วัฒนธรรมการรับประทานอาหาร การรับประทานอาหารหรือการบริโภคเป็นวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์สำคัญประการหนึ่งของชาวปัตตานี วัฒนธรรมการบริโภคเป็นวิถีชีวิตมุสลิมที่มีความแตกต่างจากประชากรที่นับถือศาสนาอื่นๆ อาทิ มุสลิมห้ามรับประทานเนื้อหมู่ ห้ามเสพสุรา ห้ามเสพสิ่งเสพย์ติด การห้ามของมุสลิมเป็นข้อห้ามตามหลักการของศาสนาอิสลามที่ต้องงดเว้นอย่างเด็ดขาด สำหรับค่านิยมการบริโภคอาหาร อาหารพื้นเมืองของปัตตานี โดยทั่วไปจะมีรสชาติค่อนข้างหวานๆ ไม่เผ็ดจัดเหมือนอาหารทางภาคใต้ในจังหวัดอื่นๆ นิยมรับประทานน้ำพริกบูดู ไม่นิยมรับประทานผักสด นิยมรับประทานผักลวก นิยมรับประทานข้าวสวย อาหารส่วนมากจะมีส่วนผสมของน้ำหรือน้ำแกงค่อนข้างน้อย เพื่อความสะดวกในการรับประทานอาหารโดยใช้มือหยิบ คนท้องถิ่นรุ่นก่อนๆ ในปัตตานีนิยมรับประทานอาหารด้วยมือ วัฒนธรรมในการรับประทานอาหารเป็นไปตามแนววิถีชีวิตมุสลิม เนื่องจากปัตตานีมีประชากรนับถือศาสนาอิสลามเป็นส่วนใหญ่คือ มากกว่าร้อยละ 80 วัฒนธรรมการรับประทานอาหารสรุปได้โดยสังเขปดังนี้ 1. เลือกบริโภคอาหารเฉพาะที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย 2. บริโภคอาหารพอประมาณคือ แบ่งเป็น 3 ส่วน อาหาร 1 ส่วน น้ำ 1 ส่วน และอากาศ 1 ส่วน 3. นอกจากอาหารที่เป็นประโยชน์ ซึ่งอนุญาตโดยทั่วไปที่เรียกว่า “ฮาลาล” แล้ว องค์อัลลอฮ ทรงแนะนำให้มุสลิมบริโภคสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น น้ำนม น้ำผึ้ง ผลไม้ อาหารทะเล 4. มีความสำรวมในการบริโภคอาหารและเครื่องดื่ม ไม่ยืนหรือเดินขณะรับประทานอาหาร 5. อาหารที่ไม่อนุญาตให้มุสลิมบริโภค คือ 5.1 หมู โดยเหตุผลที่ว่า หมูเป็นสัตว์สี่เท้าที่สกปรก กินอาหารไม่เลือกและเป็นสัตว์ที่มี เชื้อโรคภายในตัวมาก เป็นเชื้อโรคที่ฆ่าให้ตายได้ยาก อย่างไรก็ตามหากมุสลิมอยู่ในสภาวะคับขัน เมื่อสุดวิสัยที่จะหาอาหารใดๆ ได้แล้ว หากอดอาหารอันจะเป็นผลต่อชีวิตหรือสุขภาพก็ยอมให้บริโภคได้ 5.2 อาหารที่เป็นของมึนเมาทุกชนิด ได้แก่ เหล้า เบียร์ แม้แต่จะนำมาผสมยารักษาโรค การห้ามดังกล่าวรวมถึงผู้เข้าไปมีส่วนร่วมในการผลิต ผู้จำหน่าย ผู้เสิร์ฟ หรือบริการด้วย