ร่วมแสดงความคิดเห็นกับเรา
ขอขอบคุณสำหรับการเยี่ยมชมเวบไซต์ m-culture.in.th

เราได้จัดทำแบบสำรวจแบบง่ายๆ เพื่อจะ
ได้ทราบถึงสิ่งที่ผู้เยี่ยมชมเวบไซต์เรา
ชอบและให้เราได้เรียนเกี่ยวกับคุณมากขึ้น
 
ละติจูด (รุ้ง) : N 14° 12' 23.298"
14.206471674812521
ลองจิจูด (แวง) : E 101° 22' 57.7576"
101.38271045335114
เลขที่ : 132527
โรงกลั่นไม้กฤษณา
เสนอโดย ทาสรักผู้ภักดี วันที่ 26 เมษายน 2555
อนุมัติโดย ปราจีนบุรี วันที่ 26 เมษายน 2555
จังหวัด : ปราจีนบุรี
0 1749
รายละเอียด

กระบวนการสกัดน้ำมันกฤษณา

การสกัดน้ำมันกฤษณาจะใช้วิธีการเหมือนกับน้ำมันหอมระเหยโดยทั่วไป ได้แก่ การต้มกลั่นแบบใช้น้ำ (water distillation) แต่น้ำมันกฤษณาจัดเป็นสารจำพวกเรซิน (resin) ที่สร้างขึ้นในเนื้อไม้กฤษณา ซึ่งจะมีลักษณะข้นเหนียว การสกัดที่กระทำกันอยู่ในปัจจุบันนี้ให้ผลผลิตน้ำมันที่มีปริมาณค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับการกลั่นน้ำมันหอมระเหยโดยทั่วไป จากกรณีศึกษาการสกัดน้ำมันกฤษณาของบริษัทหนึ่งโดยอิสระ (2545) พบว่า กระบวนการกลั่นน้ำมันกฤษณาโดยวิธีการต้มกลั่นนั้นมีประสิทธิภาพของกระบวนการกลั่นต่ำมาก คิดเป็นค่าเฉลี่ยเพียงร้อยละ 0.124 ซึ่งทั้งนี้การคำนวณหาประสิทธิภาพดังกล่าว เป็นค่าอัตราส่วนร้อยละของปริมาณน้ำมันกฤษณาที่กลั่นออกมาได้ต่อปริมาณน้ำหนักวัตถุดิบที่ใส่เข้าไปในตอนแรก

กระบวนการสกัดน้ำมันกฤษณา

สำหรับเทคโนโลยีกระบวนการกลั่นน้ำมันกฤษณาโดยวิธีการต้มกลั่นด้วยน้ำในปัจจุบัน มีขั้นตอนที่ปฏิบัติกันโดยทั่วไป สามารถสรุปได้ดังนี้

1. การสับแยกชิ้นไม้กฤษณาที่เกิดสารกฤษณา

การรับซื้อไม้กฤษณาที่เกิดสารกฤษณาสะสมอยู่ในเนื้อไม้ ซึ่งเป็นชิ้นส่วนที่สามารถจะนำมากลั่นให้น้ำมันกฤษณาได้นั้น ผู้รับซื้ออาจจะซื้อมาเป็นท่อนไม้ แล้วนำมาสับคัดแยกเฉพาะส่วนที่เกิดสารกฤษณาเอง หรืออาจจะรับซื้อชิ้นไม้สับ ที่ได้ทำการคัดแยกเนื้อไม้สีขาวที่ไม่เกิดสารกฤษณาออกไปแล้วโดยผู้ขาย ซึ่งราคาชิ้นไม้กฤษณาดังกล่าวจะขึ้นอยู่กับปริมาณการสะสมสารกฤษณาในเนื้อไม้ว่ามีมากน้อยเพียงไร และคุณภาพของเนื้อไม้ที่เกิดสารกฤษณาดังกล่าว ชิ้นไม้กฤษณาหลังจากสับคัดแยกส่วนที่ไม่เกิดสารกฤษณาแล้ว จะมีลักษณะเป็นชิ้นเล็ก ๆ บาง ๆ ขนาดกว้างประมาณ 2- 3 ซม. และยาว ประมาณ 4-5 ซม. เพื่อง่ายต่อการทำให้แห้ง และนำไปเข้าเครื่องบดต่อไป

2. การตากแดด

นำชิ้นไม้กฤษณาที่สับได้ มาผึ่ง หรือตากแดดประมาณ 2-3 วัน เพื่อให้ความชื้นในเนื้อไม้ลดลง และง่ายต่อการบดโดยใช้เครื่องจักรบด

3. การบด

นำชิ้นไม้ที่ตากแดดจนได้ความชื้นภายในเนื้อไม้ที่ต้องการแล้ว มาบดโดยใช้เครื่องบดย่อยไม้ให้ได้ผงไม้ขนาดเล็กเพิ่มผิวสัมผัสของกับเนื้อไม้ให้มากที่สุด

4. การหมัก

ผงไม้กฤษณาที่บดแล้วจะนำมาแช่น้ำเปล่าให้ท่วม ทิ้งไว้ประมาณ 2-10 วัน ซึ่งขึ้นอยู่กับกรรมวิธีของผู้ประกอบการแต่ละราย โดยผู้ประกอบการบางรายเชื่อว่า การหมักผงไม้กฤษณาก่อนการกลั่นจะทำให้กลิ่นของน้ำมันที่สกัดได้แตกต่างกันตามเวลาที่ใช้ในการหมัก

5. การต้มกลั่น

หลังจากหมักผงไม้จนได้ตามเวลาที่ต้องการแล้ว จะนำมาต้มในหม้อต้มตามขนาดและปริมาณที่ต้องการ โดยทั่วไปจะใช้เนื้อไม้แห้งประมาณ 15-20 กิโลกรัมต่อ 1 หม้อต้มกลั่น สำหรับชุดต้มกลั่นน้ำมันกฤษณาจะมีความหลากหลายกันไป แต่หลักการทั่วไปคือเมื่อต้มเนื้อไม้กับน้ำเปล่าจนหม้อต้มได้รับความร้อนจนถึงจุดเดือดของน้ำและน้ำมันกฤษณาแล้ว น้ำและน้ำมันก็จะเปลี่ยนสถานะกลายเป็นไอ เมื่อไอของน้ำและน้ำมันผ่านมาทางท่อเย็น ไอน้ำก็จะเกิดการควบแน่นกลายเป็นของเหลวแยกชั้นระหว่าง น้ำกับน้ำมันกฤษณา โดยน้ำมันจะลอยตัวอยู่เหนือน้ำ

6. การแยกน้ำมันกับน้ำ

หลังจากทำการกลั่นเป็นระยะเวลาประมาณ 2-10 วัน (ขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพการกลั่นของแต่ละโรงงาน) ซึ่งส่วนใหญ่จะดูจากไม่มีน้ำมันแยกออกมาระหว่างทำการกลั่นอีกแล้ว ก็จะหยุดกลั่น และทำการแยกน้ำมันออกจากน้ำ

สถานที่ตั้ง
โรงกลั่นไม้กฤษณา
เลขที่ 87/2 หมู่ที่/หมู่บ้าน 13 บ้านธารเลา ซอย - ถนน -
ตำบล เนินหอม อำเภอ เมืองปราจีนบุรี จังหวัด ปราจีนบุรี
รายละเอียดการเข้าถึงข้อมูล
สนง.วัฒนธรรมจังหวัดปราจีนบุรี
บุคคลอ้างอิง นายภัคดี แซ่
ชื่อที่ทำงาน -
เลขที่ 87/2 หมู่ที่/หมู่บ้าน 13 บ้านธารเลา ซอย - ถนน -
ตำบล เนินหอม อำเภอ เมืองปราจีนบุรี จังหวัด ปราจีนบุรี รหัสไปรษณีย์ 25000
โทรศัพท์ 086-9499761 โทรสาร -
แสดงความคิดเห็น
โปรด เข้าสู่ระบบ ก่อนทำการแสดงความคิดเห็น

ชื่อผู้ใช้
รหัสผ่าน
ยังไม่มีการแสดงความคิดเห็น
ข้อมูลที่แสดงในระบบนี้ จัดเก็บโดยนักวิชาการวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม หากมีข้อเสนอแนะหรือข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อวัฒนธรรมจังหวัด
       ข้อมูลนี้เป็นประโยชน์หรือไม่