วัดหนองนกไข่ ตำบลหนองนกไข่ อำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร แต่เดิมตำบลหนองนกไข่ไม่มีวัดประจำตำบลประชาชนจึงต้องเดินทางไปทำบุญ บำเพ็ญกุศลที่วัดในตำบลใกล้เคียงคือวัดท่ากระบือ ตำบลท่าไม้ อำเภอกระทุ่มแบน และวัดคลองตันราษฎรบำรุง ตำบลเกษตรพัฒนา อำเภอบ้านแพ้ว ต่อมาได้มีคหบดีใจบุญ คือนายแก้ว ศรีจินดา ได้บริจาคที่ดินให้สร้างวัดเมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๑ โดยมีพระสมบูรณ์ ขนฺติสาธร เป็นหัวหน้าคณะสงฆ์ แต่ท่านได้ลาสิขาไปใน พ.ศ. ๒๕๐๔ ทางพระสงฆ์ได้แต่งตั้งพระคับ ปญฺญาพโล (ผ่องสุขสวัสดิ์) เป็นเจ้าอาวาสรูปแรกของวัดหนองนกไข่ พระอธิการคับ ปญฺญาพโล ได้รับเลื่อนสมณศักดิ์เป็น พระครูสาครปัญญาคุณ ท่านได้พัฒนาและสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้แก่วัดเป็นอันมาก ทั้งด้านการศึกษา ด้านการเผยแพร่ ด้านสาธารณูปโภค ภายในวัดมีปูชณียวัตถุที่สำคัญ ได้แก่ พระพุทธรูปปางมารวิชัย แบบพระพุทธชินราชประดิษฐานอยู่ในอุโบสถ ซึ่งประชาชนให้ความเคารพนับถือเป็นจำนวนมาก เรียกนามว่า “หลวงพ่อใหญ่ประทัดแตก”
นอกจากนี้ภายในวัดยังมีอนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงม้า ซึ่งมีขนาดใกล้เคียงกับ พระบรมราชานุสาวรีย์ที่วงเวียนใหญ่ ถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิที่ประชาชนทั่วสาทิศเดินทางมากราบไหว้ ขอพรเพื่อปราถนาความสำเร็จ พระอาจารย์คับ ปัญญาพโล หรือพระครูสาครปัญญาคุณ เจ้าอาวาสรูปแรกของวัด ซึ่งท่านได้นิมิตเห็นพระเจ้าตากสินมหาราช และได้สนทนากันในนิมิตนั้นว่า พระเจ้าตากสินให้สร้างอนุสาวรีย์ขึ้นมา แต่ด้วยตอนนั้นทางวัดยังไม่มีกำลังพอและยังมีหนี้สินอยู่จึงได้ขอเวลาหนึ่งปีเพื่อสร้างให้แล้วเสร็จ ซึ่งพระเจ้าตากสินได้ตอบในนิมิตว่า ไม่เป็นไร หากสร้างสำเร็จอะไรๆก็จะดีขึ้นเอง การเริ่มต้นสร้างอนุสาวรีย์พระเจ้าตากสินมหาราชจึงได้เริ่มขึ้นตั้งแต่ พ.ศ. 2520 และเสร็จ ในปี 2522 ซึ่งหลังจากนั้น ทางวัดก็สามารถปลดหนี้จำนวนสองล้านที่เกิดจากการขาดทุนในการจัดงานวัดครั้งก่อนๆได้สำเร็จ และหลังจากนั้น พระอาจารย์คับจึงได้จัดงานประจำปีของทางวัดขึ้นอีก แต่ด้วยตอนนั้นการเดินทางไม่สะดวก มีเพียงคันดินเล็กๆ ให้เดินเข้ามา หรือมาทางเรือ ประกอบกับฝนตกหนัก พระอาจารย์คับจึงกังวลว่าผู้คนจะเดินทางมางานวัดไม่ได้ จึงบนบานต่อพระเจ้าตากสินให้ฝนหยุดตกในช่วงจัดงาน และฝนก็ได้หยุดตามคำขอพระอาจารย์คับ จึงได้คิดทำข้าวต้มมัดเพื่อใช้ในงานแก้บน เพราะเห็นว่าข้าวต้มมัดนั้น น่าจะเป็นเสบียงอาหารอย่างหนึ่ง ที่กำลังพลสามารถนำติดตัวเวลาเดินทัพได้ ผสมกับกุศโลบายที่อยากให้ชาวบ้านเกิดความรักความสามัคคีกันเหมือนกับข้าวต้มมัดที่จะมีสองกีบมัดติดกันไว้ ประเพณีบวงสรวงพระเจ้าตากสินมหาราชจึงได้เริ่มขึ้นตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
วัดหนองนกไข่จึงได้กำหนดจัดงานพิธีบวงสรวงอนุสาวรีย์ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชขึ้น โดยการถวายข้าวต้มมัด และไข่เป็ดต้ม ประจำปีในวันที่ ๒๘ ธันวาคม ติดต่อกันมากว่า ๔๐ ปี ทั้งนี้เพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ ที่ทรงกู้ชาติ กู้แผ่นดินจากการยึดครองพม่า ชาติไทยจึงมีอิสรภาพมาตั้งแต่ พ.ศ. ๒๓๑๐ ตราบทุกวันนี้
