดการในพิธีกินเจ พร้อมอัญเชิญองค์ฮุดโจ้ว พระโพธิสัตว์เข้าร่วมพิธี โดยจะมีชื่อกรรมการของโรงเจฝ่ายที่จัดงานในครั้งนี้อยู่ด้วย การตั้งธงทั้งสองข้างมีนัยสำคัญคือ เสาธงฮุดโจ้ว เป็นการอัญเชิญองค์เทพ โดยการสวดบูชาด้วยธูป - เทียน ซึ่งกลิ่นของธูปจะขจรขจายไปถึงสวรรค์ เพื่อเป็นการทูลเชิญองค์ฮุดโจ้วและองค์เทพทั้งหลาย เพื่อมาเป็นสักขีพยานในงานซิโกวนี้ ส่วนเสาธงของโกวฮุ้งจะมีการสวดมนต์เรียกวิญญาณของสรรพสัตว์ภายนอกโรงเจ ให้ข้าในมณฑลพิธีเมื่อได้ยิน บทสวดพร้อมเสียงกระดิ่งของพระสงฆ์ที่กำลังประกอบพิธีหรือได้เห็นธงสีแดงตามความเชื่อเป็นพิธีที่อุทิศส่วนกุศลแก่ดวงวิญญาณที่ได้นำมาไว้ในมณฑลพิธีและดวงวิญญาณไร้ญาตินอกมณฑลพิธี
พิธีเกี่ยจี่คือ พิธีไหว้ใหญ่ เป็นพิธีกรรมในลัทธิเต๋า ฝ่ายที่ยึดตี่ฉั่งอ๊วงเป็นสรณะ พิธีกรรมนี้เป็นการประกอบพิธีโดยฆราวาส กรรมการโรงเจ ซึ่งประกอบพิธีนี้ในวันสำคัญจริงๆ อาทิ เช่น วันที่องค์พระอวโลติเกศวรกวนอิมสำเร็จมรรคผล เสด็จสู่สรวงสวรรค์แผ่พระบารมีมหากรุณาแด่สรรพสัตว์ แต่ในเทศกาลกินเจจะทำในวันที่ ๓ , ๖ , ๙ หรือภาษาจีนจะเรียกว่า เจคี้ ( ซา, ลัก , เก้า) เป็นพิธีกรรมบูชา องค์ฮุดโจ้วโดยการถวายของบูชา อาหารเจและผลไม้อันบริสุทธิ์ที่สุด เพราะจะต้องจัดโดยบุรุษเพศเท่านั้นและต้องเตรียมอาหารเจและผลไม้ดังกล่าว จากห้องที่เรียกว่า “ก้งปั๊ง”***
****พิธีเกี่ยวเฮียว หมายถึง การเดินธูป คือถือธูปคนละ ๑ ดอก และสวดมนต์เดินรอบโรงเจ ๓ รอบ คล้ายพิธีเวียนเทียนของพระสงฆ์ไทยและฝ่ายฆราวาส
*****ท่านคือพระพุทธเจ้าแห่งยา หมายถึง ยาที่รักษาร่างกายให้หายเจ็บป่วย หรืออีกนัยหนึ่ง คือ ยาที่ดับกิเลส และกองทุกข์ของมนุษย์
*คุกเขียกโกวฮุ้ง หมายถึง เป็นตัวแทนยมทูตคอยควบคุมสัมภเวสีให้มาคอยรับส่วนบุญส่วนกุศล ณ ที่นี้
**ปั๋งบุ้ง หมายถึง ป้ายประกาศรายชื่อผู้กินเจ และกำหนดการต่าง
***ก้งปั๊ง หมายถึง ห้องที่คอยจัดเตรียมอาหารเจ ไว้สำหรับเข้าพิธีไหว้
ซึ่งจะต้องเป็นสถานสะอาดบริสุทธิ์ไม่อนุญาตให้สตรีเพศเข้าไปในห้องนี้โดยเด็ดขาดในช่วงเทศกาลกินเจ ฝ่ายพิธีกรรมจะนำอาหารเจและผลไม้ถวายแก่องค์เทพทั้งหลายตามลำดับชั้น และจะมีพิธีกรคอยกำกับลำดับขั้นตอน โดยกรรมการแต่ละคนจะหมุนเวียนมาถวายคนละ ๑ อย่าง ส่วนกรรมการในพิธีจะใช้อย่างน้อย ๒๑ คน และจะต้องสวมชุดขาวแขนยาวและชายเสื้อยาวคุมถึงข้อเท้า ซึ่งเรียกว่า “ตั่วซา”****
พิธีซั่งเก่คือ พิธีส่งเสด็จพระญาณขององค์ฮุดโจ้วขึ้นสู่สรวงสวรรค์ ซึ่งจะมีขบวนแห่มังกรอัญเชิญกระถางธูปองค์กิ๋วอ่วงฮุดโจ้วตลอดจนเครื่องทรงองค์เทพที่มีผู้มาถวายระหว่างงานเทศกาล ไปยังบริเวณมณฑลพิธี หรือริมน้ำ โดยพระสงฆ์จะเป็นผู้ประกอบพิธี ส่งเสด็จฯ เสร็จแล้วคณะกรรมการโรงเจนำกระถางธูป เครื่ององค์เทพทั้งหมดไปไว้บนแพ และจุดไฟเผาของทั้งหมดแล้วจึงจูงแพดังกล่าวสู่กลางแม่น้ำ เมื่อของบนแพทั้งหมดไหม้จน มอดหมดเป็นอันเสร็จพิธีกินเจอย่างสมบูรณ์
***ตั่วซา หมายถึง ชุดขาวของกรรมการที่สำหรับใส่เข้าพิธีไหว้ใหญ่
ความเชื่อที่เกี่ยวข้อง
การถือศีลกินเจ จะมีการกราบไหว้บูชาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และก็อาจจะมีการบนเกิดขึ้น และก็จะได้สิ่งที่คาดหวัง คนจึงยิ่งนับถือบูชาเป็นพิเศษ
คุณค่าของประเพณี
การถือศีลกินเจเป็นการต่อเติมชีวิตให้ดีขึ้น เพราะว่าการถือศีลกินเจนั้นเป็นการรับประทานอาหารมังสวิรัติ ทำให้เราไม่ต้องฆ่าสัตว์ตัดชีวิต พร้อมยังได้ถือศีลทำบุญอีกด้วย ดังนั้นการถือศีลกินเจจึงมีคุณค่าทั้งทางกาย วาจา และใจ ทางกายก็คือ การได้สุขภาพดี ทางวาจา คือ การได้สวดมนต์ ทางใจ คือ การได้ทำใจให้บริสุทธิ์
สถานที่จัดประเพณี
โรงเจบ้วนฮกตั้วบ้านโป่ง ตำบลบ้านโป่ง อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี