ลูกประคบสมุนไพรเป็นภูมิปัญญาไทยที่มีมาแต่โบราณ เป็นการนำสมุนไพรพื้นบ้านชนิดต่างๆ มาใช้ประโยชน์ในการคลายกล้ามเนื้อ ลดอาการปวดเมื่อยลูกประคบมีพืชสมุนไพรเป็นส่วนประกอบหลักอย่างน้อย 3 ชนิด ได้แก่ ไพล ขมิ้นชันและตะไคร้ อาจผสมสมุนไพรชนิดอื่นๆ เช่น ผิวมะกรูด ใบมะขาม ใบส้มป่อย ใบหนาด ใบพลับพลึง ลูกประคบสมุนไพรมีอยู่ด้วยกันหลายสูตรทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแต่ละภูมิภาคของประเทศ ซึ่งจะใช้สมุนไพรที่มีอยู่ในท้องถิ่นนั้นๆเป็นส่วนประกอบ ลูกประคบสมุนไพรมีทั้งแบบแห้งและแบบสด
วัตถุดิบและส่วนประกอบ ได้แก่ สมุนไพรที่ใช้ในการทำลูกประคบสมุนไพร เช่น ไพล ขมิ้นชัน ตะไคร้บ้าน ใบมะขาม
ผิวมะกรูด ใบส้มป่อย ใบเปล้าใหญ่ เถาเอ็นอ่อน เถาวัลย์เปรียง ว่านนางคำ และอุปกรณ์อื่นๆ ที่ใช้ในการประกอบ ได้แก่
ผ้าดิบ เชือกฝ้าย ครก สาก มีด กระด้ง กรรไกร ไม้พาย กล่องพลาสติก ตาชั่ง ถาด ทัพพี ถุงบรรจุภัณฑ์
ขั้นตอนการผลิต
๑. นำสมุนไพรแต่ละชนิดมาล้างน้ำหลาย ๆ ครั้ง ให้สะอาดแล้วผึ่งให้สะเด็ดน้ำ
๒. นำไพล ขมิ้นชัน ว่านนางคำ มาหั่นเป็นชิ้นบางๆ / ตะไคร้ หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ / ใบมะขาม ใบส้มป่อย ตากแดด
จนแห้ง/ใบเปล้าใหญ่ เถาเอ็นอ่อน เถาวัลย์เปรียง สับให้ได้ชิ้นพอปานกลาง / มะกรูด ฝานเอาแต่เปลือก
๓. นำสมุนไพรตามข้อ ๒ ไปตากแดดจนแห้ง จากนั้นนำมาตำให้ได้ขนาดตามต้องการ ยกเว้นใบมะขามและใบส้มป่อย
ไม่ต้องตำหรือบด การนำสมุนไพรตากแดดหรืออบ แต่ละชนิดใช้เวลาประมาณ ๓ - ๕ วัน ขึ้นอยู่กับขนาดของสมุนไพรที่เราหั่นหรือสับ
๔. นำสมุนไพรทุกชนิดมาชั่งน้ำหนักตามสูตรที่ต้องการแล้วนำมาผสมกัน
๕. เตรียมผ้าสำหรับห่อลูกประคบ ชั่งสมุนไพรผสม ๑๕๐ กรัม วางบนผ้า แล้วจึงห่อลูกประคบให้แน่นด้วยเชือก
เทคนิค/เคล็ดลับในการผลิต คือ สมุนไพรที่ใช้เป็นสมุนไพรที่มีคุณภาพ ในการเก็บเกี่ยวสมุนไพรแต่ละชนิดกลุ่มจะเลือกเฟ้นเฉพาะสมุนไพรที่ได้ระยะเวลาในการเก็บเกี่ยวเท่านั้น และเลือกเก็บสมุนไพรในช่วงเวลาที่มีคุณภาพ
๓.กลุ่มผู้ผลิต ผู้ประกอบการ และเมื่อสมุนไพรแห้งแล้ว จะตำด้วยครกไม่ใช้เครื่องบด
ลักษณะที่โดดเด่นของลูกประคบสมุนไพรบ้านหนองบัว คือการที่กลุ่มแปรรูปพืชสมุนไพรบ้านหนองบัว ใช้สมุนไพรในพื้นที่ชุมชนและสมุนไพรธรรมชาติเป็นหลัก ปลอดภัยจากสารฆ่าแมลง และมีกลิ่นหอมธรรมชาติของสมุนไพรปราศจากสารปรุงแต่ง
มาตรฐานและรางวัลที่ได้รับ ได้แก่
๑. ม.ผ.ช ๗๔/๒๕๔๖
๒. ได้รับรางวัลชนะเลิศอันดับที่ ๒ โครงการมอบทุนการศึกษาแก่นิสิต นักศึกษา ประจำปี ๒๕๕๒ การสร้างธุรกิจชุมชนให้เป็นจริงและยั่งยืน ครั้งที่ ๓ มูลนิธิยุทธศาสตร์ ณ นคร เพื่อสมาคมนักธุรกิจแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ ๕ ส.ค.๒๕๕๒ ซึ่งนักศึกษามหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ปีที่ ๒ ส่งเข้าประกวด