ตามบันทึกพระราชพงศาวดาร ฉบับพระราชหัตเลขา บันทึกโดยหลวงวงศาธิราชสนิทตอนหนึ่งว่า
“ครั้นถึง ณ วันอาทิตย์เดือน ๓ แรม ๑๑ ค่ำ (พ.ศ. ๒๓๑๐) ได้มหาพิชัยฤกษ์ จึงสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็เสด็จลงเรือพระที่นั่งกราบยาวสิบสามวา พร้อมด้วยเรือท้าวพระยา ข้าทูลละอองธุลีพระบาทเป็นอันมาก เสด็จพระยุหยาตรานาวาทัพสรรพด้วยพลโยธาหาญแปดพันแปดร้อยเศษ จากกรุงธนบุรี ไปทางชลมารค หยุดประทับ ณ “เมืองสาครบุรี” คอยน้ำขึ้น ครั้นค่ำเพลาห้าทุ่มจึงได้เคลื่อนกองทัพไป เพลารุ่งเช้าเข้าที่เสวย ณ วัดกลางค่ายบางกุ้ง เพลาบ่ายโมงเศษเสด็จไปถึงค่ายมั่นเมืองราชบุรี…”
อีกคราหนึ่ง พ.ศ. ๒๓๑๘ บ้านเมืองยังอยู่ในภาวะสงคราม ประชาชน และกองทัพต่างเดือดร้อนอกอยาก จำเป็นต้องมีเสบียงให้เพียงพอ พงศาวดาราฉบับเดียวกันนี้ได้กล่าวไว้ดังนี้
“จึงดำรัสให้มีตรากองทัพทั้งปวงกลับลงมายังพระนครพร้อมกันแล้ว โปรดให้เจ้าพระยาจักรี เจ้าพระยาสุรสีห์ พระยาธรรม คุมไพร่พลทั้งปวงไปตั้ง “ทำนา” ณ ทะเลตมฟากตะวันออกกรุงธนบุรี และทุ่งกะปิ สามเสน
……ให้พระยายมราช พระยาราชสุภาวดี คุมไพร่พลทั้งปวงตั้ง “ทำนา” ณ ทะเลตมฟากตะวันตก และ “กระทุ่มแบน” “หนองบัว” “แขวงนครชัยศรี”
ดังนั้น บรรพบุรุษเราทั้งกระทุ่มแบน บ้านแพ้ว เคยมีส่วนร่วมในการปลูกข้าวเลี้ยงประชาชนและกองทัพในยามยากลำบากมาแล้ว ขอสดุดีบรรพชนไทยครับท่าน
ประเพณีการห่อข้าวต้มมัดของวัดหนองนกไข่และชาวบ้านตำบลหนองนกไข่ นับเป็นอีกหนึ่งประเพณีที่มีความสำคัญ ชาวบ้านจากทุกหมู่บ้านของตำบลหนองนกไข่และพื้นที่ใกล้เคียงจะมารวมตัวกันที่วัดในวันที่ ๒๗ ธันวาคมของทุกปี ชาวบ้านมีการบริจาคข้าวของเพื่อมาทำการห่อข้าวต้มมัดโดยชาวบ้านช่วยกันร่วมแรงร่วมใจในการทำข้าวต้มมัด และการห่อข้าวต้มมีการใส่ข้าวเหนียวดำอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีการแข่งกันการห่อข้าวต้มมัดซึ่งมีวัสดุในการห่อได้แก่ ใบตอง ใบจาก และการใช้ตอกในการห่อข้าวต้มมัด ซึ่งในการประกวดนั้นจะต้องนำข้าวต้มที่ทำไว้มาให้กรรมการชิมด้วย และนำมาห่อข้าวต้มต่อหน้ากรรมการเพื่อเป็นการยืนยันว่าตนเองนั้นเป็นคนทำด้วยตัวเอง แต่ก่อนจะมีเป็นการแข่งขันการห่อข้าวต้มมัดนั้น มีการแข่งขันการกินข้าวต้มมัดและได้มีการปรับเปลี่ยนกิจกรรมมาเป็นการห่อข้าวต้มมัดจนถึงปัจจุบันนั้นเอง เมื่อถึงวันที่ ๒๘ ธันวาคม ตอนเช้าจะมีการจัดทำบวงสรวงพระเจ้าตากสินมหาราชโดยชาวบ้านมีการนำข้าวมัดที่ชาวบ้านร่วมไม้ร่วมมือทำ ไข่ต้ม และพานพุ่มดอกไม้ ซึ่งมีการกล่าวประวัติความเป็นมาของพระเจ้าตากสินมหาราช และวันที่ ๒๙ ธันวาคม มีการจัดเทศน์มหาชาติอีกด้วย
นอกจากนี้ชาวบ้านที่ได้บนบานสานกล่าวไว้สมดังหวังโดยเฉพาะในเรื่องของการทำเกษตรกรรม ก็จะแก้บนด้วยการนำข้าวต้มมัด พร้อมทั้งไข่ต้มและผลไม้ต่าง ๆ นานาชนิดมาถวาย จนกลายเป็นธรรมเนียมประเพณีที่ชาว ตำบลหนองนกไข่ ยึดถือปฏิบัติสืบมา ซึ่งพอหลังจากทำพิธีบวงสรวงเสร็จแล้ว ก็จะมีการแจกข้าวต้มมัดและไข่ต้มให้ผู้ที่มาร่วมงานได้นำกลับไปรับประทานกัน โดยบางคนก็เชื่อว่าเป็นยารักษาโรคได้ดี
ที่มา :http://www.dooasia.com/siam/tour/nong.shtml
ประเพณีห่อข้าวต้มมัด (m-culture.go.th)